ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 990 เส้นทางผจญมาร
บทที่ 990 เส้นทางผจญมาร
“งามชุมนุมฟ้าบุพกาลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้บุตรแห่งสวรรค์ทุกคนที่เข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลมุ่งหน้ามารอที่ประตูเมือง!”
เสียงของเทพมหาทัณฑ์ดังก้องไปทั่วเมืองทศพิธ พอสิ้นเสียงเขา บุตรแห่งสวรรค์นับไม่ถ้วนพลันย่อตัวกระโจนออกไป ดั่งห่าธนูที่พุ่งสู่ท้องนภา ตระการตายิ่งนัก
หานเจวี๋ยส่งตัวหานชิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายไปปรากฏตัวข้างๆ หานฮวงทันที
เหล่าผู้ทรงพลังที่อยู่ด้านล่างล้วนประหม่าขึ้นมา พวกเขาอยากรู้ยิ่งนักว่ากฎกติกาของงานชุมนุมฟ้าบุพกาลจะเป็นเช่นไร
งานชุมนุมนี้เป็นกระแสมานานหลายล้านปี ข่าวเกี่ยวกับกฎกติกาของงานก็พูดกันไปสารพัด แต่เทพมหาทัณฑ์และอริยะสวรรค์เกรียงไกรไม่เคยประกาศกำหนดเลย
จอแสงขนาดใหญ่จอหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ยและเทพมหาทัณฑ์ ฉายภาพของฟ้าดินแห่งหนึ่ง ฟ้าดินกว้างใหญ่วังเวง ทอดสายตามองออกไปจะเห็นเนินรกร้างลุ่มๆ ดอนๆ ไม่เห็นสัญญาณชีพเลยสักนิด
บรรดาผู้ทรงพลังอดไม่ได้ที่จะเสวนาหารือกัน หรือว่านี่จะเป็นด่านแรกของงานชุมนุมฟ้าบุพกาล
ในเวลานี้เอง เหนือประตูเมืองแต่ละทิศของเมืองทศพิธล้วนปรากฏจอแสงเช่นนี้ขึ้นทั้งสิ้น ภาพที่ปรากฏคือฟ้าดินกว้างใหญ่ที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์นับไม่ถ้วนได้
ห้าเทวทัณฑ์ หานฮวง เจียงเจวี๋ยซื่อ หานชิงเอ๋อร์ ฉู่ซื่อเหริน มู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์ ฉินหลิง หานอวี้และพวกไก่คุกรัตติกาล เหล่าศิษย์ทั้งหมดจากมรรคาสวรรค์และสำนักซ่อนเร้นล้วนมารวมตัวกันหน้าประตูเมืองแห่งหนึ่ง
ไก่คุกรัตติกาลพลันร้องขึ้นว่า “หรือว่าแต่ละบานประตูล้วนเป็นเขตทดสอบแห่งเดียวกัน หากพวกเราทั้งหมดเข้าไปเบียดเสียดด้านใน จะขัดแย้งกันเองหรือไม่”
พอมันเอ่ยมาเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็พากันขมวดคิ้วขึ้นมา
พวกเขาทราบถึงพลังของสำนักซ่อนเร้นดี หากเกิดความขัดแย้งภายในขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นย่อมต้านรับไม่ไหว
“น่าจะไม่ใช่กระมัง พวกเรามองเห็นภาพมายาที่ฉายอยู่เหนือประตูเมืองเหมือนกันหมด อีกอย่างตอนที่พวกเรามารวมตัวกันเช่นนี้ อาจารย์ปู่ก็ไม่ได้เอ่ยเตือนเลย” มู่หรงฉี่ส่ายหน้าพลางเอ่ยออกไป
คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ
จ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจียืนห่างออกไปไม่ไกล มองกองกำลังสำนักซ่อนเร้นที่ชุมนุมกันอยู่ ตะลึงอยู่ในใจ
พวกเขารู้ว่ารากฐานของสำนักซ่อนเร้นแข็งแกร่งยิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะน่ากลัวขนาดนี้ มีอริยะมหามรรคไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน
หานฮวงก็แปลกใจมากเช่นกัน แต่ไม่ได้แสดงออกมา
ไก่คุกรัตติกาลเดินเข้ามาหา ไปยืนอยู่ด้านหลังหานฮวง ร้องขึ้นว่า “ถึงอย่างไรข้าก็จะติดตามหานฮวง เชิญพวกเจ้าตามสบายเลย!”
หานฮวงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตกลง ขอเพียงไม่ผิดกฎ ข้าก็จะคุ้มครองเจ้าเอง ท่านปู่ไก่!”
กวนปู้ไป้แค่นเสียงเอ่ยไปว่า “ศิษย์น้องฮวง ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคยังไม่ตกเป็นของเจ้า ข้าไม่มีทางยกให้เจ้า”
เทพมารที่เหลือก็ส่งเสียงขึ้นมาเช่นกัน
เจียงอี้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าวางท่าอะไรกัน พวกเราสามพี่น้องยังไม่พูดเลย ระวังจะเจอกับพวกเราในรอบหมื่นผู้กล้าเข้าเล่า เพราะพวกเราจะกำจัดทิ้งทันที!”
จ้าวเซวียนหยวนก็ยิ้มอย่างเย่อหยิ่งเช่นกัน
ฝั่งสำนักซ่อนเร้นมีสมาชิกมากมาย ย่อมดึงดูดความสนใจของเหล่าบุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ เห็นพวกเขาวางท่าโอหังกันปานนี้ ถึงแม้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์จะไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่กล้าออกหน้า
กลิ่นอายของพวกเขารวมกันแล้วแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!
เวลานี้เอง เสียงของเทพมหาทัณฑ์ดังก้องไปทั่วเมือง
“ด่านแรกของงานชุมนุมฟ้าบุพกาล เส้นทางผจญมาร!
“สถานที่ที่พวกเจ้าเห็นคือคุกมารพยาบาทแห่งก้นบึ้งฟ้าบุพกาล พวกเจ้าจะถูกส่งตัวไปยังชายขอบคุกมารพยาบาท ต้องไปให้ถึงใจกลางคุกมารพยาบาทภายในหนึ่งเดือน เมื่อเคลื่อนย้ายผ่านค่ายกลส่งตัวกลับมายังเมืองทศพิธได้ก็นับว่าผ่านด่านแล้ว ไม่จำกัดจำนวนผู้ผ่านด่าน
“ในคุกมารพยาบาท บุตรแห่งสวรรค์จะใช้แผนการหรือกลยุทธ์ใดๆ ก็ได้ ขอเพียงผ่านด่านได้เท่านั้น แต่ขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้เล็กน้อย ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางคุกมารพยาบาทเท่าไรก็มีมารพยาบาทเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ตบะก็จะแกร่งกล้าขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้น เส้นทางผจญมารก็ไม่มีทางหยุดลงกลางคัน!
“อีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง บุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดที่อยู่หน้าประตูเมืองล้วนจะถูกส่งตัวไปยังเส้นทางผจญมาร พวกเจ้ายังมีเวลาสำหรับถอนตัว!”
เสียงของเทพมหาทัณฑ์กระตุ้นให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์อีกครั้ง
แต่ก็ไม่มีบุตรแห่งสวรรค์ถอนตัวเลย ผู้ที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ย่อมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา เตรียมการมานับสิบล้านปีเพื่องานชุมนุมครั้งนี้ ไหนเลยจะถอนตัวได้
ระดับตบะขั้นต่ำสุดของผู้เข้าร่วมงานคืออริยะเบิกฟ้า ต่างตระเตรียมวิธีการรักษาชีวิตไว้แล้วทั้งสิ้น ต่อให้ตายในเส้นทางผจญมารก็มีวิธีฟื้นคืนชีพ
ภายในห้องโถง บรรดาผู้ทรงพลังก็พูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางผจญมารเช่นกัน
“กติกานี้ไม่เลวเลย ทำให้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ได้ทราบพอดีว่าฟ้าบุพกาลมิได้สงบสุขอย่างสมบูรณ์”
“บททดสอบของเส้นทางผจญมารไม่ได้วัดแค่พลังของคนผู้หนึ่ง แต่ยังวัดด้านการเจรจาสื่อสารและความกล้าหาญด้วย”
“ด่านแรกก็ค่อนข้างน่าสนใจแล้ว ไม่รู้เช่นกันว่าหลังจากนี้จะมีอีกกี่ด่าน”
“หากว่ามีคนผ่านด่านไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนเล่า”
“วางใจเถอะ ระยะเวลาหนึ่งเดือนเชียวนะ อย่าดูแคลนเหล่าบุตรแห่งสวรรค์เลย ไม่มีทางตัดสินหมื่นผู้กล้าได้แน่”
….
หานหลิงก็เริ่มกระซิบพูดคุยกับหานเจวี๋ยเช่นกัน นางสนใจในมารพยาบาทยิ่งนัก
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นึกเสียใจแล้วหรือ เดิมทีเจ้าก็สามารถเข้าร่วมได้”
“ไม่เอาเจ้าค่ะ”
หานหลิงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่
เทพมหาทัณฑ์เหลือบมองหานหลิงแวบหนึ่ง นึกสงสัยอยู่ในใจ
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าคุณสมบัติของหานหลิงแกร่งกล้ามาก อาจจะสามารถแย่งชิงตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่เข้าร่วมเท่านั้น
เขานึกถึงหานเจวี๋ย จู่ๆ ก็เข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา
นี่ก็คือนายท่าน
ไม่เคยเผยไพ่ตายของตัวเองออกมาจนหมดหน้าตักเลย
หนึ่งชั่วยามผ่านไปเร็วยิ่ง ประตูเมืองนับร้อยบานของเมืองทศพิธเปล่งแสงสว่าง จากนั้นบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดก็หายตัวไป ถูกเทพมหาทัณฑ์ส่งตัวไปยังคุกมารพยาบาท
ด่านที่หนึ่งของงานชุมนุมฟ้าบุพกาลเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
บุตรแห่งสวรรค์ของมรรคาสวรรค์และบุตรแห่งสวรรค์ของสำนักซ่อนเร้นทั้งหมดปรากฏตัวขึ้น ณ สถานที่แห่งหนึ่งในคุกมารพยาบาท ว่ากันตามจริงคือบุตรแห่งสวรรค์จากทุกประตูเมืองล้วนปรากฏตัวในที่เดียวกัน
ล้วนเป็นบุตรแห่งสวรรค์กันทั้งสิ้น ย่อมไม่มีคนโหวกเหวกโวยวายเลย สถานการณ์ค่อนข้างแปลกประหลาด
พวกเขาทราบชัดเจนดีว่าด้านนี้ไม่สามารถฉายเดี่ยวได้ หากจับกลุ่มกันจะมั่นคงปลอดภัยมากกว่า
เต้าจื้อจุนเหาะขึ้นไป ตะโกนออกมา “มรรคาสวรรค์และสำนักซ่อนเร้น ทั้งหมดจงตามข้ามา!”
หานฮวง หานชิงเอ๋อร์ ฉู่ซื่อเหริน มู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์ หานมิ่ง ไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น จ้าวซวงเฉวียน ชิงเทียนเสวียนจี จ้านฝัวและพวกห้าเทวทัณฑ์ คนหลายสิบคนเดินทางไปด้วยกัน ย่อมเป็นที่ฮือฮายิ่งนัก
กองกำลังนี้มีอริยะมหามรรครวมกันหลายสิบคน สร้างแรงกดดันให้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ สุดขีด
“สมกับเป็นสำนักซ่อนเร้นของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ร้ายกาจจริงๆ”
“แม้แต่เทวทัณฑ์ก็ยังติดตามไปด้วย”
“ไร้สาระ เจ้าไม่รู้หรือว่าผู้นำกลุ่มเทวทัณฑ์คือบุตรชายแท้ๆ ของอริยะสวรรค์เกรียงไกร”
“กองกำลังนี้ ที่แท้สำนักซ่อนเร้นก็แข็งแกร่งขนาดนี้ ข้าอยากเข้าร่วมด้วยเหลือเกิน”
“ฮ่าๆ อย่าพูดเหลวไหลเลย ต้องมีผู้ทรงพลังคอยจับตามองอยู่ด้านนอกแน่นอน บางทีผู้อาวุโสของบ้านเจ้าอาจจะกำลังโกรธอยู่ก็ได้!”
ชั่วขณะนั้น บุตรแห่งสวรรค์ที่เหลือก็เริ่มจับกลุ่มออกเดินทางเช่นกัน
แต่ก็มีผู้สันโดษไม่น้อยที่เลือกเดินทางฝ่าฟันตามลำพัง
ระหว่างที่เดินทางมุ่งหน้าไป บรรยากาศของทางสำนักซ่อนเร้นรื่นเริงนัก ต่างพูดคุยยิ้มหัวไม่มีความกดดันเลยสักนิด
ต่อให้เป็นฟางเหลียงและฉู่ซื่อเหรินที่เคร่งขรึมสักเพียงใด สีหน้าก็เต็มไปด้วยความผ่อนคลายเช่นกัน
มีศิษย์ร่วมสำนักเดินทางไปด้วยมากมายปานนี้ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่!
หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นเป็นที่สุด มือซ้ายจับหานทั่ว มือขวากุมหานฮวง พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด
ส่วนพี่ชายทั้งสองก็รักถนอมน้องสาวคนนี้อย่างยิ่ง
จู่ๆ หานทั่วก็มองไปที่หานฮวง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “น้องรอง มั่นใจกับตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคแค่ไหน”
หานฮวงมองผู้เป็นพี่ใหญ่ ยิ้มแล้วตอบว่า “ย่อมมั่นใจเต็มร้อย ช่วยไม่ได้จริงๆ พี่ใหญ่ หากถึงเวลานั้นท่านห้ามอ่อนข้อให้ข้านะขอรับ ต้องทุ่มสุดกำลัง พวกเราเป็นพี่น้องกัน ข้าไม่มีทางเสแสร้งใส่หน้ากากกับท่าน ข้าอยากประลองกับท่านมานานแล้ว!”
หานทั่วก็มีความสุขเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่เจ้าก็อย่ามั่นใจเกินไปนัก ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าชนะง่ายๆ หรอก”
อี๋เทียนเข้ามาใกล้ หัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “หานฮวง ไม่ใช่แค่พี่ใหญ่ของเจ้าหรอก ศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเจ้าก็คือข้า!”
ทางด้านหลังของพวกเขา ฉู่ซื่อเหรินจ้องมองแผ่นหลังของหานฮวงไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่
มู่หรงฉี่และฟางเหลียงเดินมาถึงข้างกายเขา มู่หรงฉี่ถามด้วยรอยยิ้ม “อะไรกัน เจ้าก็มีใจทะเยอทะยานเช่นกันหรือ”