ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 753 อายุหกแสนปี กลับชาติมาเกิดสำเร็จ
บทที่ 753 อายุหกแสนปี กลับชาติมาเกิดสำเร็จ
ภายในโถงตำหนัก หานเจวี๋ยนั่งตรงข้ามกับหวงจุนเทียน
หานเจวี๋ยนั่งในตำแหน่งประธาน ส่วนหวงจุนเทียนเจ้าของอาณาเขตเต๋าแห่งนี้กลับไปนั่งในตำแหน่งของแขก
ไม่รอให้หานเจวี๋ยเอ่ยปากถาม หวงจุนเทียนก็ชิงเล่าออกมาก่อน “เมื่อสองหมื่นกว่าปีก่อน ข้าบุกเบิกโลกแห่งหนึ่งขึ้นในฟ้าบุพกาลขอรับ…”
เขาเล่าออกมาอย่างฉะฉานต่อเนื่อง ตื่นเต้นยิ่งนัก ราวกับกำลังอวดความสำเร็จของตนต่อหน้าผู้อาวุโส
หานเจวี๋ยฟังอย่างตั้งใจ ไม่ได้เอ่ยขัด
หวงจุนเทียนเริ่มเล่าว่าเหตุใดเขาถึงมีความคิดอยากบุกเบิกฟ้าดินขึ้นมา สาเหตุย่อมมาจากสื่อหยวนหงเหมิง
สำหรับเรื่องสื่อหยวนหงเหมิง หานเจวี๋ยทราบแต่แรกแล้ว นี่เป็นความลับร่วมกันระหว่างคนทั้งสอง
ด้วยความช่วยเหลือของสื่อหยวนหงเหมิง แม้ว่าหวงจุนเทียนจะบุกเบิกฟ้าดินขึ้นแล้ว ก็ยังไม่ถูกตัดขาดดวงชะตามรรคาสวรรค์ สื่อหยวนหงเหมิงอ้างว่านี่คือการเตรียมทางถอยหนีไว้ให้ตัวเอง
ในช่วงหลายหมื่นปีมานี้ ตบะของหวงจุนเทียนเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เข้าใกล้การทะลวงสู่ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลางยิ่งนักแล้ว
“นายท่าน ท่านวางใจเถอะขอรับ ข้าจงรักภักดีต่อท่านชั่วนิรันดร์ หากไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากท่าน ข้าไหนเลยจะมีวันนี้ได้” หวงจุนเทียนแสดงความจริงใจออกมาในช่วงสุดท้าย คำพูดของเขาทำให้หานเจวี๋ยสบายใจยิ่ง
จู่ๆ เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหวงจุนเทียนถึงปีนป่ายมาถึงตำแหน่งสูงเช่นในวันนี้ได้
ขอเพียงระดับความประทับใจของหวงจุนเทียนไม่ได้ลดลง หานเจวี๋ยยังคงยินดีจะเชื่อเขา
หานเจวี๋ยเอ่ยกำชับ “ทุกเรื่องล้วนต้องรอบคอบระมัดระวัง คิดดูเถิดว่าเจ้าเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างไร อย่าได้ชะล่าใจเป็นอันขาด และต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าอริยะมรรคาสวรรค์ไว้ ตอนนี้มรรคาสวรรค์อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันแล้ว ส่วนเชือกเส้นนี้อยู่ในมือผู้ใด เจ้าน่าจะทราบชัดเจนดี หากจำเป็นก็ไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าอริยะได้ อย่าได้แยกตัวโดดเดี่ยว เช่นนั้นมีแต่จะเพิ่มปัญหาให้เจ้าโดยไม่จำเป็น”
หวงจุนเทียนพยักหน้ารับ เอ่ยว่า “ขอบพระคุณนายท่านยิ่ง ข้าจะจดจำไว้แน่นอนขอรับ”
ก่อนหน้านี้เขาก็พอจะมองเค้าลางออกแล้ว แต่หานเจวี๋ยไม่ได้ยอมรับเองกับปาก เขาจึงไม่สะดวกที่จะไว้ใจอริยะคนอื่นๆ
ตอนนี้หานเจวี๋ยเอ่ยมาเช่นนี้แล้ว เขาจะไม่ไว้ใจได้อย่างไรเล่า
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยเป็นเรื่องที่หวงจุนเทียนประสบพบเจอมาในฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยรับฟังเรื่องราวอย่างได้อรรถรส
หลังจากหานเจวี๋ยจากไป หวงจุนเทียนพรูลมหายใจออกมา
ถึงแม้เขาจะภักดีต่อหานเจวี๋ยอย่างยิ่ง แต่แรงกดดันที่หานเจวี๋ยสร้างให้เขาแข็งแกร่งเกินไป
เสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นในใจของหวงจุนเทียน “คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย หากเขาคิดจะลงมือกับข้า ต้องมีวิธีแยกข้าออกจากร่างเจ้าแน่นอน”
หวงจุนเทียนตอบในใจอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะยอมติดตามเขาได้อย่างไร”
ตั้งแต่เขาติดตามหานเจวี๋ยมา เขายังไม่เคยเห็นหานเจวี๋ยพ่ายแพ้เลย ถึงขั้นที่ไม่เคยพลาดท่าจนตรอกด้วยซ้ำ
….
เมื่อกลับถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
ตอนนี้เขามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือทะลวงขั้นให้ได้ในเร็ววัน
เขาหลับตาลงครานี้ หมายความว่ากาลเวลาจะผันผ่านเปลี่ยนแปลงไปมหาศาลอีกครั้ง
หลังจากนักพรตเต๋าเสินเผาพ่ายศึก ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งมาโจมตีมรรคาสวรรค์อีก แดนต้องห้ามอันธการรอบมรรคาสวรรค์ก็มีโลกใหม่ๆ ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างเป็นโลกที่บุกเบิกขึ้นโดยผู้บำเพ็ญมรรคาสวรรค์ เซียนทองต้าหลัวบางส่วนที่มีคุณสมบัติค่อนข้างต่ำพบว่าการบุกเบิกฟ้าดินสามารถทำให้ก้าวไปแตะระดับครึ่งอริยะได้ ทำให้มีเซียนทองต้าหลัวมุ่งหน้าไปยังแดนต้องห้ามอันธการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
ในไม่ช้า หานเจวี๋ยก็อายุหกแสนปีแล้ว
[ระบบตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบหกแสนปีบริบูรณ์ ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที ประกาศศักดาแห่งเทพมารอนธการ กระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างข้อพิพาท จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น พบว่าครั้งนี้ของรางวัลลดน้อยลง
บางทีอายุห้าแสนปีอาจมีความหมายมากกว่า
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบเชียบ
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างข้อพิพาท ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วยท่านได้ยอดสมบัติฟ้าบุพกาล…ห่วงวัชระตัดจลาจล]
[ห่วงวัชระตัดจลาจล: ยอดสมบัติป้องกันฟ้าบุพกาล เป็นยอดสมบัติที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคแรกเริ่มของฟ้าบุพกาล ผสานแสงป้องกันอันแกร่งกล้าไว้ สามารถป้องกันการโจมตีของระดับมหามรรคได้]
ยอดสมบัติสายป้องกันอีกแล้ว!
หานเจวี๋ยแทบจะร้องยะฮู้วออกมาแล้ว
ปีนั้นในตอนที่เขาเพิ่งเติบใหญ่ ระบบก็ชอบมอบสมบัติวิเศษสายป้องกันให้เช่นกัน ได้ดั่งใจเขายิ่งนัก
เมื่อมีห่วงวัชระตัดจลาจลมาเพิ่ม บนร่างเขาก็มียอดสมบัติฟ้าบุพกาลสายป้องกันทั้งหมดสามชิ้นแล้ว
ผู้ใดจะทำลายเกราะป้องกันของเขาได้อีกเล่า
หานเจวี๋ยนำห่วงวัชระตัดจลาจลออกมาทันที เริ่มทำให้จดจำเจ้าของ
ผ่านไปหนึ่งร้อยปีเต็ม ถึงทำให้มันกลายเป็นสมบัติของตนได้
ห่วงวัชระตัดจลาจลเป็นห่วงสีทอง มีสองข้างซ้ายขวาอย่างละอัน หลังสวมเข้าไปจะกลายเป็นเปลวเพลิงสีทองสองเส้นพันอยู่รอบข้อมือสองข้าง ดูตระการตายิ่งนัก
หานเจวี๋ยเงยหน้ามองนักพรตเต๋าเสินเผาที่อยู่ในคุกสวรรค์อนธการ
ใกล้จะครบแสนปีแล้ว ยังสยบทาสคนผู้นี้ไม่สำเร็จเลย!
หานเจวี๋ยต้องคอยผนึกเขาเพิ่มทุกๆ หมื่นปี ป้องกันไม่ให้เขาได้สติขึ้นมา
จากนั้น หานเจวี๋ยจึงนำศิลาก่อวิญญาณออกมา ผสานรวมกับปราณเทพมารกลุ่มหนึ่งในโลกอนธการ
ครั้งนี้เขาเลือกเทพมารวาตะวิปโยค
หลังจากผสานรวมกันมั่นคงแล้ว เขาก็หันเหความสนใจไปอีกครั้ง
เขาเข้าใกล้ระดับมหามรรคเบิกฟ้าระยะกลางยิ่งนักแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ร้อนรนอีก อยากเห็นพัฒนาการของมรรคาสวรรค์ก่อน
ในช่วงที่ผ่านมานี้ มรรคาสวรรค์มีอริยะเพิ่มขึ้นมาสามราย
แบ่งออกเป็นบรรพชนพุทธเบิกนภา จั้งกูซิงและหลงเฮ่า
บรรพชนพุทธเบิกนภาสามารถสำเร็จเป็นบรรพชนพุทธได้ ก็เพราะหานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงบอกฉิวซีไหลให้เลือกเขา ถึงอย่างไรฐานะในอดีตของบรรพชนพุทธเบิกนภาก็คือมารสวรรค์เบิกฟ้า แทรกซึมเข้าไปในบรรพชนพุทธตามคำสั่งของหานเจวี๋ย ถึงแม้จะไม่มีผลงาน แต่ระดับความประทับใจไม่เคยลดลงเลย
จั้งกูซิงถูกเลือกด้วยเทพสูงสุดอู๋ฝ่า แปดส่วนคงมีเจตนาจะเลือกให้เข้ากับหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยมีบ่วงกรรมในมรรคาสวรรค์น้อยยิ่ง จั้งกูซิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
ส่วนหลงเฮ่ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย อริยะทั้งหมดล้วนอยากเอาใจหานเจวี๋ย
แดนเซียนในปัจจุบันนี้ตัดหานเจวี๋ยออก มีอริยะมรรคาสวรรค์อยู่ทั้งสิ้นสิบหกราย ก้าวล้ำหน้ากว่ายุคใดๆ ที่ผ่านมา
อริยะรุ่นใหม่แทบจะไม่ต้องพึ่งพาปราณม่วงอนธการเลย ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปราณม่วงอนธการเป็นเพียงข้ออ้างอย่างหนึ่ง สมัยก่อนที่ไม่มีอริยะใหม่เพิ่มขึ้น หลักๆ เป็นเพราะมรรคาสวรรค์อ่อนแอเกินไป ไม่สามารถรองรับอริยะมากกว่าเดิมได้
การถือกำเนิดขึ้นของอริยะใหม่ทุกรายล้วนจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บำเพ็ญของแดนเซียน
ผู้ใดบ้างเล่าที่ไม่อยากสำเร็จเป็นอริยะ!
หานเจวี๋ยทอดสายตามองสรรพสิ่ง ภาพรวมของมรรคาสวรรค์ยังนับว่าสงบสุขดี ถึงแม้สำนักซ่อนเร้นจะไม่ได้โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียว แต่อย่างน้อยก็พัฒนาไปอย่างมั่นคง เขาไม่ต้องการให้สำนักซ่อนเร้นรวมมรรคาสวรรค์ให้เป็นหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้นกลับมิใช่เรื่องดี
ต้องให้ความหวังกลุ่มอิทธิพลอื่นสักหน่อย เช่นนี้ถึงจะเพียรพยายามปีนสูงขึ้นไม่หยุดนิ่ง
หานเจวี๋ยไม่เคยมีแผนอยากครอบครองมรรคาสวรรค์เลย ในอดีตมรรคาสวรรค์เป็นเพียงเกราะกำบังเท่านั้น ส่วนตอนนี้เขาหวังเพียงว่ามรรคาสวรรค์จะสามารถปกป้องคุ้มครองศิษย์ในสำนักของตนได้
หลังจากสอดส่องมรรคาสวรรค์เรียบร้อยแล้ว หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย
ไม่ทราบว่าช่วงนี้มีเรื่องน่าสนใจปรากฏขึ้นในแวดวงสหายหรือไม่
จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย มีแจ้งเตือนใหม่เพิ่มเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว หานเจวี๋ยอ่านจดหมายไปหลายล้านฉบับแล้ว
ไม่นานนัก มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของหานเจวี๋ยได้
[ผานกู่ศัตรูของท่านกลับชาติมาเกิดสำเร็จ]
ผานกู่!
คนผู้นี้คิดจะก่อเรื่องหรือ
หานเจวี๋ยหรี่ตา ตกอยู่ในห้วงความคิด
ระดับความเกลียดชังที่ผานกู่มีต่อเขาไม่นับว่าสูงนัก กล่าวได้ว่าแค่ไม่พอใจเท่านั้น ไม่นับเป็นศัตรู
อย่างไรก็ตามชีวประวัติของผานกู่เหี้ยมหาญเกินไป ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลล้วนมองเขาเป็นดั่งฝันร้าย หวาดกลัวการฟื้นคืนชีพของเขา
ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่ฟื้นคืนชีพ กลับกลายเป็นเลือกเส้นทางกลับชาติมาเกิด
เขากลับชาติมาเกิดได้อย่างไร
………………………………………………………………