ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 997 ค่าตัวห้าแสนล้านล้านปี
บทที่ 997 ค่าตัวห้าแสนล้านล้านปี
การปรากฏตัวของเทพมหาทัณฑ์ทำให้เจียงเจวี๋ยซื่อและเต้าจื้อจุนล้วนหยุดมือลง พวกเขามองไปที่เทพมหาทัณฑ์
“พวกเจ้าสู้ต่อได้เลย ข้าจะค้ำยันห้วงมิติแห่งนี้ให้ สู้กันให้เต็มที่เถิด”
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าในใจเกิดระลอกอารมณ์ผันผวน สองคนนี้เป็นเพียงอริยะมหามรรค ทว่าทรงพลังถึงเพียงนี้ วันหน้าหากพิสูจน์ยอดมหามรรคได้ก็มีคุณสมบัติไต่ถามถึงจุดสูงสุดของฟ้าบุพกาล
เต้าจื้อจุนยิ้มออกมา เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็มาเถอะ ศิษย์น้องเจียง เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจยิ่ง สมกับเป็นท่านอาจารย์ ศิษย์ที่ท่านรับยิ่งร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ”
วาจานี้ทำให้พวกหยางเทียนตง ซูฉี หลงเฮ่า ฟางเหลียงและสวินฉางอันรู้สึกขุ่นเคือง
เจียงเจวี๋ยซื่อยิ้มพลางพยักหน้ารับ เริ่มโจมตีอีกครั้ง
เขาเดินหน้าต่อไป มือขวาร่ายเวทอย่างต่อเนื่อง อักขระสีทองรอบกายเปล่งแสงมลังเมลือง มุ่งโจมตีเต้าจื้อจุน
ไม่ว่าเขาจะโจมตีจากทิศทางใด ทวนขาวดำคู่นั้นก็สกัดได้ทันท่วงที เคลื่อนย้ายได้รวดเร็วยิ่ง เกิดภาพติดตาต่อเนื่อง มองเผินๆ ราวกับก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่วงหนึ่ง ปกป้องเต้าจื้อจุนไว้
เต้าจื้อจุนก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยความตาย เขาลอบยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็คงต้องโหดเหี้ยมกับเจ้าสักหน่อยแล้ว ทำให้เจ้าได้รู้ว่าสิ่งที่ข้าประสบมาในหลายแสนปีมานี้มิใช่เรื่องบังเอิญ!
“อาจารย์ ท่านดูให้ดีเถิดว่าผู้ใดกันที่เป็นยอดศิษย์โดดเด่นที่สุดของท่าน!”
เต้าจื้อจุนชูมือขวาขึ้น แขนเหยียดตรง ฝ่ามือกำเข้าหากัน แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลนับไม่ถ้วนโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ท่วมทับเขา
เวลานี้เจียงเจวี๋ยซื่อยืดสูงถึงสิบล้านจั้งแล้ว แสงบนร่างเจิดจ้าแยงตายิ่ง ราวกับเทพเทวาที่จุติในยุคบุกเบิกฟ้าบุพกาล สูงส่งทรงศักดิ์ สง่างามน่าเกรงขาม
เวลานี้ รัศมีพลังของเจียงเจวี๋ยซื่อบรรลุขีดสูงสุดแล้ว กางกั้นบดบังนภา ทำให้สรรพสิ่งนับไม่ถ้วนรับรู้ได้ถึงความทรงพลังไร้พ่ายของเขา
“เก่งกาจนัก นี่น่ะหรือบุตรแห่งสวรรค์ตัวแทนจากสำนักซ่อนเร้น”
“นี่กำลังจะชิงตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคกันอยู่กระมัง!”
“ทำให้ผู้นำดวงจิตมหามรรคต้องมาคุ้มกันสนามประลองด้วยตัวเองได้ เลิศล้ำโดยแท้!”
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการที่ข้าจบลงที่พันองอาจ ก็ไม่นับว่าอยุติธรรมแล้ว”
“เจียงเจวี๋ยซื่อเลิศล้ำนัก มีมาดแห่งเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์”
“เต้าจื้อจุนก็ไม่เลวเช่นกัน หากบอกว่าศึกนี้เป็นการตัดสินตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค ข้าก็ไม่กังขาเลยสักนิด…”
….
หานหลิงมองไปที่หานเจวี๋ย เอ่ยถาม “ท่านพ่อ ผู้ใดจะมีชัยเจ้าคะ”
หานเจวี๋ยตอบว่า “เจียงเจวี๋ยซื่อยังด้อยกว่าเล็กน้อย”
เวรเอ้ย!
เหตุใดเต้าจื้อจุนถึงบ้าคลั่งขนาดนี้
หานเจวี๋ยประหลาดใจ เขารับรู้ได้ว่าเต้าจื้อจุนกำลังสั่งสมพลังอยู่ ซึ่งพลังนี้เพียงพอจะโค่นล้มยอดมหามรรคธรรมดาๆ ได้แล้ว
ต้องทราบก่อนว่าอนาคตของเจียงเจวี๋ยซื่อคือผู้สร้างมรรคา แล้วเต้าจื้อจุนอาศัยสิ่งใดถึงเอาชนะได้
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ตระหนักได้ว่าตนไม่เคยทำนายถึงอนาคตของเต้าจื้อจุนเลย
โชคชะตาในอนาคตเปลี่ยนแปลงได้ตลอด หรือว่านับตั้งแต่เต้าจื้อจุนเข้าสู่โลกมหามรรคอวิชชา ดวงชะตาก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง
ในเวลานี้เอง!
แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลที่สั่งสมพลังมาตลอดพลันระเบิดตัวออก เงาร่างน่าหวาดผวาร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากแม่น้ำ ซัดหมัดใส่ร่างเจียงเจวี๋ยซื่อ โจมตีทะลุทรวงอกของเขา โลหิตสาดกระจายท่ามกลางอวกาศ
สรรพสิ่งนับไม่ถ้วนเพ่งมองอย่างละเอียด เงาร่างน่าหวาดผวานี้ดำเมื่อมไปทั้งตัว มองไม่เห็นใบหน้า มองออกเพียงความดุดันน่าหวาดกลัวของร่างนี้
จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้สบตากัน ต่างมองเห็นความตกใจที่ฉายอยู่ในดวงตาของกันและกัน
ขุนพลพินาศ!
เจียงอี้พึมพำ “ดีเหลือเกิน…ไอ้คนผู้นี้ปิดบังแม้แต่กับพี่น้อง…”
จ้าวเซวียนหยวนก็ไม่สบอารมณ์มากเช่นกัน
คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกตสีหน้าท่าทีของพวกเขา ล้วนชมการต่อสู้ด้วยความกระวนกระวาย
ขุนพลพินาศโจมตีพุ่งทะลุทรวงอกของเจียงเจวี๋ยซื่อ แต่เจียงเจวี๋ยซื่อไม่ตื่นตระหนกเลย วังน้ำวนปรากฏขึ้นในทรวงอกกลวงโบ๋ บดขยี้แขนของขุนพลพินาศจนแหลกและ ทรวงอกฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม
ขุนพลพินาศกำลังจะโจมตีต่อ ทว่ามีพลังที่มองไม่เห็นสายหนึ่งผลักขุนพลพินาศให้ล่าถอยไป เพิ่งจะหยัดร่างได้มั่นคง ร่างของขุนพลพินาศก็ระเบิดกระจายแหลกสลายไปทันที
พอย้อนมองเจียงเจวี๋ยซื่อ เขายังคงงามสง่าน่าเกรงขาม ไม่มีร่องรอยอาการบาดเจ็บเลย
เจียงเจวี๋ยซื่อกำลังจะโจมตีต่อ จู่ๆ เขาก็รับรู้ถึงบางอย่างได้ หันกลับไปทันที เห็นเพียงเต้าจื้อจุนที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นตอนไหนเวลานี้อยู่ด้านหลังเขาแล้ว สองมือกุมทวนขาวดำไว้อย่างละข้าง กางไขว้กัน ทวนยาวกระทบกันเกิดเสียงดังเสียดหูอย่างยิ่ง ราวกับผสานพลังมารบางอย่างไว้ แม้แต่เจียงเจวี๋ยซื่อก็เหม่อลอยไปเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุมได้
ในเวลานี้เอง สถานการณ์ต่อสู้เกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน!
ครืน…
ทวนขาวดำระเบิดพายุใบมีดอันน่าหวาดหวั่น กวาดม้วนไปทั่วห้วงอวกาศ เกราะศึกของเทพมหาทัณฑ์สั่นสะเทือนตาม เสื้อคลุมกันลมที่อยู่ด้านหลังปลิวสะบัดรุนแรง
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอันบ้าคลั่ง เจียงเจวี๋ยซื่อถึงได้สติกลับมา กายเนื้อกลายสภาพเป็นละอองดารา เหลืออยู่เพียงศีรษะ สองเนตรเขาเบิกโพลง สายตาที่มองเต้าจื้อจุนเจือแววหวาดผวา
สีหน้าเต้าจื้อจุนเรียบเฉย โยนทวนทั้งสองเล่มออกไป ทวนสองเล่มติดตามกันมาหนึ่งหน้าหนึ่งหลังเหาะวนรอบศีรษะเจียงเจวี๋ยซื่อ สายฟ้าสีดำฟาดผ่าลงมาพร้อมคมทวน ถักทอเป็นตาข่ายสายฟ้าพัวพันร่างเขาไว้
เจียงเจวี๋ยซื่อฟื้นฟูกลายเนื้อกลับมาแล้ว สายฟ้านับไม่ถ้วนรุมเร้าอยู่บนร่างเขา ทำให้เขาทรมานอย่างยิ่ง เขาจำเป็นต้องเรียกพลังมหาโชคออกมาต้านสกัด
เต้าจื้อจุนพลันกระโจนเข้ามา ไม่ทราบว่ามีเมฆอัสนีซัดโถมอยู่ด้านบนตั้งแต่ตอนไหน ลอยสูงอยู่เหนือยอดศีรษะเทพมหาทัณฑ์
เมื่อเข้าไปท่ามกลางเมฆอัสนี เมฆอัสนีซัดถาโถมรุนแรง ขยายกว้างขวางไร้ขอบเขต ราวกับจะบดบังทั่วทั้งฟ้าบุพกาล
เปรี้ยง…
ทันใดนั้นเมฆอัสนีพลันแหวกเปิดออก ขุนพลพินาศตนหนึ่งที่รูปร่างใหญ่โตมโหฬารกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่าปรากฏตัวขึ้นมา เจียงเจวี๋ยซื่อที่สูงใหญ่นับสิบล้านจั้งยังใหญ่ไม่เท่าลูกตาข้างหนึ่งของขุนพลพินาศโดยซ้ำ
ขุนพลพินาศพลันซัดหมัดลงมา ห้วงมิติพังทลาย ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลสั่นคลอน ราวกับแผ่นดินกำลังปริแยก
เจียงเจวี๋ยซื่อพลันเงยหน้าขึ้น ตะคอกเสียงโกรธเกรี้ยว กลับชาติกำเนิดมหาโชคพลันแผ่แสงเจิดจ้าน่ากลัว ทำให้มิติต่อสู้ขาวโพลนไปหมด เมื่อเผชิญหน้ากับขุนพลพินาศที่ทรงพลังเผด็จการ เขาซัดฝ่ามือออกไป โจมตีด้วยฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร แต่พอซัดฝ่ามือออกไป ราวกับมีร่างแยกมากมายพุ่งออกมาจากร่างเขา พุ่งเข้าโจมตีขุนพลพินาศพร้อมกับกระแสฝ่ามือ
บรรยายแล้วดูเหมือนช้า ทว่าเกิดขึ้นเร็วยิ่ง สรรพสิ่งในเมืองทศพิธรู้เพียงว่าฟากฟ้าพลันสว่างวาบ สองฝ่ายเข้าปะทะกันอีกครั้ง
จ้าวเซวียนหยวนกลืนน้ำลาย เอ่ยว่า “ใช้ได้เลย ศิษย์น้องเจียงร้ายกาจจริงๆ”
จ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจีค่อนข้างเหม่อลอยไป
ซูฉีตบไหล่จ้าวซวงเฉวียนเล็กน้อย เอ่ยไปว่า “ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีชีวิตอยู่มานานกว่าเจ้ามาก อย่าไปเทียบด้วยเลย”
จี้เซียนเสินที่ยืนอยู่ข้างกายชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “หากเจ้าสามารถครอบครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคในปัจจุบันนี้ได้ เช่นนั้นฟ้าบุพกาลแห่งนี้ยังจะมีความหมายอะไรต่อเจ้าอีกหรือ”
ชิงเทียนเสวียนจีได้สติกลับมา พยักหน้าอย่างหนักแน่น จ้องมองฉากบนท้องนภาด้วยแววตาลุกโชน
แสงเจิดจ้าบนท้องนภาสลายหายไปแล้ว เมฆอัสนีก็สลายตัวไปเช่นกัน เต้าจื้อจุนยืนอยู่กลางห้วงอวกาศอย่างทระนง ทอดสายตามองเจียงเจวี๋ยซื่อที่อยู่ด้านล่าง
เจียงเจวี๋ยซื่อไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาอยู่ในร่างสูงนับสิบล้านจั้งได้แล้ว เหลืออยู่เพียงวิญญาณ ยังคงมีสายฟ้าสีดำพัวพันอยู่รอบกาย ขยับเขยื้อนไม่ได้
เขาจ้องเต้าจื้อจุนเขม็ง เอ่ยถาม “เมื่อครู่คือสิ่งใด”
เต้าจื้อจุนหลุบตามองเขา เอ่ยตอบ “อำนาจชะตามหามรรค พลังที่ปกครองอยู่เหนือมหามรรคสามพันวิถี”
พอพูดจบ วิญญาณของเจียงเจวี๋ยซื่อก็สลายไปดั่งหมอกควัน
“เต้าจื้อจุนแห่งสำนักซ่อนเร้นเอาชนะเจียงเจวี๋ยซื่อแห่งสำนักซ่อนเร้นได้!”
เสียงของเทพมหาทัณฑ์ดังก้องไปทั่วเมืองทศพิธ ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาอึงอลขึ้นในเมือง
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ถามในใจ ‘ข้าอยากรู้อนาคตของเต้าจื้อจุนตอนอยู่ในสภาวะแข็งแกร่งที่สุด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
เจ้าตัวดี!
ราคาเทียบเท่าผู้สร้างมรรคาห้าคนเชียวหรือ!
ดำเนินการ!
หานเจวี๋ยก็อยากเห็นนักว่าเต้าจื้อจุนในอนาคตจะแข็งแกร่งแค่ไหน