ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล
บทที่ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล
“ย่อมไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เส้นทางยาวไกล ประกอบกับการต่อต้านของสำนักต่างๆ ระหว่างทาง กว่าจะมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์คงใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ข้าเพียงแค่มาแจ้งท่านให้ทราบล่วงหน้า”
หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหานเจวี๋ยออก
เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
พรสวรรค์ของผู้อาวุโสหานเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากในใต้หล้าจริงๆ
หลายสิบปีผ่านไป ตบะของเขาจะต้องก้าวกระโดดมากอย่างแน่นอน
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้ว”
ทั้งสองมองหน้าสอบตากันแล้วหัวเราะ
โดยไม่รู้ตัวหานเจวี๋ยก็กลายเป็นคนที่หลี่ชิงจื่อพึ่งพาได้มากที่สุด
แม้ว่าทั้งสองจะพูดคุยกันไม่มาก แต่ทุกครั้งยามที่สำนักหยกพิสุทธิ์เผชิญกับวิกฤต คนแรกที่หลี่ชิงจื่อนึกถึงก็คือหานเจวี๋ย
“จริงสิ ศิษย์ของข้าเล่า หลังจากหายตัวไปพวกท่านไม่ได้ไปหาเขาหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยปากถาม
จะว่าไปแล้วเหตุผลที่หยางเทียนตงหายตัวไปนั้นก็เพราะเขาติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์ไปงานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน
หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ไป และก็หาเจอแล้ว ทว่าเขาไม่ยอมกลับมา ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาปีศาจ มีชื่อเสียงในเผ่าปีศาจของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเป็นอย่างมาก คาดว่าอีกร้อยปีเขาอาจจะกลายเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งในต้าเยี่ยนก็ได้”
หานเจวี๋ยหมดคำพูด
คิดไว้แล้วต้องเป็นเช่นนี้
หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้สำนักหยกพิสุทธิ์ต้อนรับระดับปราณก่อกำเนิดมาเข้าร่วมหลายท่าน ทั้งข้ายังเกลี้ยกล่อมระดับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองท่าน อย่างมากสุดพวกเขาจะเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า”
มนุษย์มุ่งเดินสู่ที่สูง
สำนักหยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบำพรตต้าเยี่ยน พลังวิญญาณในสำนักเหนือกว่าสำนักอื่นจนมองไม่เห็นฝุ่น
หานเจวี๋ยพยักหน้า
ยิ่งสำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ก็เป็นผลดีกับเขาเท่านั้น
กล่าวตามตรงแล้วเขาเป็นผู้อาวุโสที่สบายที่สุดในสำนัก ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีก็ลงมือเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
เหล่าพืชวิญญาณและบุปผาวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนล้วนมีลูกศิษย์ที่มาดูแลโดยเฉพาะ เรื่องเดียวที่หานเจวี๋ยต้องทำก็คือ
การบำเพ็ญเพียร
“ผ่านไปนานขนาดนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับผู้อาวุโสสังหารเทพของท่านเกือบจะถูกลืมเลือนแล้ว มีแค่คนรุ่นเก่าอย่างพวกเราเท่านั้นที่ยังพร่ำพรรณนาถึงลักษณะอันน่าเกรงขามของท่าน ยามนี้ล้วนเป็นโลกของบุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์อย่างพวกโจวฝาน โม่ฟู่โฉวและหยางเทียนตง ทั้งสามคนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นบุรุษแห่งยุค น่าเสียดาย พวกเขาล้วนไม่อุทิศตนรับใช้สำนัก จริงสิ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีสุนัขปีศาจตัวหนึ่งก่อความเดือดร้อนในแดนบำเพ็ญพรต ข้าคาดเดาจากการบรรยายรูปพรรณสัณฐานของศิษย์แล้ว ดูเหมือนว่าสุนัขปีศาจตัวนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่ท่านเลี้ยงไว้?”
หลี่ชิงจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา
มาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาก็ยังไม่เห็นสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเลย
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ไม่ต้องสนใจมันหรอก มันจะออกไประเหเร่ร่อนในโลกกว้างให้ได้ รอมันเกิดความหวาดกลัวแล้ว ย่อมจะกลับมาเอง”
หลี่ชิงจื่อส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ชิงจื่อก็ไม่รบกวนเขาอีก
หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์ไปด้วย
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x578
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ ได้รับสมบัติวิญญาณบรรพกาล]
[เซียนซีเสวียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x33
[กวนโยวกังสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x421
[ซูฉีศิษย์ของท่านได้ซาบซึ้งมรรคาสวรรค์ เข้าใจพลังวิเศษ]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x798
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านถูกลัทธิสัจจะยุทธ์จับเป็นเชลย]
……
หานเจวี๋ยไม่เห็นสถานการณ์ของหยางเทียนตง แต่รูปของเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ ดูท่าแล้วคงจะปิดด่านอยู่กระมัง
เช่นนี้ก็ดี
หานเจวี๋ยยังรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าเขาจะระหกระเหินจนไปตายที่ไหน
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าใจพลังวิเศษแล้ว
น่าสนใจดี
ไม่ใช่แค่ซูฉีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็มีคนเข้าใจพลังวิเศษในขณะบำเพ็ญเพียรด้วย
ตั้งแต่ที่หานเจวี๋ยฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ เขาล้วนอาศัยรางวัลจากระบบมาโดยตลอด กำลังวังชาของเขาล้วนใช้ไปกับการดูดซับปราณบำเพ็ญเพียร ยังไม่เคยเข้าใจพลังวิเศษด้วยตัวเองมาก่อน
หรือว่าจะลองดูสักหน่อย?
หานเจวี๋ยเข้าใจมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด การที่จะเข้าใจพลังวิเศษมรรคกระบี่คงไม่ใช่เรื่องยาก
เอาแต่ฝึกฝนก็ออกจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ลองทำความเข้าใจพลังวิเศษเล่นๆ ก็ดี
การสร้างพลังวิเศษโดยไม่มีมูล จำเป็นต้องใช้จินตนาการ
ไม่สู้ยกระดับพลังวิเศษจะดีกว่า!
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจทำความเข้าใจพลังเทพหมื่นกระบี่
พลังวิเศษมรรคกระบี่เป็นพลังวิเศษที่เท่ห์ที่สุดสำหรับเขา คุ้มค่าต่อการเข้าใจให้ลึกซึ้ง
หานเจวี๋ยหลับตาลงทันที
พลังเทพหมื่นกระบี่สามารถเรียกเงากระบี่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานได้มากที่สุดหมื่นเล่ม
แม้ว่าจะมีฉากการสังหารขนาดใหญ่ แต่ความแม่นยำในการสังหารยังคงอ่อนอยู่
หานเจวี๋ยพลันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาได้
หากนำสามกระบี่แยกเงาและพลังเทพหมื่นกระบี่เข้าด้วยกัน…
จิ๊ๆ…
มันจะน่ากลัวขนาดไหน!
สุดยอดเงากระบี่นับหมื่นสามารถสังหารศัตรูได้อย่างอิสระ!
ทำความเข้าใจเช่นนี้แหละ!
หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม และรวบรวมจิตอย่างมุ่งมั่น
……
เขตแก่นประจิมเป็นเขตหนึ่งที่ไม่มีราชวงศ์ ที่นี่มีสัตว์ปีศาจเป็นจำนวนมาก เป็นการยากสำหรับราชวงศ์มนุษย์ธรรมดาที่จะย่างกรายเข้ามาในนี้ ทว่าที่แห่งนี้มีสำนักบำเพ็ญเพียรเยอะมาก หรืออาจจะมีจำนวนมากกว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนก็เป็นได้
ลัทธิสัจจะยุทธ์เป็นลัทธิสายหลักที่ไม่เป็นสองรองใครในเขตแก่นประจิม
ภายในหอแห่งหนึ่ง
หวงจี๋เฮ่ากำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่บนเตียง
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน
บุรุษผู้นี้มีใบหน้างามสง่า คิ้วปลายงอนดั่งคมดาบ ดวงตาเป็นประกาย ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด
บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะ นำกระบี่ของตนวางไว้บนโต๊ะ รินชาให้ตนเองถ้วยหนึ่งก่อนกล่าววาจาด้วยรอยยิ้ม “หวงจี๋เฮ่า เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ”
หวงจี๋เฮ่าเบิกตาขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้า ไม่ใช่เพราะมรรคกระบี่ของข้าไม่ดี หากให้เวลาข้าอีกร้อยปี ข้าจะต้องชนะเจ้าแน่ สำนักกระบี่วิหคชาดมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่อาจทรยศสำนักได้!”
บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลัทธิสัจจะยุทธ์แข็งแกร่งกว่าสำนักกระบี่วิหคชาดมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเสียด้วยซ้ำ หากเข้าร่วมลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะบ่มเพาะให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะมีโอกาสได้เป็นถึงเซียนกระบี่ นี่ก็คือโอกาสของเจ้า โอกาสที่ผู้ฝึกสายกระบี่จำนวนมากใฝ่ฝัน”
หวงจี๋เฮ่านิ่งเงียบ
“หากว่าเจ้าเกิดในลัทธิสัจจะยุทธ์ ตบะของเจ้าในขณะนี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปดแล้ว เจ้ามีจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่ควรทำให้คุณสมบัติของเจ้าเสียเปล่า”
“รอกระทั่งเจ้าสำเร็จเป็นเซียนกระบี่ ยามนั้นก็นับว่าได้สร้างเกียรติยศให้สำนักกระบี่วิหคชาดแล้ว”
บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างจริงจัง แม้กระทั่งยังเผยแววตาวาดหวังออกมาด้วย
หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณสมบัติมรรคกระบี่ของข้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครจริงๆ หรือ? แต่ข้าเคยพบเห็นผู้มีพรสวรรค์มรรคกระบี่ที่เก่งกาจกว่ามากนัก ปราณกระบี่ของคนผู้นั้นยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วย”
เมื่อหวงจี๋เฮ่านึกถึงปราณกระบี่ในขณะที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยในครานั้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
บุรุษอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะ อีกทั้งเสียงหัวเราะนั้นยังดังก้อง
เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คนผู้นั้นมาจากต้าเยี่ยนเหมือนพวกเจ้าหรือ”
หวงจี๋เฮ่าพยักหน้า
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไม่อาจมีผู้ฝึกสายกระบี่ใดที่แข็งแกร่งกว่าข้า!” บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างทระนง
หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าเคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์หรือไม่? พลังของเขาพอที่จะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญระดับสุญตา เว่ยหยวนจากสำนักเก้ามังกรที่กลับมาอย่างอดอาลัยตายอยาก ไม่พูดถึงศึกในครั้งนั้นแม้สักคำ แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสสังหารเทพนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”
บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เดิมทีคุณสมบัติของเว่ยหยวนก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ก็แค่บังเอิญโชคดีสำเร็จระดับสุญตาเท่านั้น เพื่อที่จะขึ้นให้สูงอีกขั้น เขายังต้องไปรับจ้างตามที่ต่างๆ ทำลายชื่อเสียงของระดับสุญตาอย่างพวกเรา การโจมตีเขาให้พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ขณะนั้นเอง
กระบี่บนโต๊ะพลันสั่นกึกกักขึ้นมา
ไม่ใช่แค่กระบี่ของเขาเท่านั้น กระบี่ของหวงจี๋เฮ่าที่วางไว้ข้างขาก็สั่นตามไปด้วย
ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก
หวงจี๋เฮ่าคว้ากระบี่ของตัวเองไว้ แต่ไม่อาจควบคุมมันได้ เขามองไปทางบุรุษอาภรณ์น้ำเงินและถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”
บุรุษอาภรณ์น้ำเงินคว้าจับกระบี่ของตนเอง หมุนกายเดินออกไปจากห้อง
หวงจี๋เฮ่าก็ตามหลังเขาไปติดๆ
ทั้งสองมาถึงภายในลานด้านหน้า ลานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถก้มมองทัศนียภาพส่วนใหญ่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ได้
เห็นเพียงว่ากระบี่ของศิษย์ลัทธิสัจจะยุทธ์จำนวนมากหลุดออกจากฝักตามๆ กัน ก่อนพุ่งขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่สามารถควบคุมได้ กระบี่ภายในหอเก็บกระบี่เองก็ทะลุผ่านประตูและพุ่งขึ้นฟ้าเป็นสาย
กระบี่นับหมื่นลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อทอดสายตามองออกไปจะเห็นว่าปลายกระบี่ล้วนหันไปในทางทิศเดียวกัน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
กระบี่ทั้งหมดสั่นสะเทือนจนเป็นเสียงกึกก้อง เสียงนั้นสอดประสาน สนั่นหวั่นไหวไปทั้งใต้หล้า
บุรุษอาภรณ์น้ำเงินเผยสีหน้าตระหนกตกใจ เอ่ยพึมพำขึ้นเบาๆ “หมื่นกระบี่น้อมคำนับ วิญญาณกระบี่ร้องประสาน…มีผู้บรรลุมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล!”
“เป็นไปได้อย่างไร!”
……………………………………….