ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!
บทที่ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!
เหตุผลที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมาเยือนต้าเยี่ยนเพียงลำพังนั้น ก็ไม่ใช่เพราะทางสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่ส่งเขามา เขามักจะตามหาเซียนเพื่อถามทางอยู่ด้านนอกตลอด เมื่อได้รับจดหมายลับและรู้แผนการของสำนักแล้ว ระหว่างทางกลับก็ได้ผ่านสำนักหยกพิสุทธิ์พอดี
ในใจเขาคิดว่าหากใช้โอกาสนี้กุมสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไว้ในกำมือ เช่นนั้นยามที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตบุกโจมตีแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนคงง่ายดายดั่งล้วงของออกจากกระเป๋า
ก่อนที่จะแอบเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์นั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจสำนักหยกพิสุทธิ์นัก แต่เพื่อกระทำการอย่างไม่ประมาท เช่นนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ระยะหนึ่ง
ในแดนบำเพ็ญพรต ความประมาทมักเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของนักบำเพ็ญ
หลังจากสืบสาวข้อมูลภายในของสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างแน่ชัดแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนก็วางใจ
เขารู้สึกว่าสำนักเช่นนี้ไม่มีทางที่จะมีผู้ปกครองที่สูงส่งเช่นเขาอาศัยอยู่
แล้วเหตุใดนักพรตเต๋าจิ่วติ่งถึงได้ไม่ยอมอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์
ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากยังรั้งอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ การฝึกบำเพ็ญของเขาคงไม่มีทางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้!
นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดไปพลางห้อทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน
ขณะที่มองเห็นยอดเขาที่มีพลังวิญญาณสูงเสียดฟ้าจากที่ไกลๆ นั้น เขาพลันเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นบ้าง
นักพรตเต๋าชิงเสียนหยุดนิ่งกลางอากาศในทันที คิ้วขมวดแน่นเป็นปม
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
นักพรตเต๋าชิงเสียนแอบคิดอย่างตื่นตระหนก
เดินทางในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองมากกว่าสิ่งไหน
นี่ก็คือกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ต้องผ่านความยากลำบากในการฝึกฝนมานับไม่ถ้วนจึงจะหล่อหลอมออกมาได้
คิดไม่ถึงว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย
หรือว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่ธรรมดาจริงๆ?
แต่พิจารณาตามหลักเหตุผลทั่วไป ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงใดก็ไม่มีทางที่แข็งแกร่งไปได้ถึงไหน
หรือนี่จะไม่ใช่เหตุผลทั่วไป?
นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอยู่สักพัก นิ้วมือขวาดีดสะบัด พุ่งจิตสายหนึ่งออกไป
เช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะตาย ก็สามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้ง!
นักพรตเต๋าชิงเสียนปรับสภาพจิตใจแล้ว ก็รีบเร่งเดินทางไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อ
ยิ่งเข้าใกล้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ
ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ณ เขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยยืนรอคอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนขอบหน้าผา
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของนักพรตเต๋าชิงเสียนที่ใกล้เข้ามา อดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้
เขากำลังกังวลอยู่ว่าจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไร กลับคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมาหาถึงที่
สายลมเย็นพัดพาอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองของหานเจวี๋ยให้ปลิวไสว ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณที่ผูกอยู่กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์โบกสะบัดตามแรงลม ทั่วทั้งร่างของเขาแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์ดุจเทพเซียน
นักพรตเต๋าชิงเสียนก็มองเห็นเขาจากที่ไกลๆ แล้ว
ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสง่างามยิ่งนัก!
แต่เขาเพิ่งจะมีตบะระดับสร้างฐานขั้นเก้า หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสังหารเทพ?
นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ตบะของหานเจวี๋ยถูกระบบเก็บซ่อนไว้ แม้แต่นักพรตเต๋าชิงเสียนที่อยู่ระดับสุญตาก็ไม่สามารถมองทะลุได้
นักพรตเต๋าชิงเสียนเหาะทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน มือขวาของเขาร่ายวิชาพุ่งออกไปข้างหน้า ค่ายกลใหญ่ที่ป้องกันภูเขาก็พลันเกิดรอยแยกแหวกอย่างเงียบ ๆ เขาเดินผ่านรอยแยกนั้นเข้ามา
นักพรตเต๋าชิงเสียนทะยานลงข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสังหารเทพอยู่ที่นี่หรือไม่”
กายหยาบดีๆ เช่นนี้ เก็บไว้ดีหรือไม่ เผื่อภายภาคหน้าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์
นักพรตเต๋าชิงเสียนคิดอย่างเงียบๆ
[นักพรตชิงเสียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
เมื่อมองข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หานเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก
พวกเห็นความงามละทิ้งปณิธานอีกแล้วหรือ
หานเจวี๋ยพลิกมือขวาเพียงครั้ง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา
เมื่อเห็นกระบี่พิพากษาอนธการแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนดวงตาเบิกโพลง
กระบี่เล่มนี้…
ช้าก่อน!
ร่างนี้ของเขา… ดูเหมือนจะเป็นสมบัติวิญญาณทั้งร่าง?
หรือเขาก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?
นักพรตเต๋าชิงเสียนตกตะลึง
ชั่วพริบตาที่หานเจวี๋ยกระชับจับกระบี่ก็พลันพุ่งไปทางเขาทันที
ปราณกระบี่สีดำย้อมผืนนภากว้าง ประหนึ่งว่าพลันเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์เสี้ยวถูกบดทับด้วยรัศมีสีดำ ตื่นตะลึงจนถึงขีดสุด
เสียงตูมดังขึ้น!
นักพรตเต๋าชิงเสียนถูกปราณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจประหัตประหารฟาดฟัน โลหิตสาดกระเซ็นท่วมกาย สำรอกโลหิตกระจายฟุ้ง
“ปราณกระบี่รุนแรงเกินไปแล้ว!”
นักพรตเต๋าชิงเสียนจิตใจสะท้านสั่นไหว
คิดไว้แล้วเชียว!
สัญชาตญาณของเขาไม่ผิดเลย!
นักพรตเต๋าชิงเสียนยังไม่ทันที่จะได้ปรับสมดุลร่างกาย เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นเงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งใส่เขาจากรอบทิศรอบทาง
ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!
เงากระบี่นับพันปกคลุมท้องฟ้า!
ราวกับว่านักพรตเต๋าชิงเสียนถูกหานเจวี๋ยนับพันคนถือดาบล้อมสังหารพร้อมกัน ไม่มีทางหลบหนีได้เลย
ชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนหยิบสมบัติวิญญาณออกมาหนึ่งชิ้น เป็นเจดีย์สีครามขนาดเล็กหลังหนึ่งที่พลันขยายขนาดใหญ่โตขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปกคลุมร่างกายของเขา
เงากระบี่นับพันพุ่งปะทะเขา กายเนื้อของเขาที่เชื่อมผสานรวมเข้ากับเจดีย์สีครามหลังเล็กถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงในทันที พลังวิญญาณระเบิดออก เกิดเป็นสีสันมากมายสะท้านสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า
หานเจวี๋ยยืนอยู่บนริมหน้าผา มองดูดอกไม้ไฟที่สว่างไสวที่ขอบฟ้า ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนัก
สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญใหญ่ระดับสุญตาขั้นเก้า คิดไม่ถึงว่าจะบีบบังคับให้เขาได้ใช้ถึงสองกระบวนท่า!
หานเจวี๋ยมั่นใจว่ากายเนื้อและจิตดั้งเดิมของนักพรตเต๋าชิงเสียนนั้นถูกทำลายหมดแล้ว
น่าเสียดายนัก
แหวนเก็บสมบัติของนักพรตเต๋าชิงเสียนเองก็ถูกทำลายเช่นกัน
แข็งแกร่งเกินไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสินะ
หานเจวี๋ยลอบทอดถอนหายใจ
ที่ปากทางเข้าถ้ำ สวินฉางอันที่นั่งเข้าฌานอยู่หน้าตันฝูซังตรงประตูทางเข้าตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหานเจวี๋ยลงมือ พลานุภาพของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมินั้นยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือน ทำเอาเขาตะลึงงัน
ช่างพลังพิเศษที่รุนแรงจริงๆ!
ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปยังถูกคลื่นพายุซัดโหมอย่างรุนแรง เห็นได้ถึงความน่ากลัวของพลังวิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี
บนไหล่เขา ไก่คุกรัตติกาลเองก็เห็นฉากการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน มันอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
เสียงกัมปนาทที่นี่ดังกึกก้องเป็นอย่างมาก จนดึงดูดเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์ให้มาที่นี่
หลี่ชิงจื่อหยุดยืนเบื้องหน้าหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก เอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หานเจวี๋ยกล่าวตอบอย่างเรียบเฉย “นักพรตเต๋าชิงเสียนของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาที่นี่”
“อะไรนะ! นักพรตเต๋าชิงเสียน! เขาอยู่ที่ไหน”
หลี่ชิงจื่อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ตายแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงจื่อก็นิ่งอึ้ง ใบหน้าเผยควมตกตะลึงขึ้นมาทันที พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสสังหารเทพ ท่าน…ระดับรวมกายาแล้วหรือ”
หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร ยังเร็วเกินไปนัก เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น พอดีกับที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตคงเสียหายจนเอ่ยอะไรไม่ได้”
หลี่ชิงจื่อพยักหน้า รีบไปแจ้งข่าวกับเหล่าผู้อาวุโส
หลังจากที่หลี่ชิงจื่อออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาอดที่จะสั่นสะท้านเมื่อหวนนึกถึงคำพูดและท่าทางของหานเจวี๋ยไม่ได้
“นักพรตเต๋าชิงเสียนนั่น… เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจอันดับต้นๆ ของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเชียวนะ…”
หลี่ชิงจื่อพึมพำกับตoเองราวกับว่ากำลังอยู่ในภวังค์
……
หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อสายตาเลื่อมใสศรัทธาของสวินฉางอัน เดินกลับเข้าไปในถ้ำเทวา
เขาพบว่าภาพในค่าความสัมพันธ์ของนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่ได้หายไป
เกิดอะไรขึ้น
เจ้าหมอนี่ไม่ได้ตายไปแล้วหรือ
เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่วิญญาณก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสิ
หรือชายผู้นี้มีไพ่ตายอย่างการแยกร่าง?
หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ดังนั้นเขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งนักพรตเต๋าชิงเสียนทันที
……
สามปีต่อมา
เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนก็หลบหนีกลับไปที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้ในที่สุด
ผู้ที่พบเขาคือหลิ่วปู๋เมี่ย เจ้าสำนักของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต
หลิ่วปู๋เมี่ยสวมชุดคลุมสีดำ ใบหน้าเยียบเย็น ทั้งร่างแผ่กระจายไปด้วยรัศมีความสง่างามน่าเกรงขาม ดวงตาของเขามีความเครียดขึงเป็นอย่างมาก
ภายในห้องโถง
หลิ่วปู๋เมี่ยนั่งบนที่นั่งหลัก ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านจึงมีสภาพจนตรอกเช่นนี้ได้”
เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย หลังถูกหานเจวี๋ยโจมตี ระหว่างทางที่หลบหนีเขาก็ประสบพบเจอกับเคราะห์สวรรค์มากมาย โชคร้ายจนถึงที่สุด โชคดีที่เขาเป็นคนดวงแข็ง ผ่านมาได้ในที่สุด
“ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องลงมือกับสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ได้หรือ” นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยถามออกไป เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าที่งดงามกว่าผู้ใดของหานเจวี๋ย กายจิตของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้
หลิ่วปู๋เมี่ยตอบ “ไม่ผิด อย่างมากที่สุดห้าปีจะลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแขกที่พวกเราเชิญมาก็จะลงมือเช่นกัน”
“อย่า! ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! ไม่อาจแตะต้องต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์เก็บซ่อนพลังที่น่าสะพรึงกลัวไว้ เจ้าน่าจะรู้ระดับความสามารถของศิษย์พี่คนนี้ของเจ้าดี ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า แต่กลับต้านกระบี่กระบวนท่าเดียวจากคนผู้นั้นไม่ได้ อีกทั้งข้ายังไม่ได้แม้แต่จะลงมือแต่กลับถูกสังหารในทันที!”
นักพรตเต๋าชิงเสียนตื่นตระหนกเป็นที่สุด หวาดกลัวจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“หากไปต้าเยี่ยนอีก จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ต่อให้แขกระดับรวมกายาของพวกเราผู้นั้นลงมือ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี!
…………………………………………………………………………….