ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 612 ที่พึ่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ
บทที่ 612 ที่พึ่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กำจัดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการไปแล้ว นับว่ามรรคาสวรรค์พ้นภัยไปอีกครั้ง” จอมอริยะเสวียนตูเบี่ยงหัวข้อสนทนาไป
เขาร่วมมือกับหานเจวี๋ยอยู่ ไม่ต้องการให้เหล่าอริยะรู้สึกริษยาและมองหานเจวี๋ยเป็นศัตรูเพราะเหตุนี้
นับแต่โบราณกาลมา มีอยู่หลายครั้งที่อริยะบางคนในมรรคาสวรรค์ที่แข็งแกร่งเกินไปจะถูกเหล่าอริยะที่เหลือรุมโจมตี
แน่นอน จอมอริยะเสวียนตูทราบดีว่าเหล่าอริยะมิใช่คู่ต่อสู้ของหานเจวี๋ย เพียงกลัวเหล่าอริยะจะไปรนหาที่ตาย
“ใช่แล้ว ขอเพียงกำจัดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ อะไรก็ดีทั้งนั้น”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าพวกเราไม่จำเป็นเลยเล่า”
“จะไม่จำเป็นได้อย่างไร หากมิใช่เพราะพวกเราขอร้องให้ผู้อาวุโสช่วยลงมือ แถมยังออกโรงด้วยตัวเอง สหายเต๋าหานไหนเลยจะกล้ามา คงนึกว่าถูกวางแผนเล่นงาน”
“จุ๊ๆ สหายเต๋าหานแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่กลับขี้ระแวงขนาดนี้ ช่างประหลาดนัก”
“ขี้ระแวงก็ดีแล้ว หานเจวี๋ยไม่เคยเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ทุกครั้งล้วนเป็นเพราะถูกบีบคั้นให้ลงมือ ในจุดนี้คู่ควรให้พวกเราศึกษาไว้ หากพวกเราสมัครสมานกลมเกลียว ขยายมรรคาสวรรค์ให้ยิ่งใหญ่ ตบะต้องเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่ หากอริยะไม่ต่อสู้กันเอง คงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”
เหล่าอริยะเร่งเดินทางพลางพูดคุยกันไปด้วย
….
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ให้จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหยุดใช้วิชาอัญเชิญเทพทันที ทำให้คลื่นวนสีดำปิดตัวลง
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรที่ปฏิบัติตามคำสั่งถามเขาด้วยความฉงน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ เหตุใดถึงได้รีบร้อนเช่นนี้”
หานเจวี๋ยกล่าวสั้นๆ “เมื่อครู่กำลังต่อสู้อยู่”
“กับผู้ใด”
“ตัวตนที่อยู่เหนือกว่าอริยะมรรคาสวรรค์”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรตะลึงงัน
จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่ใช้วิชาอัญเชิญเทพครั้งก่อน กลิ่นอายอันน่าหวาดผวาสุดขีดสายนั้น
หานเจวี๋ยเป็นตัวตนระดับใดกันแน่
หลังจากหานเจวี๋ยให้จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหยุดร่ายวิชาอัญเชิญเทพแล้ว ก็ไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
[ความเกลียดชังที่เทพบุพกาลมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]
ยอดเยี่ยม!
หนังสือแห่งความโชคร้ายจะได้ออกโรงแล้ว!
หานเจวี๋ยสบถด่า ไม่น่าเชื่อว่าดวงจิตมหามรรคที่คอยดูแลความเรียบร้อยในเขตฟ้าบุพกาลจะเป็นที่พึ่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ!
เขาไม่ได้คิดมากต่อไปอีก ถึงอย่างไรเทพบุพกาลก็เป็นดวงจิตมหามรรค บุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยไม่ได้
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยปล่อยหานทั่วออกมา
หานทั่วนอนอยู่บนพื้น สลบไสลไม่ได้สติ หานเจวี๋ยพลันโบกมือ ดึงวิญญาณดวงหนึ่งออกมา
เป็นคนชุดขาวที่หานทั่วพบในแดนเทพหวนปัจฉิมก่อนหน้านี้
นี่เป็นพียงเสี้ยววิญญาณส่วนหนึ่ง
คนชุดขาวมีสีหน้าฉงน ถามว่า “ท่านเป็นผู้ใด สามารถทำลายล้างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ ท่านไม่รู้หรือว่าผู้ใดหนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการอยู่”
หานเจวี๋ยสังหารเขาทันที ถึงอย่างไรก็มิใช่ร่างจริง ทิ้งไว้จะเกิดเรื่องได้ง่ายๆ
[ความเกลียดชังที่โพธิสัตว์จุนทีมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
[เหล่าจื่อเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]
[เทพสูงสุดหยวนสื่อเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[อริยะเจ็ดวิถีเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[อวี้ผูถีเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
[เจ้าแม่หนี่ว์วาเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[อินกั่วเทียนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
….
แจ้งเตือนความเกลียดชังเริ่มเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างบ้าคลั่ง เขามองด้วยความตะลึง
มีผู้ทรงพลังทั้งหมดยี่สิบหกคนที่เกิดความเกลียดชังในตัวเขา ในบรรดานั้นมีรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในเทวตำนานจีนรวมอยู่ไม่น้อยเลย
‘เกิดอะไรขึ้น’
หานเจวี๋ยตกตะลึง
เขาเรียกดูรูปประจำตัวของผู้ทรงพลังเหล่านี้ พบว่าไม่มีตัวตนระดับผู้สร้างมรรคาอยู่ อดที่จะโล่งใจไม่ได้
หานเจวี๋ยใช้ระบบวิวัฒนาการทำนายดูเพื่อป้องกันไว้ก่อน
‘บรรดาผู้ทรงพลังที่เกิดความเกลียดชังในตัวข้าเมื่อครู่นี้สามารถทำลายค่ายกลอาณาเขตเต๋าของข้าได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่ได้]
หานเจวี๋ยโล่งใจอย่างสมบูรณ์
หลังจากสงบใจลง เขาก็ใช้ความคิด
หรือว่าคนที่หนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการอยู่ก็คือผู้ทรงพลังเหล่านี้
ช้าก่อน!
เช่นนั้นเหตุใดผู้ทรงพลังเหล่านี้ถึงช่วยอริยะอย่างพวกเขาตรึงกำลังตัวตนที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการเล่า
เขียนบทเองแสดงเองอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยคิดๆ ไปก็รู้สึกหวาดผวาอย่างยิ่ง
หรือว่าเดิมทีผู้ทรงพลังเหล่านี้คิดจะยืมมือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการทำลายล้างอริยะ จากนั้นก็ทำลายมรรคาสวรรค์ต่อใช่หรือไม่
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
หานเจวี๋ยไม่เข้าใจ
[ตี้จวินต้องการเข้าฝันท่าน จะยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนนี้ ไม่ได้ตอบรับในทันที แต่สอบถามว่า ‘หากข้ายอมรับการเข้าฝันของเขา จะมีอันตรายหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยถึงได้สบายใจ ยอมรับการขอเข้าฝันของตี้จวิน
ในแดนความฝัน ทั้งสองยืนอยู่บนยอดเมฆา
ตี้จวินจ้องมองหานเจวี๋ย ถามเสียงขรึม “เจ้าพิสูจน์เสรีตั้งแต่เมื่อไร”
เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าผู้ทรงพลังนึกเชื่อมโยงไปถึงมหามรรคต้นกำเนิด หานเจวี๋ยจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวไปว่า “ขอกล่าวตามตรงเลย เดิมทีข้าก็เป็นอริยะเสรีอยู่แล้ว ตัวตนหานเจวี๋ยในชาตินี้เพียงจุติลงมาหาประสบการณ์ในแดนเซียนเท่านั้น”
ตี้จวินขมวดคิ้วแน่น
หากสิ่งที่หานเจวี๋ยพูดมาเป็นความจริง การที่ก่อนหน้านี้พวกเขามองหานเจวี๋ยไม่ออก ก็แปลว่าความสามารถดั้งเดิมของหานเจวี๋ยอาจจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับพวกเขามิใช่หรือ
หานเจวี๋ยแสร้งทำเป็นสุขุม ตี้จวินเป็นสหายของเขา ตอนนี้ยังไม่เกิดความเกลียดชังด้วย ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงอยากฟังว่าเขาจะว่าอย่างไร
“เจ้าสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ นี่มิใช่เรื่องดีเลย” ตี้จวินเอ่ยเสียงเรียบ
หานเจวี๋ยกล่าวไปว่า “ข้าสังหารเขาเพื่อมรรคาสวรรค์ อริยะรายอื่นขอร้องให้ข้าออกโรง คาดว่าเหล่าผู้ทรงพลังแดนเทพหวนปัจฉิมก็คงจะให้การปกป้องพวกเราเช่นกัน”
ตี้จวินเอ่ยว่า “ย่อมปกป้องแน่ เจ้าลงมือเพียงเพื่อปกป้องมรรคาสวรรค์จริงๆ น่ะหรือ”
“มิเช่นนั้นจะทำเพื่ออันใดเล่า?”
ตี้จวินจ้องมองหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยก็สันนิษฐานอยู่ในใจเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดออกไป ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่มีผู้ทรงพลังยี่สิบหกคนเกิดความเป็นอริกับเขา
“ต่อไปหากมรรคาสวรรค์เผชิญอันตราย เจ้าอย่าได้ลงมืออีก พวกเราจะจัดการเอง”
เมื่อตี้จวินกล่าวประโยคนี้จบก็สลายแดนความฝัน
ณ โลกความเป็นจริง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ถามในใจ ‘ตี้จวินก็เป็นหนึ่งในผู้หนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการใช่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
‘สาเหตุที่ผู้ทรงพลังเหล่านี้วางแผนเล่นละครทำลายมรรคาสวรรค์ ก็เพื่อล้มล้างมรรควิถีแห่งบรรพชนเต๋าใช่หรือไม่’
หานเจวี๋ยนึกออกแค่สาเหตุนี้เท่านั้น
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
หานเจวี๋ยถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง
ถูกผู้ทรงพลังมากมายขนาดนี้หมายหัวมิใช่เรื่องดีเลย จุดแข็งเพียงหนึ่งเดียวของหานเจวี๋ยคืออาณาเขตเต๋า ต่อไปจะออกไปข้างนอกส่งเดชไม่ได้อีก
ผู้ทรงพลังเหล่านั้นไม่ทราบว่าหานเจวี๋ยคาดเดาเรื่องราวที่แท้จริงได้แล้ว น่าจะยังไม่เผยตัวแตกหักกับเขาซึ่งๆ หน้า อย่างมากก็คงคลางแคลงในฐานะตัวตนของเขา ตี้จวินคือตัวอย่างที่ดีที่สุด
จิตใจหานเจวี๋ยว้าวุ่น
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
[เจ้าแม่หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
ยอมรับ!
หานเจวี๋ยเข้าสู่แดนความฝันอีกครั้ง พบกับเจ้าแม่หนี่ว์วา
แดนความฝันคือทิวเขาแห่งเขาเทพปู้โจว ทัศนียภาพงดงาม
เจ้าแม่หนี่ว์วาเอ่ยถาม “หานเจวี๋ย เจ้าเกี่ยวข้องกับบรรพชนเต๋าอย่างไร”
ใช่จริงๆ เดาไว้ไม่ผิดเลย!
หานเจวี๋ยตอบ “ไม่เกี่ยวข้องกัน เหตุใดจึงถามเช่นนี้”
เขาแสร้งเอ่ยถามด้วยความสับสน “ข้าแค่สังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการเท่านั้น เหตุใดเหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่มาเข้าฝันข้ากัน หรือว่าข้าสังหารผิดตัวไป”
เจ้าแม่หนี่ว์วาส่ายหน้าพลางตอบว่า “มิใช่ เจ้าสังหารถูกตัวแล้ว พวกเราแค่ตกใจกับพลังของเจ้าเท่านั้น”
ไปหลอกผีเถอะ!
ผู้เฒ่ารู้แผนชั่วของพวกเจ้าหมดแล้ว!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “ข้ามีพลังแข็งแกร่งแล้วไม่ดีหรือ จะได้ปกป้องมรรคาสวรรค์ได้”
“นั่นก็ดีแล้ว เพียงแต่เจ้าได้เขาเทพปู้โจวมาจากไหน ในอดีตเขาเทพปู้โจวถูกบรรพชนจอมเวททำลายล้าง ซากเขาที่เหลืออยู่ถูกบรรพชนเต๋าเก็บไป…”
เจ้าแม่หนี่ว์วาถามอย่างมีนัยแฝง
………………………………………………………………