ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 736 เจ้าชะตาอันธการ
บทที่ 736 เจ้าชะตาอันธการ
เวลาผ่านไปสิบลมหายใจเต็ม จู่ๆ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็หัวเราะดังลั่น ทำลายความเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง
ทหารสวรรค์หลายสิบล้านนายก็เริ่มไชโยโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น
“ชนะแล้ว!”
“ผู้ทรงพลังเมื่อครู่นั้นเป็นใครกันแน่”
“ไม่เห็นหรือว่าเขาหน้าตาเหมือนแม่ทัพเทพหานยิ่งนัก”
“เอ๋…หรือว่าจะเป็นบิดาท่านนั้นของแม่ทัพเทพหานที่ร่ำลือถึงกัน น่าหวาดหวั่นนัก คราแรกสังหารสิบสามมิ่งก่อน ต่อมาก็สังหารดวงจิตมหามรรคอีก ล้วนสังหารราบคาบทั้งหมด!”
“ดวงจิตมหามรรคตายแล้วจริงๆ น่ะหรือ”
“แน่นอนสิ มิเช่นนั้นตอนนี้คงกระโดดออกมาแล้ว!”
ไม่ใช่แค่บรรดาทหารสวรรค์เท่านั้น ศิษย์ของอริยะมหามรรคและผู้บำเพ็ญของเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ล้วนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
อริยะมหามรรคถึงยี่สิบสามท่านร่วมกันต่อสู้กับดวงจิตมหามรรคแห่งความสิ้นหวัง ก็ยังครองความได้เปรียบมิได้
หานเจวี๋ยลงมือทีเดียว สามารถสังหารดวงจิตมหามรรคแห่งความสิ้นหวังได้ในเสี้ยววินาที!
หากเปรียบเทียบระยะก่อนหลังแล้ว ย่อมสร้างความตื่นตะลึงอย่างที่ยากจะบรรยายได้
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เหล่าอริยะมหามรรคก็ตื่นตะลึงเช่นกัน
ฝูซีเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “พวกเราแพ้ก็ถูกต้องแล้ว”
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องในวันนี้ แต่พูดถึงเรื่องที่แดนเทพหวนปัจฉิมเคยวางแผนโจมตีมรรคาสวรรค์
เจ้าแม่หนี่ว์วานิ่งเงียบ
นางยังคงตกอยู่ในความตื่นตะลึง เนื่องจากนางได้ยินเสียงพูดคุยยินดีจากที่ไกลๆ มิ่งเล่านั้นมิได้หลบหนีไป แต่ถูกหานเจวี๋ยสังหาร
ช่วงเวลาที่พวกนางถูกกักขังไว้ในทักษะอันธการ จนถึงตอนที่ได้สติกลับคืนมา เพิ่งผ่านไปเท่าไรกัน
หานเจวี๋ยเพิ่งพิสูจน์มาหามรรคได้เมื่อหลายหมื่นปีก่อนชัดๆ เหตุใดจึงแข็งแกร่งปานนี้
หรือว่าเขาจะก้าวข้ามอริยะมหามรรคไปแล้ว
เหล่าอริยะมหามรรคสบตากัน ต่างมองเห็นความตื่นตะลึงและหวาดกลัวในดวงตาของกันและกัน
ถูกต้อง!
หวาดกลัว!
หากก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยคิดสังหารพวกเขา พวกเขาไม่มีทางหนีรอดแน่!
เหล่าอริยะมหามรรคยิ่งหวนคิดยิ่งหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อหานเจวี๋ยด้วย
คนผู้นี้มิใช่คนกระหายเลือด หากไม่ถูกบีบคั้นจนถึงที่สุดก็ไม่มีทางลงมือ แต่ทันทีที่ลงมือ จะเป็นกระบวนท่าสังหารแน่นอน!
การไปล่วงเกินศัตรูเช่นนี้เข้า เป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ในใจของเหล่าอริยะมหามรรคล้วนตัดสินใจกันได้แล้ว
อีกด้านหนึ่ง
อี๋เทียนกอดหานทั่ว เอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “น้องชาย! น้องชายคนดี! แนะนำข้าให้แก่บิดาของเจ้าที ข้าอยากกราบเขาเป็นอาจารย์!”
โจวฝานเอ่ยอย่างได้ใจว่า “อย่างเจ้าน่ะหรือ เป็นได้แค่ศิษย์หลานเท่านั้น ซื่อเหริน เจ้าว่าอย่างไร”
ฉู่ซื่อเหรินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บางทีโจวหมิงเยวี่ยศิษย์ของข้าคงยอมรับไว้กระมัง”
หานทั่วได้สติกลับมา เมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นยินดีของผู้คนรอบข้าง เขาก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อฉินหลิงได้ยินก็ตระหนักได้ว่า หานเจวี๋ยคือบิดาของหานทั่ว ก็แปลว่าเป็นปฐมบรรพชนของอาจารย์ปู่เขามิใช่หรือ
เห…
ภูมิหลังเส้นสายของเขาจะแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง
….
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง
หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิม
ต้องกล่าวเลยว่า…
การต่อสู้เมื่อครู่นี้สดชื่นยิ่งนัก!
จู่ๆ เขาก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของมารคลั่งสงครามเหล่านั้นแล้ว!
ไม่ได้!
จะหลงระเริงไปกับความสำราญเช่นนี้ไม่ได้ นี่คือสิ่งลวงตาของมหามรรค คิดจะล่อลวงข้า!
หานเจวี๋ยปรับอารมณ์ ทำให้มรรคจิตฟื้นฟูสู่ความสงบ
เขายังคงเป็นเขา มิได้เปลี่ยนแปลงไป
เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ในเวลานี้ แจ้งเตือนแถวแล้วแถวเล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย
[เจ้าแม่หนี่ว์วาเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]
[โพธิสัตว์เจียอิ๋นเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[ตี้เจียงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]
[เทพสูงสุดหยวนสื่อเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
….
อริยะมหามรรคทั้งหมดที่อยู่ที่วังสวรรค์ก่อนหน้านี้ล้วนเกิดความประทับใจในตัวเขา รวมถึงศัตรูในอดีตด้วย
หานเจวี๋ยสบถในใจ สมกับเป็นอริยะ ความฉลาดทางอารมณ์เต็มเปี่ยมเลยกระมัง
เป็นเช่นนี้ก็ดี จากศัตรูสู่มิตร มีสหายเพิ่มมากขึ้นดีกว่ามีศัตรูเพิ่มขึ้น
เพียงแต่หานเจวี๋ยยังคงไม่คลายความหวาดระแวงที่มีต่อพวกเขา เว้นแต่จะยินยอมเข้าสู่คุกสวรรค์อนธการของเขา
หานเจวี๋ย เริ่มสรุปผลประโยชน์ที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
สังหารศัตรูไปมากมาย ซ้ำยังคัดลอกข้อมูลไว้ในแบบจำลองการทดสอบมากมาย ได้กำไรมหาศาล
ต่อไปหานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องทรมานปรมาจารย์ลัญจกรสรวงอยู่ร่ำไปแล้ว
พอนึกถึงปรมาจารย์ลัญจกรสรวง หานเจวี๋ยจึงใช้ความสามารถวิวัฒนาการ
‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดถึงถูกเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลจองจำ’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เขาลืมตาขึ้น แสงเจิดจ้าแยงตาส่องเข้าสู่สายตาเขา เบื้องหน้าคือหมู่เมฆามากมายหลายชั้น ดวงตะวันใหญ่มหึมาแขวนลอยอยู่สุดปลายหมู่เมฆ
ด้านหน้าดวงตะวันมีเงาร่างหนึ่งสูงใหญ่ บดบังแสงตะวันส่วนใหญ่ไว้
แม้กระทั่งหานเจวี๋ยก็ยังมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่าย
มีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ปิดกั้นประสาทสัมผัสและจิตศักดิ์สิทธิ์ของอริยะมหามรรคอยู่
หานเจวี๋ยมองเห็นปรมาจารย์ลัญจกรสรวง คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเงาร่างสูงใหญ่ เขาดูเล็กจ้อยอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว ต่อให้เงาร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่ อย่างน้อยก็ยังคงใหญ่กว่าแดนเซียนทั้งดินแดน
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล!
“ลัญจกรสรวง จงบอกตัวตนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมา”
เสียงของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเข้มงวดยิ่งนัก เสียงดังก้องดุจระฆัง
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก้มหน้า กล่าวว่า “ข้าไม่ทราบขอรับ”
“ข้าทำนายได้ว่า เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเคยช่วยเหลือเจ้า เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”
“เคยช่วยเมื่อใดกัน เหตุใดข้าถึงไม่รู้”
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเงยหน้าเอ่ยถาม
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยว่า “อาจจะมิใช่ปัจจุบันนี้”
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงขมวดคิ้ว
หานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ที่แท้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงถูกทุบตีเพราะเขาอย่างนั้นหรือ
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงส่ายหน้าตอบไปว่า “ข้าไม่ทราบขอรับ”
“ไม่ทราบจริงๆ น่ะหรือ”
“ไม่ทราบขอรับ”
“ดี!”
เสียงของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลพลันแปรเปลี่ยน เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกกดดัน
ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
ในใจเขาเต็มไปด้วยความฉงน สรุปแล้วปรมาจารย์ลัญจกรสรวงทราบตัวตนของเขาหรือไม่ หากว่าทราบ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลไม่สามารถอ่านความทรงจำของเขาได้โดยตรงหรือ
หานเจวี๋ยไม่ได้ทำนายต่ออีก ถึงอย่างไรปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็ประสบเคราะห์กรรมนี้เพราะเขา
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยได้แต่ถอนหายใจ
เขาอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถต่อต้านเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นคือปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็หนีรอดถือกำเนิดใหม่ได้แล้ว
ดูเหมือนฐานะของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะยังคงพิเศษยิ่ง ถูกเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเพ่งเล็งแล้ว
ต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจสักหน่อย มิเช่นนั้นวันหน้าจะมีปัญหาใหญ่
หานเจวี๋ยพลันนึกถึงมิ่งขึ้นมา
มิ่งเรียกขานตนว่าอนธการ น่าจะใช้ประโยชน์ได้
ให้ที่พึ่งของมิ่งสวมรอยเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ส่วนเขาที่เป็นคนสังหารมิ่ง ไหนเลยจะมิใช่ศัตรูของเจ้าแดนต้องห้ามอนธการ
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าความคิดนี้ยอดเยี่ยมมาก!
เขารีบนำมิ่งที่สยบได้ก่อนหน้านี้ออกมาจากโลกอนธการ โยนใส่คุกสวรรค์อนธการโดยตรง
มิ่งถูกพลังแห่งมหามรรคต่างๆ สะกดไว้ ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา
หานเจวี๋ยหลับตาลง เตรียมฝึกบำเพ็ญ
ศึกวังสวรรค์ทำให้เขารู้สึกว่ายาวนานยิ่งกว่าเวลาหนึ่งหมื่นปีเสียอีก
และในเวลานี้เอง
[เจ้าชะตาอันธการเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
มาแล้ว!
ผู้ให้การสนับสนุนมิ่ง!
เขารีบเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา ค้นหารูปประจำตัวของเจ้าชะตาอันธการ
[เจ้าชะตาอันธการ: ระดับยอดมหามรรคระยะปลาย สิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่ม เจ้าอำนาจดวงชะตามหามรรค ผู้กำหนดชะตาเคราะห์ เจ้าแห่งอันธการ สิ่งมีชีวิตโบราณที่ถือกำเนิดขึ้นก่อนยุคฟ้าบุพกาล หลังจากฟ้าบุพกาลถือกำเนิด เนื่องจากถูกกฎเกณฑ์แห่งฟ้าบุพกาลต่อต้าน ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศดึกดำบรรพ์ ต่อมาเผชิญลูกหลงจากศึกแห่งเทพมารฟ้าบุพกาล ถูกผานกู่สังหาร อำนาจของเขาปกป้องเจตจำนงไว้ คงอยู่มาเนิ่นนาน เนื่องจากท่านสังหารผู้กำหนดชะตาเคราะห์ จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]
ถือกำเนิดก่อนยุคฟ้าบุพกาลอย่างนั้นหรือ
เยี่ยมเลย!
เช่นนี้มีชีวิตอยู่มานานขนาดไหนกัน
หานเจวี๋ยอดสะท้อนใจไม่ได้
ประเด็นสำคัญคือมีชีวิตอยู่เนิ่นนานขนาดนี้ แต่เพิ่งมีตบะระดับยอดมหามรรคเท่านั้น
จอมเทวาฟ้าบุพกาล เป็นตัวตนที่พึงปรากฏขึ้นในยุคฟ้าบุพกาลแน่นอน แต่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเป็นผู้สร้างมรรคาแล้ว
ในฐานะที่มีลำดับอาวุโสกว่าเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล เจ้าชะตาอันธการนั้นน่าเวทนาอยู่บ้าง มิน่าเล่าจึงเป็นอริต่อฟ้าบุพกาลมากปานนี้
………………………………………………………………