ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 9 ระดับสร้างฐานขั้นสาม และโม่ฟู่โฉว
บทที่ 9 ระดับสร้างฐานขั้นสาม และโม่ฟู่โฉว
“ศิษย์อยากเดินไปเช่นนี้ ถึงแม้จะยากเย็น แต่เชื่อว่าด้วยความตั้งใจที่มีศิษย์จะทำสำเร็จได้ ศิษย์ยอมใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝน” หานเจวี๋ยตอบ
เซียนซีเสวียนไม่ได้ปฏิเสธทันที แสดงว่ายังมีความหวังอยู่
เซียนซีเสวียนมองหานเจวี๋ยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง พูดด้วยว่า “ที่สำนักฝ่ายในมีค่ายกลส่งตัวไปยังสระวิญญาณอัสนี แต่ว่าต้องใช้หินวิญญาณชั้นกลางจำนวนสิบก้อนต่อการอยู่ที่สระหนึ่งวัน”
ดูเผินๆ เหมือนจะสะดวกดี แต่สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว เวลาหนึ่งวันไหนเลยจะเพียงพอ?
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ “ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะ ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้!”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้น รีบร้อนเดินออกไปทันที
เซียนซีเสวียนเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็หลับตาลงฝึกฝนต่อ
…..
หานเจวี๋ยมาที่เมืองของสำนักฝ่ายใน เขาสุ่มเลือกศิษย์หญิงคนหนึ่งมาสอบถาม “ศิษย์พี่หญิงท่านนี้ รบกวนแล้ว สระวิญญาณอัสนีอยู่ที่ใด สามารถบอกข้าได้หรือไม่”
“เดินไปทางนั้นจนสุดทาง จุดที่มีโคมไฟเขียนว่าอัสนีแขวนอยู่ก็คือสระวิญญาณอัสนี”
“ขอบคุณท่านมาก!”
“ศิษย์น้อง…”
หานเจวี๋ยหนีไปเร็วมาก ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายตีสนิทเลย
สถานที่ใดมีคนก็จะมียุทธภพ สหายที่เขาคบหายิ่งน้อย ความยุ่งยากก็จะยิ่งน้อยลงไปด้วย
สิ่งใดคือสหาย?
เจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า นี่ก็คือสหาย
ในเมื่อต้องช่วยเหลือกัน เช่นนั้นก็ต้องมีความยุ่งยากอยู่แล้ว
สิบนาทีผ่านไป หานเจวี๋ยก็หาหอสระวิญญาณอัสนีพบ
ครั้นเข้าไปในหอ เขาถึงเห็นว่าด้านในมีค่ายกลส่งตัวแห่งหนึ่ง
เขาหยิบหินวิญญาณชั้นสูงออกมาหนึ่งร้อยก้อนทันที อยู่ยาวไปสามปี!
หากออกมาก่อนเวลาก็สามารถเรียกคืนหินวิญญาณได้
สำนักหยกพิสุทธิ์ย่อมไม่เอาเปรียบศิษย์ของตนเอง
ศิษย์ที่ทำงานอยู่ที่นี่ล้วนมาเพื่อรับภารกิจ เจ้าของสระวิญญาณอัสนีเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง จึงไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่อง
ศิษย์ที่มาทำงานเห็นหานเจวี๋ยฟุ่มเฟือยเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
แม้ว่ารากวิญญาณอัสนีจะพบเห็นได้ยาก แต่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ใช่ว่าจะมีแค่ไม่กี่คน
พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง หานเจวี๋ยก็มาถึงริมสระน้ำที่มีไอร้อนตลบอบอวลแล้ว ระยะการมองเห็นอยู่ใกล้มาก เมฆอัสนีอยู่ต่ำนัก รู้สึกว่าแค่ยื่นมือไปก็สามารถสัมผัสได้แล้ว
นอกจากเขา ยังมีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่ไม่ไกล
“ในสระวิญญาณอัสนีห้ามเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ ทำได้แค่ฝึกบำเพ็ญอยู่ริมสระ มิเช่นนั้นหากถูกอัสนีบาตสิ้นชีพ ก็สมควรโดนแล้ว!”
เสียงฮึเย็นๆ ดังมาจากทางด้านหลัง
หานเจวี๋ยหันหน้าไปมอง ผู้พูดกลับเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนลำต้นมีใบหน้าคนปรากฏอยู่ กำลังพูดจาเหน็บแหนมอย่างไม่ไว้หน้า
ปีศาจพฤกษา!
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่อีกด้าน
สระวิญญาณอัสนีตกอยู่ในความเงียบอย่างรวดเร็ว เหลือแค่เสียงฟ้าร้องเท่านั้น
หานเจวี๋ยตกใจระคนยินดีเมื่อพบว่าพลังวิญญาณอัสนีในนี้มีเยอะมาก เขาฝึกฝนได้เร็วกว่าพลังวิญญาณสายอื่นในเวลาปกติ
สุดยอดไปเลย!
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นไม่หยุด
……
ชั่วระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งปี!
หานเจวี๋ยฝึกฝนรากวิญญาณอัสนีจนถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้าแล้ว!
เขาไม่ได้จากไปทันที แต่กลับเตรียมตัวสร้างฐาน
ก่อนหน้านี้เขาฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุต่างๆ จนสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ได้โอกาสฝึกรากวิญญาณอัสนีให้ถึงขั้นเก้าสมบูรณ์ด้วยพอดี
หลอมปราณหกสายถึงขั้นสมบูรณ์ สร้างฐานได้เลยทันที!
ระดับสร้างฐานล้วนต้องใช้โอสถสร้างฐาน แต่นั่นสำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
หานเจวี๋ยมีคุณสมบัติรากวิญญาณชั้นเลิศ
ในวิชาวัฏจักรหกวิถีขั้นแรกบันทึกวิธีหลบเลี่ยงด่านเคราะห์เอาไว้ ช่างบ้าระห่ำเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือการดูดซับอัสนีสวรรค์!
วัฏจักรหกวิถีจะสลายอัสนีสวรรค์ให้กลายเป็นพลังวิญญาณอัสนี ช่วยเสริมตบะของเขาให้แข็งแกร่ง!
หนึ่งเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยเริ่มสร้างฐาน
ประจวบเหมาะกับที่สระวิญญาณอัสนีมีคนน้อย แม้จะสร้างฐานสำเร็จ ก็ไม่ค่อยดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก
หานเจวี๋ยที่นั่งขัดสมาธิเปลี่ยนท่ามือไม่หยุด โคจรแนวทางของวิชาวัฏจักรหกวิถี พลังวิญญาณทั้งหกสายหมุนวนอยู่ในร่างเขา ภายในจุดตันเถียน[1]เกิดวังวนหกสีขึ้นมา
ปีศาจพฤกษาลืมตาทันที และมองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ไม่ไกลลืมตาขึ้นมาเช่นกัน
เห็นเพียงว่าสายฟ้าในสระวิญญาณอัสนีเริ่มตรงไปรวมตัวกันที่หานเจวี๋ย
“นี่เจ้าจะสร้างฐานหรือ”
ผู้บำเพ็ญทำหน้าประหลาด เขาถอยห่างจากหานเจวี๋ยอย่างเงียบๆ เพราะกลัวจะถูกสายฟ้าสวรรค์ผ่า
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
สายฟ้าเป็นเส้นๆ ประสานกันไปมาเหนือศีรษะของหานเจวี๋ยราวกับอสรพิษและมังกร
จุดที่น่าประหลาดก็คือ เมื่อสายฟ้าเหล่านี้สัมผัสโดนร่างของหานเจวี๋ยก็จะหายไปทันที ไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับเขาเลย
ปีศาจพฤกษากับผู้บำเพ็ญพากันขมวดคิ้ว
เจ้าเด็กนี่ฝึกฝนวิชายุทธ์ใดกัน
ไม่นึกว่าจะสามารถสลายด่านเคราะห์ได้!
แม้พวกเขาจะแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปรบกวน
รบกวนการฝ่าด่านเคราะห์ของผู้อื่นเป็นสิ่งต้องห้ามในโลกการฝึกบำเพ็ญ ไร้ศีลธรรมยิ่ง!
ด้วยอาศัยคุณสมบัติรากวิญญาณขั้นสุดยอดกับวิชายุทธ์ที่ไร้เทียมทาน การสร้างฐานของหานเจวี๋ยไร้ซึ่งอันตราย ทุกอย่างราบรื่นมาก
สามวันต่อมา เขาก็สร้างฐานได้สำเร็จ บรรลุเข้าสู่ตบะระดับสร้างฐานขั้นหนึ่งแล้ว
[ยินดีด้วยที่ท่านบรรลุระดับสร้างฐาน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง มีชื่อเสียงในสำนักหยกพิสุทธิ์ จะได้รับวิชาอัสนีเก้าโลกันตร์กับความอาฆาตแค้นจากเซียนซีเสวียน]
[สอง ฝึกฝนอย่างเงียบๆ หลอมแก่นปราณทองออกมาแต่เนิ่นๆ จะได้รับวิชากระบี่ชั้นเลิศหนึ่งวิชา]
หานเจวี๋ยเลือกทางที่สองอย่างไม่ลังเล
หลังจากบรรลุระดับแล้ว เขาไม่ได้จากไปทันที แต่คิดว่าจะฝึกฝนพลังวิญญาณอัสนีต่อจนกว่าจะหมดเวลา
เขารับสืบทอดแนวทางของวิชาวัฏจักรหกวิถีขั้นที่สองก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ยังฝึกฝนต่อ
‘เจ้าเด็กนี่อุปนิสัยดีจริงๆ สร้างฐานสำเร็จก็ไม่ออกไปฉลองสักหน่อย แต่กลับฝึกฝนต่อ’ ผู้บำเพ็ญคนนั้นคิดอยู่เงียบๆ
ตัวอักษรแถวหนึ่งลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
[โม่ฟู่โฉวเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นมอง สังเกตเห็นว่าผู้บำเพ็ญคนนั้นจ้องมองตนเองอยู่
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยอย่างมีมารยาท
โม่ฟู่โฉวพยักหน้าตาม จากนั้นทั้งสองก็ฝึกบำเพ็ญต่อ ไม่ได้สนทนากันเลย
……
หานเจวี๋ยเดินออกจากสระวิญญาณอัสนี ก่อนเรียกหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตนเองออกมา
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 27/187]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]
[ตบะ: ระดับสร้างฐานขั้นสาม]
[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สืบทอดได้) ]
[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ]
[พลังวิเศษ: ไม่ปรากฏ]
[อาวุธเวท: ไม่ปรากฏ]
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ร่างวิญญาณหกสาย ประกอบด้วยรากวิญญาณวายุ รากวิญญาณอัคคี รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพสุธา รากวิญญาณพฤกษา และรากวิญญาณอัสนีระดับสูงสุด เสริมดวงชะตาขึ้นอีกระดับ]
[ดวงชะตาแต่กำเนิดมีดังนี้]
[ไม่เป็นสองรองใคร: รูปโฉมหล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ระดับสูงสุด]
[ชะตาเซียนกระบี่: คุณสมบัติมรรคกระบี่ระดับสูงสุด ความเข้าใจมรรคกระบี่ระดับสูงสุด]
[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]
[ทายาทจักรพรรดิเซียน: ได้รับวิชายุทธ์บำเพ็ญเซียนระดับสูงและหินวิญญาณชั้นสูงหนึ่งพันก้อน]
[ตรวจสอบค่าความสัมพันธ์]
ระดับสร้างฐานขั้นสาม!
นี่คือตบะรากวิญญาณอัสนีของเขา ระดับสร้างฐานก็แบ่งออกเป็นเก้าขั้นเช่นกัน ความเร็วระดับนี้ไม่อาจพูดได้ว่าช้า
สองปีกับตบะสามขั้น!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออายุขัยเพิ่มไปจนถึง 187 ปีแล้ว!
หานเจวี๋ยพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“สหาย ไม่ทราบว่าท่านชื่อแซ่ว่าอย่างไร ข้าน้อยโม่ฟู่โฉวจากยอดเขาอัสนีสวรรค์!”
มีเสียงดังมาจากด้านหลังของหานเจวี๋ย เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปดู
หานเจวี๋ยประสานมือคารวะ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าน้อยหานเจวี๋ยจากยอดเขาหยกวิเวก”
“ยอดเขาหยกวิเวก? มิน่าข้าถึงรู้สึกไม่คุ้นหน้า พรสวรรค์ระดับท่านไปเข้ายอดเขาหยกวิเวกช่างน่าเสียดายนัก มาที่ยอดเขาอัสนีสวรรค์ของข้าเอาไหม อาจารย์ของข้าเป็นผู้ฝึกสายอัสนี” โม่ฟู่โฉวส่ายหน้าพูด
หานเจวี๋ยยิ้มตอบ “ข้ากราบเซียนซีเสวียนเป็นอาจารย์แล้ว เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นบิดาชั่วชีวิต ไหนเลยจะทรยศได้ตามแต่ใจ? ขอบคุณความปรารถนาดีของสหายโม่มาก”
โม่ฟู่โฉวว่าด้วยรอยยิ้ม “วิชายุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมมาก เวลาสั้นๆ แค่สองปีก็บรรลุถึงระดับสร้างฐานขั้นสามแล้ว มองดูทั่วทั้งสำนักฝ่ายใน ก็นับว่าอยู่เหนือคนระดับเดียวกัน”
“สหายโม่ชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยไม่คิดจะเทียบกับศิษย์พี่และศิษย์น้องคนอื่นๆ ในสำนักฝ่ายในหรอก”
“ฮ่าๆๆ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงแยกย้ายกันไป
หลังจากกลับถึงยอดเขาหยกวิเวก หานเจวี๋ยลังเลว่าจะไปทักทายเซียนซีเสวียนดีหรือไม่
ช่างเถอะ
‘อาจารย์เองก็มุมานะฝึกบำเพ็ญ ข้าไม่ไปรบกวนจะดีกว่า’
หานเจวี๋ยกลับมาที่ถ้ำเทวาอย่างเงียบๆ
พอกลับถึงเตียงนอน หานเจวี๋ยพักผ่อนสักพักหนึ่ง ก่อนจะกดดูค่าความสัมพันธ์
เขาพบว่ามุมขวาบนมีสัญลักษณ์ซองจดหมายอยู่ ทั้งยังมีจุดสีแดงปรากฏด้วย
เขาอดแปลกใจไม่ได้ จึงรีบกดเปิดอ่าน
……………………………………….
[1]ตันเถียน คือตำแหน่งบนร่างกายบริเวณท้องน้อยใต้สะดือ 3 นิ้ว ในลัทธิเต๋าจะมี 3 จุดได้แก่ ตันเถียนบนตรงหว่างคิ้ว ตันเถียนกลางใต้หัวใจ และตันเถียนล่างใต้สะดือ