ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 81 ระดับรวมกายา ผู้อาวุโสแซ่เซวียน
บทที่ 81 ระดับรวมกายา ผู้อาวุโสแซ่เซวียน
ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
สิงหงเสวียนมองดูชายชราในอาภรณ์สีเทาเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง
ชายชราในอาภรณ์สีเทาแค่นเสียงกล่าว “แม่หนูน้อย สามีของเจ้าผู้นั้นไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งไปกว่าลูกศิษย์ของข้าไปได้หรอก ทิ้งเขาไปเสียเถอะ เรื่องในอดีตข้าจะไม่ถือสา จะพาเจ้าเข้าร่วมสำนักไร้ลักษณ์ นี่ก็เป็นโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ที่หลายคนใฝ่ฝันเชียวนะ”
ชายชราในอาภรณ์สีเทาผู้นี้ก็คือเฒ่าประหลาดอู้เต้า
เมื่อหลายสิบปีก่อนสิงหงเสวียนได้บังเอิญเข้ามาในถ้ำแห่งนี้เพื่อบรรลุวิชายุทธ์ และได้พบกับเฒ่าประหลาดอู้เต้าโดยบังเอิญ แต่ในตอนนั้นทั้งสองเพียงพยักหน้าให้กัน ไม่ได้มีบทสนทนามากมาย
หลังจากนั้น เฒ่าประหลาดอู้เต้าได้จากไป สิงหงเสวียนก็กลับสำนักหยกพิสุทธิ์ ทว่าในช่วงที่ผ่านมานี้สิงหงเสวียนมักจะรู้สึกตนยังด้อยไปบางอย่าง เช่นนั้นจึงรีบกลับมาที่แดนลึกลับนี้ ตามหาถ้ำแห่งนี้เพื่อฝึกฝนพลังเทพต่อไป
พอดีกับที่เฒ่าประหลาดอู้เต้าก็กลับมา เฒ่าประหลาดอู้เต้ารู้สึกประหลาดใจที่พบว่านางได้ฝึกฝนพลังเทพแล้ว จึงอยากจะรับนางเป็นศิษย์สะใภ้
เดิมทีสิงหงเสวียนก็เอ่ยปฏิเสธไปอย่างถนอมน้ำใจ แต่จนใจที่ชายชราผู้นี้ราวีไม่เลิก สิงหงเสวียนจึงจำต้องบอกว่าตนเองแต่งงานแล้ว
เฒ่าประหลาดอู้เต้ามีพลังมรรคลึกล้ำ เพียงยกนิ้วคำนวณก็พบว่าสิงหงเสวียนยังไม่ได้แต่งงาน สิงหงเสวียนจึงพูดได้เพียงว่าตนเองได้สร้างพันธะสัญญาชั่วชีวิตกับผู้อาวุโสในสำนักเดียวกันแล้ว นี่จึงเป็นเหตุให้เฒ่าประหลาดอู้เต้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดหานเจวี๋ยจึงได้รับความเกลียดชังระดับ 4 ดาว
สิงหงเสวียนส่ายหน้าเอ่ยว่า “ขอบคุณในความปรารถนาดีของท่านผู้อาวุโส แต่ข้าไม่อยากแยกจากสามีของข้าจริงๆ”
อีกด้านหนึ่ง หานเจวี๋ยก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาผ่านหุ่นเชิดสวรรค์เช่นกัน
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกลียดชังอย่างไม่มีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากหุ่นเชิดสวรรค์สามตัว และเป็นดังที่คาดไว้ เขาพบเฒ่าประหลาดอู้เต้าอยู่กับสิงหงเสวียน
เฒ่าประหลาดอู้เต้ากล่าวอย่างจนใจว่า “แม่หนูน้อย ต้าเยี่ยนของพวกเจ้าเป็นเพียงดินแดนเล็กจ้อย ส่วนสำนักหยกพิสุทธิ์ ข้ายิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน ดินแดนลึกลับแห่งนี้เชื่อมโยงสถานที่ต่างๆ มากมาย หากเข้าร่วมกับสำนักไร้ลักษณ์แล้ว เจ้าจะได้เห็นว่าใต้หล้ากว้างใหญ่เพียงใด ขอเพียงเจ้ายินยอม ข้าสามารถปกปิดอดีตพวกนี้ของเจ้าได้ เจ้าใช้ช่วงเวลานี้คิดดูอีกทีเถิด หลังจากนี้สิบปี ข้าจะกลับมาอีกครั้ง หากเจ้ายินยอมที่จะตัดขาดวาสนาที่ผ่านมา เจ้าก็มารอข้าที่แห่งนี้”
เมื่ทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้แล้ว เฒ่าประหลาดอู้เต้าก็จากไป
หลังจากที่หานเจวี๋ยได้ยิน ในใจของเขาก็เดือดดาล
ที่แท้ก็มาขุดหลุมวางฐานนี่เอง
เขาอดที่จะใช้พลังจิตติดตามท่าทีของสิงหงเสวียนไม่ได้
หลังจากที่เฒ่าประหลาดอู้เต้าจากไป สิงหงเสวียนก็เผยสีหน้าดูแคลนออกมา
นางส่ายหน้านอยๆ กระทำการหยั่งรู้วิชายุทธ์บนผนังถ้ำต่อ
ไม่เลวนี่ หญิงสาวนางนี้กลับไม่อ่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์ ตรวจสอบข้อมูลของเฒ่าประหลาดอู้เต้า
[เฒ่าประหลาดอู้เต้า: ระดับรวมกายาขั้นเจ็ด เจ้าสำนักสำนักไร้ลักษณ์ ผู้บรรลุธรรมขั้นสูง เนื่องด้วยท่านเป็นสามีของผู้ที่เขาเลือกให้เป็นศิษย์สะใภ้ จึงไม่พอใจท่านเป็นอย่างมาก หากสิงหงเสวียนตอบตกลง เขาจะลงมือกับท่าน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลร้ายในภายหลัง ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
เจ้าสำนักของสำนักไร้ลักษณ์
หานเจวี๋ยลูบปลายคาง จมดิ่งในห้วงความคิด
ผ่านไปไม่นาน เขาก็เริ่มจำลองการทดสอบ นำตบะของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ขึ้นสู่ระดับรวมกายาขั้นเจ็ด
ผลคือเขาใช้เวลาสองนาทีถึงเอาชนะได้
เฒ่าประหลาดอู้เต้าจะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้แน่
ไม่สามารถสังหารได้ในพริบตา นี่ก็จัดการได้ยากอยู่บ้าง
ดูท่าว่าต้องทะลวงระดับรวมกายาให้เร็วกว่านี้
หานเจวี๋ยเริ่มดูดซับพลังปราณของเขาในทันที พยายามสุดกำลังเพื่อบรรลุระดับสุญตาอย่างสมบูรณ์โดยเร็ว
……
ห้าปีต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็บรรลุระดับสุญตาอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่เขาจะทะลวงขั้น เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้าเวลาสี่วันสี่คืนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงไปทะลวงที่แดนหมื่นปีศาจ
เขาติดต่อนักพรตเต๋าจิ้งซวีก่อน เพื่อให้เขาจัดเตรียมแดนหมื่นปีศาจไว้
นักพรตเต๋าจิ้งซวีเองก็ไม่ได้รอช้า รีบจัดการให้ทันที
หลี่ชิงจื่อเคยกำชับไว้ว่า ไม่ว่าคำขอใดของหานเจวี๋ยจะต้องรีบจัดการเป็นอันดับแรก ห้ามละเลยเป็นอันขาด
สองชั่วยามหลังจากนั้น ลูกศิษย์ภายในแดนหมื่นปีศาจก็ถูกเหล่าผู้อาวุโสไล่ออกไปทีละคน เรื่องนี้ทำให้เกิดผลกระทบใหญ่ในสำนักฝ่ายใน ทว่าเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเป็นความต้องการของผู้อาวุโสสังหารเทพ เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็ไม่กล้าที่จะไม่พอใจอีก
เคราะห์ใหญ่ของระดับรวมกายาน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้หานเจวี๋ยจะเปิดเขตอาคม แต่ก็ยังทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เหล่าผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่มารวมตัวกัน ล้วนสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่ไร้ขอบเขต ทุกคนต่างหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน
“แท้จริงแล้วผู้อาวุโสสังหารเทพแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่”
“พลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวนี้จวนจะเหนือกว่าอาจารย์ปู่แล้ว”
“อย่าได้แปลกใจไปเลย เจตจำนงอันยากลำบากของผู้อาวุโสสังหารเทพหาใช่สิ่งที่ข้าและเจ้าเทียบได้หรือ”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต่อให้ฝึกฝนอย่างหนักก็จะบรรลุได้ พรสวรรค์ของเขาก็แข็งแกร่งที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์แน่นอน”
“มีผู้อาวุโสสังหารเทพอยู่ สำนักหยกพิสุทธิ์ถึงได้แข็งแกร่งและมีอำนาจเหมือนเช่นวันนี้ ที่สำคัญที่สุดคือผู้อาวุโสสังหารเทพไม่วางอำนาจบาตรใหญ่ ทำให้คนเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าผู้อาวุโส หลี่ชิงจื่อก็ยืดอกตั้งตรง ราวกับคนที่ถูกชมนั้นคือเขา
ใบหน้าของกวนโยวกังซับซ้อน มองภาพฉากที่ราวกับจะเผาทำลายโลกาจากที่ไกลๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยเลื่อมใส
จนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้ตำหนิติโทษหานเจวี๋ยเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขาเริ่มตั้งหานเจวี๋ยเป็นเป้าหมายในการฝึกฝนของเขาแล้ว
น่าเสียดาย หากดูตอนนี้ ระยะห่างระหว่างเขากับหานเจวี๋ยยังคงห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
“บางทีอาจจะมีสักวัน ที่เขาสามารถก้าวสู่ความเป็นเซียน”
กวนโยวกังครุ่นคิดเงียบๆ
……
เหนือดินแดนรกร้าง บุรุษที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าผู้หนึ่งนั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ สายฟ้าจำนวนมากฟาดผ่าลงมาจากท้องนภา หลอมผสานเจ้ากับกายของเขา
คนผู้นี้ก็คือโจวฝาน!
ไม่ไกลออกไป เป็นโม่ฟู่โฉวที่ยืนเคียงข้างสตรีชุดม่วงผู้หนึ่ง
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา โจวฝานและโม่ฟูโฉวก็ได้หลุดพ้นจากความเยาว์วัยและไร้เดียงสา เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เผยรัศมีที่แข็งแกร่งขึ้น รอบกายโจวฝานสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าตกใจ ดูราวกับร่างอริยะของเทพบรรพกาล ไม่อาจที่จะทำลายลงได้
กระบี่มารที่ด้านหลังของโม่ฟู่โฉวยิ่งเต็มไปด้วยขุมพลังหนาแน่นของสายมารชนิดหนึ่ง
โม่ฟู่โฉวเอ่ยปากถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ท่านกับศิษย์น้องของข้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ เหตุใดท่านจึงยอมช่วยถึงเพียงนี้”
สตรีชุดม่วงไม่เพียงแต่ช่วยโจวฝานให้ฟื้นคืนชีพ แต่ยังช่วยเขาฝึกฝน ด้วยการชี้แนะของนาง ความแข็งแกร่งของโจวฝานก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ยามนี้ โจวฝานกำลังทะลวงระดับปราณก่อกำเนิด หากแต่พลังของเขากลับเทียบเท่าผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดเสียนานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยฆ่าสังหารผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดเสียด้วยซ้ำ!
“ศิษย์น้องของเจ้าผู้นี้มีวาสนากับข้าในชาติภพก่อน เขาเคยช่วยชีวิตข้าไว้ คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้วกัน” สตรีชุดม่วงเอ่ยอย่างสงบ
ชาติภพก่อน?
โม่ฟู่โฉวอดแปลกใจไม่ได้
สตรีชุดม่วงถทอดถอนใจเอ่ย “จะว่าไปก็เป็นเขาที่มีดวงชะตาแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้เขาได้รับโอกาสวาสนาที่ทำให้เขาแข็งแกร่งมากพอ ข้าก็เพียงช่วยเสริมส่งเท่านั้น หลังจากนี้ใต้หล้านี้จะต้องเปลี่ยนแปลงเพราะเขา บางทีเขาอาจจะสำเร็จระดับมหายานอีกครั้ง”
อีกครั้ง?
โม่ฟู่โฉวลอบตกตะลึง หรือชาติภพก่อนโจวฝานจะเป็นผู้บำเพ็ญระดับมหายาน
“หากเขาทะลวงขั้นได้สำเร็จ ข้าก็ต้องจากไปเช่นกัน เพื่อที่จะช่วยเหลือเขา ข้าก็ได้ติดค้างน้ำใจกับศิษย์พี่หญิง จำเป็นต้องกลับไปตอบแทน” สตรีชุดม่วงส่ายหน้ากล่าว เมื่อวาจาจบลง นางก็หมุนกายเตรียมจากไป
โม่ฟู่โฉวรีบร้อนเอ่ยถามขึ้นว่า “ขอบังอาจถามฉายาทางเต๋าของท่านผู้อาวุโส วันหน้าพวกเราจะตอบแทนคุณของท่านได้อย่างไร”
สตรีชุดม่วงกระโจนกาย ใต้ฝ่าเท่าปรากฏกลุ่มหมอก นำพานางลอยทะยานขึ้นไปยังขอบนภา เสียงของนางลอยกระทบโสตประสาทโม่ฟู่โฉวหลังจากนั้น “ฉายาเต๋าของข้าทางที่ดีพวกเจ้าอย่าได้รู้เลยจะดีกว่า หลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาภายหลัง สิ่งเดียวที่ข้าสามารถบอกเจ้าได้คือ ข้าแซ่เซวียน”
เซวียน?
โม่ฟู่โฉวขมวดคิ้ว หวนคิดอย่างละเอียด เขาไม่เคยได้ยินว่าแดนบำเพ็ญพรตนี้จะมีผู้ทรงพลังที่แซ่เซวียนมาก่อน
เขาเบนสายตาหันไปมองโจวฝานอีกครั้ง
……
แดนหมื่นปีศาจ
ฝ่าด่านเคราะห์มาสิบวันสิบคืน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงขั้นได้สำเร็จ
ระดับรวมกายา!
ในที่สุดเขาก็บรรลุระดับรวมกายา ความรู้สึกของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าดีใจจนเนื้อเต้น
[ตรวจสอบพบว่าท่านทะลวงระดับรวมกายาสำเร็จ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง แสดงตัวทันที สำแดงความแข็งแกร่งของท่านให้ใต้หล้าได้รู้ จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]
[สอง กักตนต่อไป ถ่อมตนฝึกฝน เป้าหมายแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์ จะได้รับของล้ำค่าฟ้าดิน]
………………………………………………………………………..