ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 741 เทพมารระดับอริยะเก้าตน
บทที่ 741 เทพมารระดับอริยะเก้าตน
‘ผู้ใดเอาโลงศพของสื่อหยวนหงเหมิงและจารึกเบิกฟ้าไป’
หานเจวี๋ยทำได้เพียงใช้ความสามารถวิวัฒนาการ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของหานเจวี๋ย เป็นหวงจุนเทียน
เขาอดโล่งอกไม่ได้ ดูเหมือนจะสิ้นเปลืองอายุขัย แต่อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่ามิได้ถูกตัวตนที่ไม่รู้จักฉกชิงไป
หากพึ่งพาสื่อหยวนหงเหมิง บางทีหวงจุนเทียนอาจจะผงาดขึ้นมาได้ เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างหลงเฮ่าและเฮ่าเทียน
พอพูดถึงหลงเฮ่า ยามนี้ก็มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เผ่ามังกรก็นับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นแนวหน้าของมรรคาสวรรค์ กลุ่มอิทธิพลของเขาก็ค่อยๆ ขยายเข้าสู่ฟ้าบุพกาลเช่นกัน
ตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์ในภายภาคหน้า จะแย่งชิงมาให้เขาสักที่แล้วกัน
ถึงแม้หลงเฮ่าจะไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่ดีต่อหานอวี้ยิ่งนัก เผ่ามังกรก็คอยให้การดูแลศิษย์สำนักซ่อนเร้นอย่างยิ่ง นับว่ามิได้หลงลืมรากเหง้า
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
เขากวาดสายตามองออกไป
เหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลล้วนมีพัฒนาการ ลี่เหยาก็สำเร็จเป็นเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าแล้ว
ก่อนกลายเป็นเทพมารนางเป็นครึ่งอริยะแล้ว ดังนั้นพิสูจน์มรรคสำเร็จย่อมมิใช่เรื่องแปลก
ลี่เหยาลืมตาขึ้น ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ยก็รีบลุกขึ้นมา
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องมากพิธี เจ้ากับข้าเป็นอะไรกันแล้ว จะทำตัวห่างเหินเช่นนี้ไปไย”
ลี่เหยาหยุดการกระทำ เอ่ยว่า “ข้าเกรงว่าข้าจะกลายเป็นคนจองหองพองขน หลงลืมปณิธาน ลืมบุญคุณที่ท่านมีต่อข้า”
ช่างรอบคอบโดยแท้
สมแล้วที่เหมือนข้ายิ่งนัก
หานเจวี๋ยรู้สึกสะท้อนใจ คนที่เขาชมชอบที่สุดยังคงเป็นสิงหงเสวียนอยู่ดี
เพราะสิงหงเสวียนไม่เคยทำให้เขารู้สึกว่ามีระยะห่าง อีกทั้งเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน!
หานเจวี๋ยพูดคุยกับลี่เหยาไม่กี่ประโยค ก็กลับมาฝึกบำเพ็ญที่อาณาเขตเต๋าหลักต่อ
ไม่ได้ฝ่าทะลวงมานาน ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างวิกฤตอย่างบอกไม่ถูก
ลองคำนวณดู เขาไม่ได้ฝ่าทะลวงมาหนึ่งแสนสองหมื่นปีแล้ว
หนึ่งแสนสองหมื่นปีเชียวนะ!
คิดๆ ไปหนังหัวหานเจวี๋ยก็ชาหนึบไปหมด
….
เวลาเคลื่อนคล้อยไปรวดเร็วยิ่ง
ผ่านไปหมื่นกว่าปีแล้ว ครั้งนี้เมื่อครบกำหนดหนึ่งหมื่นปี หานเจวี๋ยไม่ได้หยุดพัก หากแต่ฝึกบำเพ็ญต่อ จนกระทั่งวันเกิดครบรอบสี่แสนปีมาเยือน
[ตรวจสอบพบว่าท่านอายุครบสี่แสนปีบริบูรณ์ ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที สร้างชื่อเทพมารอนธการให้ก้องขจร จะได้รับศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน เพิ่มความสามารถใหม่ของระบบหนึ่งครั้ง]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิม จะได้รับศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นความสามารถใหม่ของระบบ รู้สึกอยากสบถยิ่ง
มาล่อลวงข้าอีกแล้ว!
ชื่อเสียงเทพมารอนธการ หานเจวี๋ยจะกล้าประกาศก้องได้อย่างไร?
เช่นนั้นมิใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ!
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองเงียบๆ
ต้องกล่าวเลยว่า ครบรอบอายุสี่แสนปีทำให้เขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามได้เทพมารฟ้าบุพกาลเพิ่มมาอีกตนถือเป็นเรื่องดี
หานเจวี๋ยนำศิลาก่อวิญญาณออกมา ส่งจิตรับรู้เข้าไปในโลกอนธการ
ครั้งนี้สมควรบ่มเพาะเทพมารฟ้าบุพกาลตนไหนดี
เทพมารเห็นแจ้งแล้วกัน!
เทพมารเห็นแจ้งสามารถมองทะลุถึงบ่วงกรรม พลังวิเศษและวิชามายาทุกอย่างได้ ถึงแม้พละกำลังความสามารถอาจจะไม่นับว่าอยู่ในชั้นแนวหน้า แต่มีส่วนช่วยเหลือเขาได้มากยิ่ง
หานเจวี๋ยเริ่มดำเนินการทันที
หลังจากศิลาก่อวิญญาณและปราณเทพมารเริ่มผสานรวมกัน หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
วันเวลาไม่ค่อยท่า หานเจวี๋ยจำเป็นต้องทะลวงขั้นเล็กสักขั้นให้ได้ในเร็ววัน มิเช่นนั้นจิตใจเขาจะรู้สึกวิตกกังวล
ถึงเวลาระยะนี้จะปกติสุขดี แต่หานเจวี๋ยไม่เคยมองเพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้น
เขาต้องเร่งแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็ว เมื่อมีศัตรูบุกมา จะได้พบว่าห่างชั้นจากเขามากนัก
หากศัตรูล่วงรู้สภาวะตบะของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาคงตายไปนานแล้ว
….
หลังจากหานเจวี๋ยทุ่มสมาธิฝึกบำเพ็ญ ในมุมมองของเขา เวลาก็เริ่มไหลไปเร็วยิ่งขึ้น
มรรคาสวรรค์เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทุกๆ หนึ่งหมื่นปี จะก้าวหน้าขึ้นมากโข
ในช่วงเวลานี้ แดนเซียนปรากฏบุตรแห่งสวรรค์ขึ้นนับไม่ถ้วน ถึงขั้นที่ชื่อเสียงของบุตรแห่งสวรรค์บางส่วนในบรรดานั้นแพร่กระจายไปในฟ้าบุพกาลด้วย
ในบรรดานั้นรวมไปถึงฉินหลิงด้วย แต่เขาก็ยังไม่สามารถผูกขาดชื่อเสียงไว้แต่เพียงผู้เดียวได้
อริยะหน้าใหม่หลี่ไท่กู่ถือกระบี่ตัดข้ามเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล ได้รับชื่อเสียงอย่างล้นหลาม ผู้ทรงพลังมากมายที่รอดชีวิตมาจากมหาเคราะห์ครั้งก่อนล้วนมองว่าเขาครอบครองคุณสมบัติที่ไม่ด้อยไปกว่าหลี่เต้าคงเลย อีกทั้งเขาก็ฝึกบำเพ็ญด้วยจิตใจทะเยอทะยาน อยากจะก้าวข้ามหลี่เต้าคงไปให้ได้
หลี่เต้าคงหายตัวไปนานมากแล้ว หลี่ไท่กู่ค่อยๆ แย่งชิงชื่อเสียงยอดกระบี่อันดับหนึ่งแห่งมรรคาสวรรค์ของเขาไป
ห้าหมื่นปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น พรูลมหายใจออกมา จากนั้นก็เริ่มยืดเส้นยืดสาย
สดชื่นนัก!
เพียรบำเพ็ญห้าหมื่นปี เขารู้สึกว่าตบะของตนก้าวหน้าขึ้นมากโข เหนือกว่าการปิดด่านหมื่นปี
มิน่าเล่าเหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลถึงปิดด่านกันล้านปีบ้าง แสนล้านปีบ้าง ถึงขั้นที่ล้านล้านปีก็ยังมี
คุณสมบัติของหานเจวี๋ยแข็งแกร่งเป็นที่สุด ยังต้องใช้เวลาหลายหมื่นปีถึงจะรู้สึกถึงความก้าวหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้บำเพ็ญรายอื่นเลย
เดิมทีหานเจวี๋ยคิดจะฝึกบำเพ็ญต่อ แต่หลายปีก่อนหน้านี้ จอมอริยะเสวียนตูเคยถ่ายทอดเสียงมาหาเขา ดังนั้นเขาจึงกำหนดเวลาไว้ห้าหมื่นปี
เขาไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองก่อน ปล่อยเทพมารเห็นแจ้งออกมา ก่อนให้มู่หรงฉี่เข้ามารับตัวไป
ผ่านไปห้าหมื่นปี เทพมารกาลเวลา เทพมารข้ามภพและเทพมารหมอกเลือนต่างทยอยพิสูจน์มรรคกันไปตามลำดับ
ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองหากตัดต่งจั๋วออกไป ก็มีเทพมารระดับอริยะเก้าตนแล้ว!
อยู่ที่นี่ ไม่มีข้อจำกัดของมรรคาสวรรค์ เหล่าเทพมารล้วนดำเนินไปในเส้นทางอาศัยพลังพิสูจน์มรรค ดังนั้นจึงไม่มีข้อจำกัดด้านตำแหน่งอริยะ
พลังวิญญาณของอาณาเขตเต๋าก็พรั่งพร้อมอย่างยิ่ง ห้วงมิติด้านในก็กว้างขวาง เพียงพอให้พวกเขาพำนักอาศัย
หานเจวี๋ยพอใจมาก บางทีอาจต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีกว่ากองทัพเทพมารจะสำแดงฤทธาได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็กำลังพัฒนาอยู่
หานเจวี๋ยพูดคุยกับลี่เหยาเล็กน้อย จากนั้นกลับมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก แล้วไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เข้าสู่ตำหนักเอกภพ
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น จอมอริยะเสวียนตูถ่ายทอดเสียงหาเหล่าอริยะที่ยังอยู่ในมรรคาสวรรค์ทันที
ไม่นานนัก เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล ฟางเหลียง จิ้นเสิน สวีตู้เต้า ซูฉีและหลี่ไท่กู่ก็มาถึง
เหล่าอริยะนั่งเรียงแถวกัน หันหน้าเข้าหาหานเจวี๋ยที่นั่งเสมอกับจอมอริยะเสวียนตู
จอมอริยะเสวียนตูยิ้มแล้วแนะนำหลี่ไท่กูต่อหานเจวี๋ย ชัดเจนยิ่งนัก เขาพอใจหลี่ไท่กู่มาก
“ผู้เยาว์หลี่ไท่กู่ น้อมพบอริยะสวรรค์เกรียงไกร”
หลี่ไท่กู่เอ่ยอย่างนอบน้อม มิได้มองหานเจวี๋ยด้วยความเป็นอริตรงๆ อย่างสวีตู้เต้าก่อนหน้านี้
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝึกบำเพ็ญให้ดี วันหน้าจะได้ปกป้องมรรคาสวรรค์ หากเผชิญอุปสรรคในการบำเพ็ญก็มาหาข้าได้ แต่แน่นอนว่าโอกาสมีเพียงครั้งเดียว”
[หลี่ไท่กู่เกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]
หลี่ไท่กู่รีบเอ่ยขอบคุณหานเจวี๋ย ท่าทางตื่นเต้นอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างตึงเครียด เพราะความจริงแล้วเขาเลื่อมใสศรัทธาในตัวหานเจวี๋ยยิ่ง
ก่อนเขาจะพิสูจน์มรรคก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีชื่อเสียงสะเทือนแดนเซียน แต่ในยุคของบุตรแห่งสวรรค์ มีเพียงคนเดียวที่สามารถมองเมินบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดไปได้
นั่นก็คืออริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล!
พิสูจน์มรรคได้ในสามหมื่นปี นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้เลย!
ในแง่ของคุณูปการ อริยะสวรรค์เกรียงไกรช่วยเหลือมรรคาสวรรค์หลายครั้ง หากไม่มีอริยะสวรรค์เกรียงไกร มรรคาสวรรค์คงล่มสลายไปนานแล้ว!
ต้องกล่าวเลยว่า กลยุทธ์ของเหล่าอริยะยอดเยี่ยมนัก ยกยอปอปั้นชื่อเสียงของหานเจวี๋ยไว้สูงยิ่ง การยกยอนี้ทำให้หานเจวี๋ยได้รับประโยชน์มากนัก
อริยะคนอื่นๆ ก็แย้มยิ้มพยักหน้าให้เช่นกัน
มีเพียงเทพสูงสุดหนานจี๋และมหาจักรพรรดิเซียวที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว
สวีตู้เต้ารู้สึกละอายใจ เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว ครั้งแรกที่พบกันนั้นเขาบุ่มบ่ามเกินไปและนับว่าขาดการไตร่ตรองเช่นกัน ตอนนี้ได้กอดต้นขาหานเจวี๋ยไว้ เขาพอใจมากและรู้สึกโชคดีมาก
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “การประชุมอริยะครั้งนี้ จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องเดียวเท่านั้น วิกฤตการณ์มรรคาสวรรค์กำลังจะมาเยือนอีกครั้ง!”
………………………………………………………………