ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 93 ผู้บำเพ็ญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า กวนอวี่
บทที่ 93 ผู้บำเพ็ญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า กวนอวี่
เมื่อเผชิญกับการยั่วยุของจี้เหลิ่งฉาน คนสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างงุนงงสับสน
วิธีท้าทายคล้ายยุทธจักรของมนุษย์สามัญเช่นนี้ สำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ค่อยพบเจอนัก
หลี่ชิงจื่อกำลังปิดด่านฝึกฝน ถึงได้ยินคำพูดของจี้เหลิ่งฉาน เขาก็ไม่สนใจ
ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีผู้อาวุโสหานกับผู้อาวุโสเซียวช่วยต้านไว้
เซียวเหยาสัมผัสได้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ธรรมดา จึงไม่อยากเสี่ยงอันตราย และหวังให้หานเจวี๋ยเป็นผู้ลงมือแทน
หานเจวี๋ยไม่อยากยุ่งวุ่นวาย ก็หวังให้เซียวเหยาเข้าต่อสู้ หากแพ้ก็แพ้ไป ขอเพียงทำให้จี้เหลิ่งฉานจากไปเป็นพอ
ทางผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็สัมผัสได้ว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมาก พากันไม่กล้าออกหน้า เหล่าลูกศิษย์เองก็เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดฉากที่น่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้ขึ้น ผู้บำเพ็ญระดับรวมกายามาท้าสู้ กลับไม่มีใครกล้าตอบรับ อีกทั้งไม่มีใครออกมารับหน้าด้วย
“ภายในสิบลมหายใจ หากยังไม่มีใครออกมาอีก ข้าจะทำลายสำนักหยกพิสุทธิ์เสีย!”
จี้เหลิ่งฉานแผดเสียงเรียกอย่างเดือดดาล
ตอนนี้เขาอยู่บนไหล่เขา กำลังมองยอดเขาทั้งสิบแปดยอดของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่อยู่ไกลออกไป
เขาสวมอาภรณ์สีขาว หน้าตาหล่อเหลา สง่าราวต้นหยกลู่ลม เพียงแวบแรกที่มองก็เห็นรัศมีของบุตรแห่งสวรรค์
จี้เหลิ่งฉานโกรธมาก ไม่นึกเลยว่าสำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่มีใครออกมา!
ต่อให้ไม่กล้าประลองด้วย อย่างน้อยก็ควรออกมาขอความเมตตาบ้างสิ!
จี้เหลิ่งฉานหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ เขาหยิบกระบี่ออกมา เตรียมจะผ่าสิบแปดยอดเขาของสำนักหยกพิสุทธิ์!
“สหายเต๋ายอดเยี่ยมนัก สำนักหยกพิสุทธิ์ละอายนักที่สู้ท่านไม่ได้ ขอยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ”
เสียงของหานเจวี๋ยลอยเข้าหูของจี้เหลิ่งฉาน
ให้เขาชนะไปเถอะ
หานเจวี๋ยไม่สนใจว่าจะแพ้หรือชนะ แค่หวังว่าจะวุ่นวายกันน้อยที่สุด
จี้เหลิ่งฉานได้ยินเช่นนี้ ก็คิ้วขมวดกล่าวว่า “เจ้านั่นแหละ ไสหัวออกมาต่อสู้กับข้า ไหนๆ ก็มาแล้ว พวกเจ้าบอกยอมแพ้ประโยคเดียวก็จบเรื่องเลยได้ที่ไหนกัน”
“เหตุใดสหายเต๋าต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ สำนักหยกพิสุทธิ์เคยล่วงเกินท่านหรือ”
“เมื่อก่อนไม่เคย แต่ตอนนี้เคยแล้ว!”
“จำต้องต่อสู้ด้วย?”
“จะไสหัวออกมา หรือจะให้ข้าทำลายสำนักหยกพิสุทธิ์ของพวกเจ้า!”
จี้เหลิ่งฉานกล่าวอย่างบ้าอำนาจ หลังจากเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา เขารู้สึกสดชื่นนัก
‘พวกเจ้ากล้าเมินเฉยข้า!’
จี้เหลิ่งฉานเป็นถึงศิษย์เต๋าของจวนเซียนสวรรค์ เมื่อรวมกับตบะระดับรวมกายาแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าไม่ไว้หน้าเขา
ประเด็นสำคัญที่สุดคือสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้โด่งดังในแดนบำเพ็ญพรต สำนักเช่นนี้ก็กล้าหยิ่งผยองหรือ
วันนี้จี้เหลิ่งฉานจะสอนกฎระเบียบให้พวกเจ้าสักหน่อย!
หานเจวี๋ยได้ฟังแล้วขมวดคิ้ว เขาเองก็เริ่มฉุนแล้ว
นี่มันเหยียบจมูกขึ้นหน้าชัดๆ!
“ยังไม่ไสหัวออกมาอีก หรือต้องให้ข้าบีบให้เจ้าออกมา” จี้เหลิ่งฉานแผดเสียงกร้าว
ท่าทีที่เมินเฉยนั่นชวนให้คนโมโหเป็นที่สุด
เสียงของเขาเพิ่งสิ้น ปราณกระบี่ก็พลันพุ่งออกมาจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนราวกับอัสนีบาตสายหนึ่ง รวดเร็วจนน่าตกใจ
เร็วยิ่งนัก!
จี้เหลิ่งฉานหน้าถอดสี ยกกระบี่จะต้านไว้ตามจิตใต้สำนึก
เสียงตูมดังขึ้น!
ปราณกระบี่ทะยานผ่านกลุ่มภูเขา พุ่งตรงเข้าใส่จี้เหลิ่งฉาน
จี้เหลิ่งฉานยังไม่ทันได้สำแดงวิชาก็ถูกปราณกระบี่ปกคลุม ร่างของเขาถูกบดขยี้จนแหลกทันใด เหลือเพียงจิตดั้งเดิมที่ยังคงถือกระบี่ไว้ จิตกระบี่หวนคืนที่ทรงพลังไม่ได้ทำลายดวงจิตนี้ เพราะมีมังกรทองตัวหนึ่งพันรัดจิตดั้งเดิมของจี้เหลิ่งฉานเอาไว้
ไม่ผิด!
มังกรทอง!
มังกรทองตัวนี้ดุจภาพจริงดั่งภาพมายา ร่างของมังกรปรากฏรอยแตกร้าวเป็นเส้นๆ มันแทบจะไม่สามารถต้านดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพไว้ได้
ขณะที่หานเจวี๋ยเตรียมจะชี้นิ้วไปอีกครั้ง มังกรทองเอ่ยปากว่า “ช้าก่อน! มีอะไรค่อยๆ พูดกันดีกว่า! ข้าขออภัยแทนเจ้าเด็กเวรคนนี้ด้วย!”
หานเจวี๋ยหยุดมือและกล่าวว่า “ข้ายอมแพ้แล้ว แต่เขารังแกกันมากเกินไป ทั้งยังจะทำลายสำนักของข้าอีก ข้าไม่อยากหาเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวคนมาหาเรื่องเช่นกัน!”
จี้เหลิ่งฉานยังอยู่ในสภาพหวาดผวา
‘เป็นไปได้อย่างไร!
การโจมตีเมื่อครู่…
กระบวนท่าเดียวของเขาข้าก็ยังรับมือไม่ได้เลย…’
จิตรู้แจ้งของจี้เหลิ่งฉานพังทลายลงแล้ว
มังกรทองเห็นว่าหานเจวี๋ยไม่ได้ลงมือต่อ ก็ลอบถอนหายใจโล่งอกและกล่าวว่า “สหายเต๋า เรื่องนี้เป็นความผิดของเหลิ่งฉานจริงๆ หากท่านยอมปล่อยเขาไป พวกเราจะรีบจากไปทันที”
[นักพรตเต๋าจี้คงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบข้อมูลของนักพรตเต๋าจี้คง
[นักพรตเต๋าจี้คง ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเจ็ด หนึ่งในสิบสองนักพรตเต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์ เกิดความประทับใจในตัวท่าน เนื่องจากท่านไม่ได้สังหารจี้เหลิ่งฉานทันที ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเจ็ด!
หานเจวี๋ยตาพร่าไปหมด
บุคคลระดับนี้เกิดความรู้สึกดีกับเขา คงไม่มาแก้แค้นเขาหรอกกระมัง
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “หวังว่าสหายเต๋าจะทำตามที่พูด พวกท่านไปเถอะ”
[ความประทับใจที่นักพรตเต๋าจี้คงมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]
มังกรทองพึงพอใจ สัมผัสได้ว่าหานเจวี๋ยมีนิสัยที่ไม่เลว เรื่องนี้เป็นความผิดของจี้เหลิ่งฉานโดยแท้ พลังวิเศษของเขาก็ทำได้เพียงปกป้องจิตดั้งเดิมไว้เท่านั้น หากหานเจวี๋ยต้องการสังหารจี้เหลิ่งฉาน เขาก็ไม่มีทางต่อต้านได้เลย
อีกทั้งเขายังไม่ได้ประกาศสถานะตัวเอง นั่นหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ยั้งมือเพราะกลัวสถานะของเขา
มังกรทองกล่าวเสียงเข้ม “เจ้าเด็กเวร ยังไม่รีบขอโทษสหายเต๋าอีก จบเรื่องนี้แล้วก็รีบไสหัวกลับไป ภายในร้อยปีนี้ห้ามออกมาข้างนอก!”
เขาโมโหแทบตายจริงๆ เมื่อครู่เขากำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ผลคือสัมผัสได้ว่าจี้เหลิ่งฉานตกอยู่ในอันตราย เขาเข้าใจต้นสายปลายเหตุผ่านทางมังกรทองแล้ว
การกระทำเช่นนี้ทำให้จวนเซียนสวรรค์ขายหน้าจริงๆ!
จี้เหลิ่งฉานประหนึ่งถูกฟ้าผ่า เอ่ยด้วยความตื่นกลัวว่า “อาจารย์…ข้าเพิ่งออกมาเองนะ!”
เขาอยากกระอักเลือดนัก เขาเพิ่งออกมาไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ กำลังตามหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมมาโดยตลอด สำนักที่อ่อนแอเกินไปเขาก็ไม่เสียเวลาลงมือ
อุตส่าห์ตัดสินใจมาเยือนสำนักหยกพิสุทธิ์ สุดท้ายยังไม่ทันได้ลงมือ ก็เกือบเอาชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว
จี้เหลิ่งฉานหดหู่กับตัวเอง
โลกภายนอกพิสดารเช่นนี้เองหรือ
เขาเป็นถึงยอดผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาเชียว!
หานเจวี๋ยได้ยินก็ทำหน้าแปลกๆ
ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่เคยปราชัย ที่แท้เพิ่งเป็นครั้งแรกนี่เอง
“รีบขอโทษเสีย!”
มังกรทองพูดด้วยความโกรธ จี้เหลิ่งฉานตกใจจนรีบขอโทษด้วยอาการสั่นระริก
จากนั้นมังกรทองมองไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มเอ่ยว่า “ฉายานามของสหายเต๋า ไม่ทราบว่าบอกได้หรือไม่”
“กวนอวี่ (กวนอู) นามคืออวิ๋นฉาง”
“กวนอวิ๋นฉาง? ชื่อดี”
มังกรทองเอ่ยชื่นชม จากนั้นก็พาจี้เหลิ่งฉานจากไป
เหตุการณ์วุ่นวายสิ้นสุดลงตรงนี้
จี้เหลิ่งฉานอยู่ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์ระยะหนึ่ง ศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์จึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่จิตของเหล่าผู้อาวุโสกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสสังหารเทพแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เซียวเหยาและหลิ่วปู๋เมี่ยต่างตื่นตกใจ
ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพทำให้พวกเขาสั่นกลัว เมื่อลองจินตนาการในหัวดูครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา พวกเขาก็ไม่อาจต้านดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพได้เช่นกัน
หลี่ชิงจื่อซึ่งกำลังปิดด่านฝึกฝนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ‘ผู้อาวุโสหานสมกับที่เป็นแก้วตาดวงใจของข้า ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ
สบายใจ!’
ใต้ต้นฝูซัง มู่หรงฉี่เริ่มรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาหานเจวี๋ย
ระดับความประทับใจเพิ่มขึ้นไปถึง 4 ดาว
หานเจวี๋ยไม่สนใจ ฝึกบำเพ็ญต่อไป
หลายวันต่อมา
[จี้เหลิ่งฉานเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
ดูเหมือนว่านักพรตเต๋าจี้คงจะสั่งสอนอบรมเขาแล้ว ทำให้เขาซาบซึ้งใจหานเจวี๋ยอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยก็อดเกิดความประทับใจต่อจวนเซียนสวรรค์ไม่ได้
นี่สิถึงจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
ยิ่งใหญ่!
เพื่อเป็นการฉลองที่เรื่องนี้ไม่มีความแค้นเกิดขึ้น หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งโชคร้ายออกมาปรับภารกิจประจำวัน
อีกด้านหนึ่ง
นามของกวนอวี่แพร่กระจายไปในจวนเซียนสวรรค์ จี้เหลิ่งฉานเป็นถึงบุตรแห่งสวรรค์ที่เลื่องชื่อลือนามของที่นี่ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะออกไปก็ถูกโจมตีกลับมาแล้ว
ภายในจวนเซียนสวรรค์ จี้เหลิ่งฉานคุยโวเรื่องกวนอวี่เสียยกใหญ่ เอาแต่พูดว่าในสำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้บำเพ็ญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าซ่อนตัวอยู่ แม้แต่นักพรตเต๋าจี้คงอาจารย์ของเขายังเคารพเลื่อมใสกวนอวี่มาก
ยิ่งกวนอวี่แข็งแกร่งเท่าไร เขายิ่งอับอายที่พ่ายแพ้น้อยลงเท่านั้น
อวดอ้างไปอวดอ้างมา ความประทับใจที่เขามีต่อหานเจวี๋ยก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เดาว่าตัวเขาเองก็เชื่อไปแล้ว
หานเจวี๋ยไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด ความประทับใจของเขาต่อนักพรตเต๋าจี้คงก็เพิ่มขึ้นมาก ไม่นึกเลยว่านักพรตเต๋าจี้คงจะรับผิดชอบงานหลังการขายให้ด้วย
…………………………………………………