ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 728 ร่างจริง
บทที่ 728 ร่างจริง
หานทั่วเคลื่อนย้ายหลีกห่างจากเทพมารสังหารอีกครั้ง แต่ก็ถูกไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
มิใช่เพียงพลังที่เทียบกันไม่ได้ ความเร็วก็เทียบไม่ติดด้วยเช่นกัน
หานทั่วจำเป็นต้องสำแดงพลังวิเศษ เขาซัดมือซ้ายออกไป ใช้หัตถาสวรรค์มหาวิมุต เงาฝ่ามือขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ซัดตรงเข้าใส่เพื่อสยบร่างของเทพมารสังหาร
หัตถาสวรรค์มหาวิมุตแสนทรงพลังผนึกลงบนร่างของเทพมารสังหาร ทำให้เขาขยับเขยื้อนไม่ได้ ร่างแกร่งกำยำพุ่งทะลุหมู่เมฆไปหลายต่อหลายชั้น
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่มองอยู่ตกตะลึง
“เป็นพลังวิเศษที่เผด็จการนัก!”
“ฝ่ามือนี้มีเศษเสี้ยวแห่งมหามรรคอยู่รางๆ”
“นับเป็นยอดบุตรแห่งสวรรค์โดยแท้!”
“วังสวรรค์เป็นแหล่งเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ ไม่แปลกเลยที่จะผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!”
“น่าสนใจอยู่บ้าง”
…..
ฝูซีเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าแม่หนี่ว์วากล่าวด้วยความสะท้อนใจ “พลังวิเศษนี้หากเปลี่ยนเป็นเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าทั่วไปสำแดงออกมา เกรงว่าคงถูกสะกดข่มโดยตรง เทพมารสังหารตนนี้ช่างเลิศล้ำจริงๆ”
มองเห็นเทพมารสังหารที่กำลังร่วงลงสู่ด้านล่างพลันคำรามออกมา หกกรสั่นไหวด้วยความโกรธเกรี้ยว ทำลายหัตถาสวรรค์มหาวิมุตทิ้งโดยตรง
ตูม!
หานทั่วถือทวนพุ่งดิ่งลงไป ราวกับสายรุ้งสีทองเส้นหนึ่ง แหวกท้องนภาออกเป็นสองส่วน คมทวนกระหน่ำแทงทะลุอกของเทพมารสังหารอย่างต่อเนื่อง
เทพมารสังหารถูกกดให้ร่วงลงไปอีกครั้ง
“โฮก…”
เทพมารสังหารคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าทั้งสามดุดันดั่งผีร้าย น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
สองแขนของเขาพลันคว้าทวนไว้ สี่แขนที่เหลือโจมตีหานทั่วอีกครั้ง
หานทั่วบิดหมุนทวนยาวด้วยสองมือ พลังเวทแปรเปลี่ยนเป็นพายุหมุน บดขยี้สองมือของเทพมารสังหาร โลหิตสาดกระจาย
เทพมารสังหารเคลื่อนย้ายในพริบตา ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังหานทั่ว ขาข้างหนึ่งกระแทกลงมาประหนึ่งเขาไท่ซานที่กดทับลงมา กระแทกใส่หานทั่วจนร่างกายเปรอะไปด้วยโลหิต สังขารแหลกละเอียดในทันใด
วินาทีต่อมาสังขารของหานทั่วก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง หันกลับไปแทงทวนใส่
เทพมารสังหารใช้แผ่นอกรับทวนนี้ไว้ หกแขนที่งอกขึ้นมาใหม่กระหน่ำซัดฝ่ามือโจมตีร่างหานทั่วอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างเจ้าทีข้าทีพัวพันดุเดือดเช่นนี้ แรงกดดันอันบ้าคลั่งสั่นสะเทือนห้วงมิติวังสวรรค์จนโยกไหวรุนแรง ทุกตำหนักล้วนไหวสะเทือน โชคดีที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายวางค่ายกลเตรียมไว้ก่อนแล้ว ตำหนักทุกหลังล้วนมีค่ายกลป้องกันอยู่
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจ้องหานทั่วเขม็ง โจวฝาน อี๋เทียน ฉู่ซื่อเหรินและฉินหลิงที่อยู่ด้านข้างก็เป็นเช่นเดียวกัน
อี๋เทียนกะพริบตาปริบๆ สบถออกมา “เร็วเกินไปแล้ว มองเห็นไม่ชัดเลย ใครเป็นฝ่ายได้เปรียบกันแน่”
โจวฝานเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ว่ากันยาก แต่เทพมารสังหารตนนี้ฆ่าไม่ตายเลย”
พลังที่หานทั่วสำแดงออกมาทำให้เขาตกตะลึง หากเทียบกับสงครามในครั้งก่อน เด็กคนนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว
จนปัญญาที่เขาบังเอิญพบกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเข้า
เทพมารสังหารทำให้โจวฝานนึกถึงเทพมารฟ้าบุพกาล
เหมือนกันตรงที่รับมือยาก ฆ่าไม่ตาย และมีร่างกายแข็งแกร่งทนทานอย่างยิ่ง!
ฉู่ซื่อเหรินกระซิบถาม “ต้องติดต่อไปหาอาจารย์ปู่หรือไม่”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาย่อมไม่ถามเช่นนี้ แต่นี่คือบุตรชายของหานเจวี๋ย
โจวฝานใคร่ครวญแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไปบอกสักหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็ให้เขาทราบเรื่องนี้ไว้”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง เขาลอบประหลาดใจ
ดูเหมือนสำนักซ่อนเร้นจะมีวิธีสื่อสารแบบพิเศษ ไม่ต้องถ่ายทอดเสียง ไม่ต้องพบกันโดยตรง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมิได้ขัดขวาง ให้หานเจวี๋ยเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าได้พอดี เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุฉุกละหุก
….
ณ เขตเซียนร้อยคีรี
หานเจวี๋ยอยู่ในแบบจำลองการทดสอบมาสามสิบสองปีแล้ว
เขาไม่ทราบว่าตนพ่ายแพ้ไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่การที่เขาได้ต่อสู้กับปรมาจารย์ลัญจกรสรวงหนึ่งร้อยคน เป็นประสบการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือดมากจริงๆ ทำให้เขาพัฒนาพลังความสามารถของตนให้ดียิ่งขึ้น ตอนนี้สามารถเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ลัญจกรสรวงได้โดยไม่ถึงขั้นถูกรุมสังหารแล้ว อย่างน้อยก็สู้ได้ระยะหนึ่ง
เสียงของไก่คุกรัตติกาลแว่วมาจากด้านนอกอารามเต๋า “นายท่าน! เกิดเรื่องกับบุตรชายท่านแล้วขอรับ!”
หานเจวี๋ยออกจากแบบจำลองการทดสอบ ถ่ายทอดเสียงออกไป “มีเรื่องใด”
ไก่คุกรัตติกาลอธิบายคร่าวๆ บอกว่ามิ่งโจมตีวังสวรรค์ หานทั่วต่อสู้กับศัตรูลึกลับทรงพลัง
“รู้แล้ว”
หานเจวี๋ยตอบคำหนึ่ง ไก่คุกรัตติกาลจึงหันหลังจากไป
น่าแปลก
จักรพรรดิสวรรค์ยังไม่ร่ายวิชาอัญเชิญเทพ เหตุใดฉู่ซื่อเหรินถึงส่งข่าวมาก่อน
หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้บอกแผนการนี่ให้ฉู่ซื่อเหรินทราบ
มีความเป็นไปได้สูง แผนการเช่นนี้จะพูดไปทั่วได้อย่างไร
หานเจวี๋ยเองก็ไม่รีบร้อน รอคอยให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายร่ายวิชาอัญเชิญเทพ
‘หากเข้าไปที่วังสวรรค์ตอนนี้ จะสิ้นชีพหรือไม่’
หานเจวี๋ยถามในใจเงียบๆ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[มีอัตราความเป็นไปได้อยู่เล็กน้อย]
เล็กน้อยเช่นนั้นหรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ถามต่อว่า ‘ในวังสวรรค์รวมถึงละแวกใกล้เคียงมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้าหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ความเป็นไปได้เล็กน้อยนั้นอาจจะมาจากความประมาทของเขาเอง
ถึงแม้หานเจวี๋ยจะเป็นเพียงมหามรรคเบิกฟ้าระยะต้น แต่พลังการต่อสู้ของเขาสูงกว่าระดับตบะมาโดยตลอด ประกอบกับได้ฝึกฝนในแบบจำลองการทดสอบ อย่าว่าแต่ระดับเดียวกันเลย ต่อให้เป็นผู้ที่มีระดับสูงกว่าเขาสองขั้น ก็ยังไม่แน่ว่าจะสู้เขาได้
หานเจวี๋ยอดใจรอแทบไม่ไหวอยู่บ้าง
จนปัญญาที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยังไม่ร่ายวิชาอัญเชิญเทพ
เขาลุกขึ้นยืน เริ่มขยับตัวยืดเส้นยืดสายอยู่ในอารามเต๋า ทำท่ากายบริหารที่เคยเรียนรู้มาในชาติก่อน
ท่าบริหารนี้ย่อมไม่มีประโยชน์สำหรับอริยะมหามรรค เขาทำเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น
….
ณ วังสวรรค์ เสียงต่อสู้แว่วดังไม่ขาดสาย ห้วงนภาเต็มไปด้วยหลุมบ่อมากมาย กระแสกาลเวลาตัดสลับทับไขว้ ความมืดมิดกระจายตัวเป็นหย่อมๆ ประปรายในห้วงมิติตามทิศทางต่างๆ ของวังสวรรค์
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว
ศึกใหญ่ระหว่างหานทั่วและเทพมารสังหารดำเนินต่อเนื่องมาหลายชั่วยามแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังคงโรมรันพันตู ดูเหมือนหานทั่วก็ยังไม่ถึงขั้นตกเป็นรอง แต่เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ากลิ่นอายของเทพมารสังหารกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลือนราง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าหานทั่วคงแพ้แน่
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเริ่มลังเล จะเรียกตัวหานเจวี๋ยมาตอนนี้เลยดีหรือไม่
เมื่อผู้ทรงพลังลงมือ แพ้ชนะย่อมตัดสินได้ในชั่วพริบตา ตอนนี้หานทั่วยังรับมือได้อยู่ แต่วินาทีต่อไปอาจจะถูกสังหารก็ได้ ร่างสิ้นจิตมลายตายไปในทันที
“ฝ่าบาทจะลงมือยามใด”
เสียงของเจ้าแม่หนี่ว์วาพลันแว่วเข้ามาในหูของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถ่ายทอดเสียงถามกลับไป “ท่านหามิ่งพบแล้วหรือ”
เจ้าแม่หนี่ว์วาตอบกลับว่า “ไม่สามารถระบุอย่างแน่ชัดได้ แต่เขาแทรกซึมเข้ามาในวังสวรรค์แล้วจริงๆ ผนึกห้วงมิติวังสวรรค์เอาไว้จะดีกว่า เมื่อถึงเวลาหากจับตัวมิ่งได้ ส่งตัวเขามาให้ข้า มรรคผลแห่งมหามรรคของพี่ชายข้าถูกเขาชิงไป หากต้องการพิสูจน์มหามรรคใหม่อีกครั้ง จำเป็นต้องได้มรรคผลนี้กลับมา”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว ถ่ายทอดเสียงไปว่า “รออีกหน่อยเถิด จัดการให้สำเร็จในครั้งเดียวจะดีที่สุด”
จากนั้นผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ก็ถ่ายทอดเสียงหาจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเช่นกัน เขาจึงจำเป็นต้องเริ่มทำให้ผู้ทรงพลังทั้งหลายสงบลง
ตูม!
อำนาจอันบ้าคลั่งประการหนึ่งพลันระเบิดออกมา มองเห็นเพลิงร้อนระอุปะทุออกมาจากร่างของหานทั่วราวกับพายุสลาตัน มีดวงตาในแนวตั้งสองข้างปรากฏขึ้นบนหน้าผากเขา เรือนผมดำทั้งศีรษะยืดยาวเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างรวดเร็ว ปีกหนังคู่หนึ่งงอกออกมาจากแผ่นหลังกางสยายไกลร้อยจั้ง
ร่างเทพมารที่แท้จริง!
เหล่าผู้ทรงพลังต่างตกตะลึง มีบางคนอุทานออกมา “เทพมารฟ้าบุพกาล!”
ครืน…
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าหานทั่วจะเป็นเทพมารฟ้าบุพกาล
เทพมารสังหารหยุดชะงักไปในทันใด จ้องมองหานทั่วเขม็ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เทพมารฟ้าบุพกาล… ไม่ถูกสิ เจ้าก็เป็นเหมือนข้า!”
หานทั่วร่อนลงมาจากมุมสูง ทอดสายตามองเทพมารสังหาร เอ่ยเยาะหยัน “ที่แท้เจ้าก็พูดเป็นเช่นกันหรือ ข้าหลงนึกว่าเจ้าเป็นเพียงเดรัจฉาน!”
พอพูดจบเขาพลันตวัดทวน แสงสีขาวสายหนึ่งที่ดูราวกับจันทร์เสี้ยวตัดผ่านวังสวรรค์ในแนวขวาง ห้วงมิติถูกกรีดเฉือนแยกเป็นสองส่วน ร่างของเทพมารสังหารเองก็เช่นเดียวกัน
………………………………………………………………