ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 654 กวนปู้ไป้
บทที่ 654 กวนปู้ไป้
จอมอริยะเสวียนตูกลอกตาเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้ากลัวสายสืบขนาดนี้ เหตุใดถึงรับตัวหลี่เต้าคงกับหลี่เสวียนเอ้าไว้เล่า”
“เรื่องนั้นมันต่างออกไป เพราะหลี่มู่อีไล่ล่าสังหารพวกเขา”
“ฮ่าๆ”
จอมอริยะเสวียนตูไม่คิดจะเถียงหานเจวี๋ย ถึงแม้หลี่มู่อีจะทำให้เขาไม่สบอารมณ์ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นนิกายเหรินที่เสียหน้า เขาไม่อยากเอ่ยถึงมากนัก เลี่ยงไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานเจวี๋ย
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ชาติก่อนเขาเป็นถึงอริยะเสรี สิ้นชีพในฟ้าบุพกาลระหว่างที่มุ่งสู่มหามรรค เป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่มีคุณสมบัติชั้นเลิศ ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจมีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลได้”
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ไฉนเจ้าถึงยกให้ข้า”
“เพราะเขาไม่ยอมรับข้า ในมรรคาสวรรค์มีเพียงเจ้าที่ทำให้เขายอมสยบได้”
“เหตุใดต้องสยบเขา”
“เขามีศัตรูในแดนเทพหวนปัจฉิมมากมายเกินไป ข้าอยากดึงตัวเขามาเข้าร่วมมรรคาสวรรค์ แต่เขาดูแคลนมรรคาสวรรค์ยิ่ง สหายเต๋าหาน ออกหน้าหน่อยเถิด เด็กคนนี้ให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์มิตรภาพ หากเขายอมรับเจ้า ย่อมไม่มีทางไปจากมรรคาสวรรค์แน่”
จอมอริยะเสวียนตูจ้องมองหานเจวี๋ยพลางเอ่ยวาจา ในใจเขาอับจนหนทางนัก
ยามนี้มรรคาสวรรค์อ่อนแอ หากไม่ดึงตัวบุตรแห่งสวรรค์จากภายนอกเข้ามา พึ่งพาแค่การพัฒนาด้วยตัวเอง นับว่าเชื่องช้าเกินไปจริงๆ
หานเจวี๋ยคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “ก็ได้ เขาอยู่ที่ไหน”
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “เมื่อเขามาถึง ข้าจะให้เขาไปหาเจ้าที่เขตเซียนร้อยคีรี”
“ตกลง”
หานเจวี๋ยพูดคุยกับจอมอริยะเสวียนตูเรื่องมิติวัฏจักรต่อ ถึงแม้จะยึดครองแดนเซียนพิภพได้แล้วแต่จอมอริยะเสวียนตูยังไม่คิดจะสละมิติวัฏจักร
ผู้ควบคุมมิติวัฏจักรคือจักรพรรดิเซียนวัฏจักรและศิษย์แห่งนิกายเหริน ต่างพึ่งพาดวงชะตาของแดนเซียนพิภพเพื่อพิสูจน์มรรค แดนเซียนพิภพจะมีอริยะมรรคาสวรรค์เพียงสองราย นี่คือหลักประกันที่จอมอริยะเสวียนตูมอบให้หานเจวี๋ย
มิใช่เพียงเท่านี้ สำนักนิกายแห่งอริยะรายอื่นก็ไม่อาจเข้าสู่แดนเซียนพิภพได้ มีเพียงจอมอริยะเสวียนตูและหานเจวี๋ยที่ร่วมแบ่งขนมเปี๊ยะอย่างแดนเซียนพิภพแห่งนี้ด้วยกัน
ในจุดนี้ หานเจวี๋ยพอใจมาก
หากว่าจอมอริยะเสวียนตูยุติธรรมเท่าเทียมจริงๆ เช่นนั้นหานเจวี๋ยกลับจะระแวงในตัวเขา
ต่อให้เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่ ที่เจ้ามองไม่เห็น ก็เป็นเพราะความต่างชั้นด้านระดับเท่านั้น
หลังจากคุยกันจบ หานเจวี๋ยกลับไปที่เขตเซียนร้อยคีรี
เขาส่งจิตรับรู้เข้าไปในโลกอนธการ ขั้นตอนการเปลี่ยนสภาพของต้าซั่นเทียนจะสิ้นสุดลงในอีกไม่ช้านี้ ยังคงราบรื่นดี
ตอนนี้หานเจวี๋ยคาดหวังให้มรรคาสวรรค์ประสบภัยน้อยลง ให้เวลาเขาได้พัฒนายกระดับ
….
หกร้อยปีต่อมา
บุรุษคนหนึ่งมาเยือนเขตเซียนร้อยคีรี เขาสวมอาภรณ์สีฟ้า องอาจผึ่งผาย กลิ่นอายความเย่อหยิ่งทระนงแผ่ซ่านออกมาจากในกระดูกอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าพเจ้าคือกวนปู้ไป้ ได้รับการแนะนำมาจากจอมอริยะเสวียนตู มาเยี่ยมคารวะเจ้าสำนักซ่อนเร้น”
บุรุษชุดฟ้าเปิดปากเอ่ย เสียงกังวานเข้าไปถึงในเขตเซียนร้อยคีรี ทำให้เหล่าศิษย์สะดุ้ง
หานเจวี๋ยยุ่งอยู่กับการปิดด่านบำเพ็ญ ไม่มีเวลามาสนใจ
ผ่านไปหนึ่งวัน กวนปู้ไป้มีน้ำโหแล้ว มุ่งหน้าไปยังตำหนักเอกภพบนชั้นฟ้าที่สามสิบสามทันที
เขาไปพบจอมอริยะเสวียนตู เอ่ยซักถาม “เหตุใดอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลถึงไม่สนใจข้า”
จอมอริยะเสวียนตูรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ตอบไปว่า “เขานิยมปิดด่าน ปิดด่านหนึ่งพันปีเป็นประจำ ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปหาเขา ก็ต้องรอให้เขาปิดด่านครบพันปีเช่นกัน รอหน่อยเถอะ ”
กวนปู้ไป้ขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นว่า “ไยคนผู้นี้ถึงวางท่าปานนี้”
“มิใช่วางท่า เขาให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญ เจ้าก็เป็นคนประเภทนี้มิใช่หรือ”
กวนปู้ไป้เงียบไป
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวอย่างจริงจังตั้งใจ “อริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลทำลายล้างมารสวรรค์และจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ ผู้ทรงพลังมากมายของแดนเทพหวนปัจฉิมต้องการสังหารเขา ทว่าล้วนทำไม่สำเร็จ หากติดตามเขา เจ้าจะได้รับโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่กว่าในชาติก่อน ระดับความก้าวหน้าของเขา ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว เจ้าน่าจะทราบดี”
กวนปู้ไป้ได้ฟังก็หันหลังจากไป
จอมอริยะเสวียนตูหลับตาลง
….
หานเจวี๋ยปิดด่านครบหนึ่งพันปีอีกครั้ง เขาอายุครบหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นปีโดยไม่ทันรู้ตัว
กาลเวลาไม่คอยท่าผู้คนจริงๆ เวลาผันผ่านไปในชั่วพริบตา
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เคลื่อนย้ายกวนปู้ไป้ที่อยู่นอกเขตเซียนร้อยคีรีเข้ามาในอารามเต๋าของตน
หานเจวี๋ยทราบตั้งแต่สามร้อยปีก่อนแล้วว่ากวนปู้ไป้มา ซ้ำยังดึงดูดให้ระบบส่งแจ้งเตือนด้วย
[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]
เมื่อเห็นแจ้งเตือนนี้ หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง
ไม่ได้รับมานานเหลือเกิน!
เขาเรียกดูข้อมูลของกวนปู้ไป้อีกครั้ง
[กวนปู้ไป้: เซียนทองต้าหลัวระยะปลาย อริยะเสรีกลับชาติมาเกิด สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้า จิตคงกระพันไร้พ่าย มหาเวทฟ้าบุพกาล ชาติก่อนเผชิญกับการโจมตีระหว่างที่ทะลวงสู่มรรคผลแห่งมหามรรค จำเป็นต้องอาศัยเสี้ยววิญญาณที่เหลือกลับชาติกำเนิดใหม่]
เดิมทีหานเจวี๋ยไม่ได้คาดหวังในตัวกวนปู้ไป้มากนัก ดังนั้นจึงไม่ยอมทำลายกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ ของตน ถือโอกาสข่มกวนปู้ไป้ด้วย คำประกาศศักดาในยามนั้นของกวนปู้ไป้ดูทะนงตนอย่างยิ่ง ด้วยนิสัยนี้หากกราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์จริงๆ ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจจะชักนำปัญหาวุ่นวายตามมา
เมื่อกวนปู้ไป้ลืมตาขึ้น ก็พบว่าตนอยู่ในอารามเต๋าแห่งหนึ่ง สายตาเขามองตรงไปที่หานเจวี๋ย แสงเทพที่ส่องระยับอยู่ทั่วร่างทำให้หานเจวี๋ยดูลึกลับอย่างยิ่ง
เขาเม้มปากนิดๆ
วางท่าจริงๆ!
วางท่ายิ่งกว่าเขาเสียอีก!
หลายปีมานี้กวนปู้ไป้ท่องไปทั่วแดนเซียนอยู่ระยะหนึ่ง ไม่คิดเลยว่ากลับมาแล้วก็ยังต้องรออีกสิบปี เขาจึงรู้สึกไม่พอใจหานเจวี๋ยอยู่บ้าง
เขาไม่เปิดปากพูด
หานเจวี๋ยก็ไม่พูดเช่นกัน
ภายในอารามเต๋าตกอยู่ในความเงียบสงัด บรรยากาศน่าอึดอัด
ท้ายที่สุด ก็เป็นกวนปู้ไป้ที่ทนไม่ไหวเอ่ยขึ้นมา “ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เสวียนตูแจ้งท่านไว้ชัดเจนแล้วมิใช่หรือ”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “เอ่ยนามเสวียนตูตรงๆ แสดงว่าเจ้ามิได้เห็นจอมอริยะเสวียนตูอยู่ในสายตาเลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงอยากกราบอาจารย์เล่า”
กวนปู้ไป้เอ่ยว่า “ต่อให้จอมอริยะเสวียนตูจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นแค่อริยะเสรี ชาติก่อนข้าก็เป็นอริยะเสรี อยู่ในรุ่นเดียวกับเขา ส่วนที่ว่าเหตุใดถึงอยากกราบท่านเป็นอาจารย์ เพราะท่านคือเทพมารฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิด สำหรับท่านแล้วระดับมหามรรคมิใช่เรื่องยากเย็นเลย”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วนิดๆ
ฟังจากความหมายแล้ว เทพมารฟ้าบุพกาลสามารถสำเร็จเป็นอริยะมหามรรคได้ง่ายดายยิ่ง อย่างน้อยก็ลือกันไปเช่นนี้ และกวนปู้ไป้ก็เชื่ออย่างไม่นึกสงสัยเลย
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “กราบข้าเป็นอาจารย์น่ะได้ ทว่านับจากนี้ไป เจ้าต้องอยู่ในอาณาเขตเต๋าของข้าเท่านั้น หากไม่มีคำสั่งจากข้าก็ห้ามออกไป”
กวนปู้ไป้ตอบรับทันที “ตกลง แต่มีจุดหนึ่งที่ต้องกล่าวกันให้ชัดเจน ทันทีที่บรรลุถึงระดับอริยะเสรี ข้าจะจากไป แสวงหามหามรรคแห่งข้า ภายหน้าหากข้าพิสูจน์มหามรรคสำเร็จ ข้ายังคงจะนับถือท่านเป็นอาจารย์ ขอเพียงไม่ขัดต่อหลักการของข้า ท่านสามารถไหว้วานข้าได้ทุกเรื่อง”
น้ำเสียงเขาไม่แข็งกร้าวไม่ถ่อมตน ไม่มีความอ่อนน้อมเยี่ยงผู้เป็นศิษย์เลย ราวกับกำลังตกลงเรื่องธุรกิจกับหานเจวี๋ยอยู่
หานเจวี๋ยยื่นมือออกไป ดึงกวนปู้ไป้เข้ามาอยู่ตรงหน้า ใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับเขา
กวนปู้ไป้ถามเสียงเข้ม “ทำอะไร”
เขาไม่สามารถสลัดให้พ้นจากพลังเวทของหานเจวี๋ยได้ ดิ้นรนไม่ได้ ดังนั้นจึงตื่นตระหนก
ถึงอย่างไรยามนี้เขาก็เป็นเพียงเซียนทองต้าหลัว!
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างนิ่งเฉย “เจ้ามาจากแดนเทพหวนปัจฉิม ข้ากังวลว่าจะมีผู้ทรงพลังคนใดเล่นลูกไม้ใส่ตัวเจ้า จึงช่วยขจัดทิ้งให้เท่านั้น วางใจเถอะ หากข้าต้องการสังหารเจ้า ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนี้”
กวนปู้ไป้โล่งอกอยู่ในใจ
เมื่อชำระล้างเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยให้หลี่เสวียนเอ้าไปจัดการที่พักให้กวนปู้ไป้ พร้อมทั้งมอบสิทธิ์ใช้งานแบบจำลองการทดสอบให้กวนปู้ไป้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจึงได้ศิษย์คนที่สิบเพิ่มเข้ามาอีกคน
เมื่อศิษย์สืบทอดคนอื่นๆ ทราบเรื่องนี้ ก็พากันมาเยี่ยมเยือนกวนปู้ไป้ ผลคือกวนปู้ไป้ปิดด่านทันที ไม่ยอมพบพวกเขา เรื่องนี้ทำให้เหล่าศิษย์สืบทอดไม่สบอารมณ์
หลี่เสวียนเอ้าพูดจาลึกซึ้งแฝงนัย “ศิษย์ใหม่คนนี้มีตบะระดับเซียนทองต้าหลัวระยะปลายแล้ว”
………………………………………………………………