ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 851 หนึ่งในตัวตนชั้นแนวหน้าของระดับยอดมหามรรค
บทที่ 851 หนึ่งในตัวตนชั้นแนวหน้าของระดับยอดมหามรรค
หานเจวี๋ยลงมือรวดเร็วยิ่ง เร็วจนอริยะคนอื่นๆ ไม่ทันตอบสนอง ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพฟันออกไปในทันใด
ปราณกระบี่ทะลุผ่านประตูใหญ่ของตำหนักเอกภพ พุ่งเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการอย่างไร้สิ่งหยุดยั้ง
ก่อนหน้านี้กำแพงล่องหนของฝั่งมรรคาสวรรค์ถูกระเบิดไปแล้ว ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ
ปราณกระบี่ตัดผ่านฟ้าบุพกาล!
สังหารบรรพชนเต๋าจากระยะไกล!
ท่ามกลางลำแสงเจิดจ้า บรรพชนเต๋ายังไม่เดินออกมา ทว่ากลิ่นอายของเขากลับระเบิดออกมาอย่างบ้างคลั่ง ปราณกระบี่พุ่งมาจากมรรคาสวรรค์ ท่วมทับเขาตรงๆ ลำแสงเจิดจ้าถูกตัดขาด ห้วงมิติบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ฉากมายาพร่าเลือน
หลังจากปราณกระบี่สลายไป ตอนล่างของลำแสงเจิดจ้าถูกฟันขาด ตัวตนของบรรพชนเต๋าไม่คงอยู่อีกต่อไป
ภายในตำหนักเอกภพ
สีหน้าหานเจวี๋ยไม่แปรเปลี่ยน สายตาจ้องมองลำแสงที่ส่องลงมาจากกฎระเบียบสูงสุด
อริยะคนอื่นก็เป็นเช่นนี้
ห้วงอวกาศที่ถูกทำลายนั้นอยู่ไม่ไกลจากมรรคาสวรรค์ อริยะมรรคาสวรรค์ธรรมดาก็สามารถมองเห็นได้
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยทำลายบรรพชนเต๋าได้ เหล่าอริยะต่างโล่งอกอยู่ในใจ
ในเวลานี้เอง เงาร่างของบรรพชนเต๋ารวมตัวขึ้นในลำแสงเจิดจ้าอีกครั้ง
หานเจวี๋ยสำแดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพต่อ ทำลายบรรพชนเต๋าอีกครั้ง
ไม่นานนัก บรรพชนเต๋าก็วิวัฒนาการขึ้นอีกครั้ง หานเจวี๋ยก็ลงมืออีก วงจรนี้ดำเนินซ้ำไปซ้ำมาหลายร้อยครั้ง
เหล่าอริยะมองหานเจวี๋ย สีหน้าแปลกพิกล
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา คงตื่นตระหนกไปนานแล้ว
แต่หานเจวี๋ยกลับทำเช่นนี้ได้เรื่อยๆ โดยไม่เบื่อหน่าย กลับยิ้มออกมาเสียด้วยซ้ำ
เหตุผลที่หานเจวี๋ยยืนหยัดอยู่ได้ตลอด เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่า ลำแสงเจิดจ้ากำลังอ่อนแรงลง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ลำแสงจะสลายหายไปในไม่ช้าก็เร็ว
‘มีฝีมือแค่นี้หรือ’
หานเจวี๋ยดูแคลนอยู่ในใจ
เขาทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
เมื่อครบหนึ่งพันครั้ง ลำแสงพังทลาย ในที่สุดบรรพชนเต๋าก็หายไปอย่างสมบูรณ์
ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ภายในตำหนักเอกภพเงียบสงัด อริยะทั้งหมดล้วนไม่กล้านิ่งนอนใจ
ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจ
ภายในมิติลึกลับ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส จบลงแล้วหรือ”
เงาร่างลึกลับตอบว่า “ไม่ทราบแน่ชัด ต้องรอดูว่าอีกฝ่ายจะมีลูกไม้ออกมาอีกหรือไม่ แต่ต้องกล่าวเลยว่า เด็กคนนี้…”
คำวิจารณ์ในส่วนหลังเขาไม่ได้เอ่ยออกมา แต่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกลับเข้าใจ
“แค่กๆ พลังของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกระอักกระอ่วน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เช่นนี้จะนับเป็นอันใดเล่า
อาจจะดูไม่โปร่งใส แต่นี่คือศึกแห่งความเป็นความตาย หรือยังต้องรอให้ศัตรูพร้อมออกรบเต็มที่อีก
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยถาม “บรรพชนเต๋าเมื่อครู่นี้ใช่ตัวจริงหรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ บรรพชนเต๋าแห่งมรรคาสวรรค์ร้ายกาจจริงๆ หากไม่ใช่เพราะไม่อาจละวางมรรคาสวรรค์ได้ เกรงว่าคงก้าวหน้าหลุดพ้นไปนานแล้ว” วาจาของเงาร่างลึกลับทำให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตกอยู่ในห้วงความคิด
ผ่านไปสักพักหนึ่ง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามขึ้นมา “ในฟ้าบุพกาลแห่งนี้บรรพชนเต๋าแข็งแกร่งเพียงใด เทียบกับท่านแล้วเป็นอย่างไร”
เงาร่างลึกลับกล่าวว่า “เจ้าทราบถึงตัวตนของยอดมหามรรคแล้ว ในฟ้าบุพกาล ยอดมหามรรคคือจุดสูงสุด บรรพชนเต๋านับว่าเป็นหนึ่งในตัวตนชั้นแนวหน้าของระดับยอดมหามรรค ผู้บำเพ็ญที่สามารถเทียบชั้นกับเขามีจำนวนที่นับนิ้วมือได้ เทียบได้กับผู้นำเหล่าดวงจิตในหมู่ดวงจิตมหามรรค เขาอยากก้าวข้ามระดับยอดมหามรรคมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่ยังห่างชั้นอีกไกล ส่วนตัวข้า ข้าไม่ได้อยู่ในฟ้าบุพกาลแล้ว”
หนึ่งในตัวตนชั้นแนวหน้าของระดับยอดมหามรรค
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามต่อ “เช่นนั้นหานเจวี๋ยเล่า”
เงาร่างลึกลับเงียบไป
….
ภายในตำหนักเอกภพ
ผานซินเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนมาสักพักใหญ่แล้ว อดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ยถาม “นับว่าผ่านพ้นไปแล้วใช่หรือไม่”
อริยะคนอื่นๆ ไม่ได้ตอบรับ แต่มองไปที่หานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘มหันตภัยมรรคาสวรรค์ครั้งนี้สิ้นสุดลงหรือยัง’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ยัง]
ว่าแล้วเชียว!
หานเจวี๋ยหรี่ตาลง ถามในใจต่อ ‘ใครจะมาโจมตีมรรคาสวรรค์ต่อ’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคน]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าหรือ
‘ข้าสามารถสังหารขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคนได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ได้]
หานเจวี๋ยโล่งใจดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เช่นนั้นก็ค่อยยังชั่ว
ถึงอย่างไรหานเจวี๋ยก็สามารถสู้กับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหมื่นคนได้ อริยะเทพอวี๋เจี้ยนที่ปัจจุบันนี้อยู่ในระดับยอดมหามรรค!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนระบุว่าตัวเขาสู้กับขุนพลศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยคนได้ กล่าวอีกนัยคือ หานเจวี๋ยน่าจะสู้กับขุนพลศักดิ์สิทธิ์หนึ่งล้านคนได้!
แค่กๆ
ถึงพูดไปแล้วจะดูเกินจริงอยู่บ้าง แต่เป็นเช่นนี้จริงๆ
ถึงแม้หานเจวี๋ยจะขี้ระแวง แต่ยังคงเข้าใจพลังของตัวเองกระจ่างดี
ในเมื่อขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคนกำลังจะมา เช่นนั้นก็มาได้เลย!
วันนี้จะต้องสังหารบรรพชนเทพปฐมกาลและจอมเทวาฟ้าบุพกาลเพื่อให้เลิกจ้องล้มล้างมรรคาสวรรค์!
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “ยังไม่จบ แต่ข้าจะทำให้พวกเขายอมจบเอง”
สุ้มเสียงเขาแผ่วเบายิ่ง ทว่าเจือความเผด็จการไว้ เหล่าอริยะฟังแล้วเลือดลมพลุ่งพล่าน
ฉิวซีไหลเอ่ยเยินยอ “มรรคาสวรรค์มีอริยะสวรรค์เกรียงไกร ไม่พ่ายแพ้ต่อตัวตนแข็งแกร่งใดๆ ในฟ้าบุพกาล เป็นวาสนาของมรรคาสวรรค์”
ผานซินสบถในใจ ความเร็วในการประจบสอพลอของคนผู้นี้เร็วเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นสวีตู้เต้าคุกเข่าลง ตะโกนขึ้นมา “อริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลล้นเหลือ!”
เหล่าอริยะแห่งสำนักซ่อนเร้นคุกเข่าลงทันที ตะโกนแซ่ซ้องหานเจวี๋ยด้วยเช่นกัน
อริยะที่เหลือจำเป็นต้องคุกเข่าตาม
ผานซินเองก็เช่นกัน ถลึงตาใส่สวีตู้เต้าเงียบๆ แวบหนึ่ง
เจ้าเด็กคนนี้อยู่เป็นนัก!
จอมอริยะเสวียนตูไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องค้อมคำนับให้อีกครั้ง
เหล่าตานมีสีหน้าแปลกพิกล
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว “อย่าได้ลำบากกันขนาดนี้เลย มหันตภัยยังไม่สิ้นสุด”
“ขอรับๆ…”
เหล่าอริยะพากันลุกขึ้น
หานเจวี๋ยอารมณ์ดีอยู่ในใจ เหลือบมองสวีตู้เต้าแวบหนึ่ง
เด็กคนนี้มีอนาคต
ถูกสยบทาสโดยคุกสวรรค์อนธการเหมือนกัน นิสัยเดิมของอริยะคนอื่นไม่เปลี่ยนแปลงเลย ไม่ได้เจ้าเล่ห์เหมือนสวีตู้เต้า
แต่ใครบ้างจะไม่ชอบฟังคนสรรเสริญเยินยอ
อริยะก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ในเวลานี้เอง
มีลำแสงร่วงลงมาจากระเบียบสูงสุดเหนือมรรคาสวรรค์สามพันวิถีอีกครั้ง ในครั้งนี้ ลำแสงยังไม่ทันมาถึงมรรคาสวรรค์ ก็มีเงาร่างขุนพลศักดิ์สิทธิ์ร่างแล้วร่างเล่าก็ก่อตัวขึ้นในลำแสงแล้ว
ชั่วพริบตานั้น ขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคนก่อตัวขึ้นสำเร็จ กลิ่นอายแผ่ไพศาล พุ่งลงมาหามรรคาสวรรค์
ในเวลาเดียวกันนี้ ลำแสงอีกสายปรากฏขึ้นเหนือขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคน เมื่อเทียบกับลำแสงเจิดจ้าแล้ว เล็กจ้อยกว่าอย่างยิ่ง แต่ลำแสงนี้พุ่งเร็วยิ่งกว่าลำแสงเจิดจ้า
เร็วเกินไปแล้ว!
พุ่งตรงสู่มรรคาสวรรค์!
ฉากนี้ทำให้หานเจวี๋ยนึกถึงน้ำหยดนั้นของเทวีตราวินัย
ในลำแสงนี้แฝงพลังแห่งยอดมหามรรคไว้!
บรรพชนเทพปฐมกาลลงมือแล้ว!
แต่เขาไม่ได้ปรากฏตัว คาดว่าคงคิดจะทำลายมรรคาสวรรค์เท่านั้น
“น่าขัน!”
หานเจวี๋ยเพ่งสายตา ร่างจำลองเทพมารขุนพลสวรรค์ก่อตัวขึ้นเหนือยอดมรรคาสวรรค์ ร่างกายแผ่กลิ่นอายเผด็จการ ใบหน้าดุดัน เขาเอนตัวไปด้านหลัง ตั้งท่าเงื้อหมัด ชกหมัดขวาขึ้นไป
หมัดนี้ผสานพลังอันดุเดือดของมหามรรคขุนพลสวรรค์ไว้!
หานเจวี๋ยเป็นยอดมหามรรคแล้ว ร่างจำลองของเขาจึงเป็นยอดมหามรรคเช่นกัน!
“โฮก…”
เสียงคำรามของเทพมารขุนพลสวรรค์ถูกมรรคาสวรรค์ปิดกั้น แต่เหล่าอริยะกลับได้ยินกันถ้วนหน้า
จิตใจพวกเขาสั่นไหว
หากเทียบกับปราณกระบี่ก่อนหน้านี้ของหานเจวี๋ย รูปแบบของร่างจำลองเทพมารก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของหานเจวี๋ย!
ชกออกไปหมัดเดียว พลังแผ่พุ่งไปถึงฟ้าบุพกาล!
พลังแห่งยอดขุนพลสวรรค์กลายเป็นแสงเจิดจ้าแยงตาสายหนึ่ง ทะยานขึ้นสู่ด้านบน
พลังแห่งยอดมหามรรคสองสายพุ่งชนกันท่ามกลางความมืดมิด เข้าปะทะกันจากบนล่าง แสงเจิดจ้าที่แผ่ออกมาฉีกกระชากความมืดมิด
มรรคาสวรรค์ไม่ได้รับผลกระทบเลย
หานเจวี๋ยใช้พลังของตัวเอง สกัดต้านพลังของบรรพชนเทพปฐมกาล
มรรคาสวรรค์ไม่ถูกทำลาย ขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคนนั้นไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด องอาจดุดัน
………………………………………………………………