ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 111 สังหารสัตว์ภูตอย่างไม่ลังเล
อันที่จริง หากอันหลินถืออาวุธกึ่งเซียนประมือกับสัตว์ภูตหล่อเลี้ยงวิญญาณตัวหนึ่ง เขาก็มีความมั่นใจอยู่พอตัว
แต่ตอนนี้มีสัตว์ภูตหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางเพิ่มมาถึงสามตัว นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบตัวกระจ้อยอย่างเขาจะต้านทานไหวได้อย่างไร
“พี่ๆ ทั้งหลาย มีอะไรค่อยพูดค่อยจา ข้าไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไรเสียหน่อย พวกเจ้าเพ่งเล็งข้าทำไม” ด้วยสถานการณ์บังคับ อันหลินทำได้เพียงเปิดฝีปากของตน
ทว่าคำพูดของเขายังไม่ทันได้ผลอันใด
สัตว์ภูตสี่ตัวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าประชิดตัวเขาช้าๆ ใบหน้าอำมหิตดุร้าย
จำต้องใช้ยันต์ที่ได้จากนักพรตแปลงจิตแล้วหรือ
อันหลินปวดใจเล็กน้อย ยันต์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณใช้หมดเกลี้ยงแล้ว
ยันต์ระดับแปลงจิตมีเพียงสามใบ แต่ละใบล้วนเป็นไพ่ตายป้องกันตัวได้เพียงหนเดียว
ไม่คิดว่าจะซวยถึงขั้นต้องใช้ไพ่ตายที่นี่
แหวนมิติกะพริบ ยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งสอดระหว่างง่ามนิ้ว
มันเป็นยันต์กระบี่ที่ทำโดยสือจื่อหลิงเจ้าสำนักคุนหลุน มันทัดเทียมกับการโจมตีสุดพลังของนักพรตระดับแปลงจิต
“โฮก!”
สิงโตที่แผ่รังสีดำทมิฬสองตัวกระโจนเข้าหาเขาก่อน
กรงเล็บของพวกมันคมดุจกระบี่ จะทิ่มแทงร่างกายเขา เนื่องด้วยความเร็วที่สูงมาก ทำให้เกิดเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ
“กระบี่เย้ยเหมันต์!”
เมื่ออันหลินกระตุ้นยันต์ ลำแสงกระบี่ที่น่ากลัวเส้นหนึ่งก็พุ่งออกมา
อากาศเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้า อุณหภูมิรอบข้างลดฮวบ ประหนึ่งฤดูหนาวมาเยือน
ลำแสงกระบี่สีฟ้าพุ่งผ่านไป ดุจดังเชือกเส้นเล็กที่ตัดขาดฟ้าดิน
สิงโตที่แผ่รังสีดำทะมึนยังอยู่ในท่วงท่ากระโจนดังเดิม ถูกฟันเป็นสองท่อนโดยที่ไม่มีโอกาสตอบโต้ด้วยซ้ำ กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งตกลงสู่พสุธา
เพียงแค่ใช้ยันต์ ก็สังหารสัตว์ภูตสองตัวไปในเสี้ยววินาที!
อันหลินนำยันต์อีกแผ่นออกมา พูดกับหมีขาวยักษ์กับช้างที่เหลืออย่างเย็นเยือกว่า “หากพวกเจ้าไม่กลัวตายละก็ เข้ามาเลย!”
พลังยุทธ์บรรลุถึงระดับของสัตว์ภูต ต่อให้พูดไม่ได้ ก็เข้าใจภาษามนุษย์
เขาไม่อยากใช้ยันต์แผ่นนี้ มันเป็นไพ่ตายเอาตัวรอดเชียวนะ ใช้แผ่นหนึ่งลดลงแผ่นหนึ่ง
อันหลินแค่อยากชักยันต์ออกมาเพื่อข่มขู่พวกมันเท่านั้น เพราะสภาพน่าสังเวชของสิงโตสองตัวนั้น สัตว์ภูตสองตัวนี้ก็เห็นประจักษ์แก่สายตาแล้ว
ใครเล่าจะรู้ว่าหมียักษ์กับช้างไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ยังคงก้าวเข้ามาประชิดอันหลินด้วยท่าทีเย็นชา
ให้ตายสิ! ไม่กลัวตายงั้นเหรอ!
ปากของอันหลินขมุบขมิบ เก็บแผ่นยันต์เข้าแหวนมิติ
จากนั้นก็สาวเท้าแล้วเผ่นแน่บ!
“สวีเสี่ยวหลาน! ช่วยด้วย!”
อันหลินตะโกนลั่น พร้อมกับวิ่งไปทางสวีเสี่ยวหลาน…
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสิงโตขวางทางเขา จึงจำใจต้องใช้ยันต์
ตอนนี้เหลือสัตว์ภูตแค่สองตัวแล้ว เขาสู้ไม่ไหวจะหนีไม่ได้เชียวหรือ
หากจะต้องใช้ไพ่ตายรักษาชีวิตแล้ว สู้ทิ้งศักดิ์ศรีเสียยังดีกว่า
เพราะว่า…
ชีวิตต่างหากที่สำคัญที่สุด!
เมื่อหมีขาวกับช้างเห็นฉากนี้ก็ชะงัก จากนั้นคำรามลั่นไล่ตามอันหลินไปอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่อันหลินหลบหนี ก็ไม่ลืมเก็บร่างของสิงโตสองตัวใส่แหวนมิติด้วย
สิงโตสองตัวตายอย่างฉับไวปานนั้น สภาพร่างกายไม่เสียหายมากนัก มีเพียงร่างกายสองท่อนที่กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งเท่านั้น
เช่นนี้แล้ว ขุมพลังสัตว์อาจจะไม่เสียหาย เขาย่อมต้องเก็บพวกมันก่อนอยู่แล้ว
ไกลออกไป มีสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วยถูกเปลวไฟลุกโชนแผดเผาจนเป็นเถ้าธุลี
หญิงที่สวมชุดกระโปรงสีขาวดำคนหนึ่ง ถูกเปลวไฟปกคลุม ประหนึ่งเป็นนางชีแห่งอัคคี
นางถือกระบี่ร่ายรำ ทุกท่วงท่าดูบริสุทธิ์เลอค่า
สัตว์ประหลาดทุกตัวที่เข้าใกล้นาง ล้วนถูกเปลวไฟอันน่ากลัวแผดเผาจนถึงแก่ชีวิต
“สวีเสี่ยวหลาน ช่วยด้วย!”
เสียงร้องของอันหลินแว่วมาแต่ไกล
หญิงสาวมองตามต้นเสียง เห็นอันหลินที่จนตรอกอย่างยิ่ง รวมถึงช้างและหมีขาวที่ไล่ตามหลังมาอย่างไม่ลดละ
“นี่ อันหลิน ทำไมเจ้าถึงเป็นที่รักขนาดนี้ล่ะ”
สวีเสี่ยวหลานขำเบาๆ เพียงกระทืบเท้าเล็กน้อย ก็โผล่มาอยู่ข้างๆ อันหลินทันที
อันหลินหายใจหอบ “ข้าก็ไม่อยากเป็นที่รักเช่นนี้หรอก พูดไปเจ้าอาจจะไม่เชื่อ เมื่อครู่ข้าถูกสัตว์ภูตตามล่าถึงสี่ตัวแน่ะ!”
“หากข้าไม่มียันต์คอยคุ้มกันละก็ เกรงว่าตอนนี้จะกลายเป็นโปรตีนในท้องสัตว์ภูตไปแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าอันหลินถูกพวกมันบีบคั้นให้จนตรอก คิ้วของสวีเสี่ยวหลานก็ตั้งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พูดเสียงกร้าวว่า “มา! ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง!”
เมื่อพูดจบ จู่ๆ ก็มีปีกเปลวไฟปรากฏขึ้นด้านหลังนาง
ยามกระพือปีก มันปล่อยลูกไฟออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
ร่างของนางพุ่งไปหาช้างตัวนั้นรวดเร็วดุจสายลม วาดกระบี่ปล่อยเปลวไฟเป็นทางยาวเพียงแค่พลิกข้อมือ
เร็วชะมัด!
อันหลินตกใจกับความเร็วของสวีเสี่ยวหลาน มันรวดเร็วกว่ายามนางขี่กระบี่เหาะเหินหลายเท่า
ช้างเองก็สังเกตเห็นสวีเสี่ยวหลานนานแล้ว หนามแหลมทั่วตัวขยับไปมา
จู่ๆ งวงของมันก็พ่นมังกรตัวหนึ่งออกไปปะทะกับเปลวไฟ
โครม!
เปลวไฟกับมังกรชนกัน มังกรระเหยทันใด ท้องนภาถูกหมอกขาวปกคลุม
ภายในหมอกขาว จะมีดาบวารีไม่ก็เปลวไฟกระเด็นกระดอนออกมาอยู่บ่อยครั้ง
ช้างเป็นสัตว์ภูตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ แม้สวีเสี่ยวหลานจะเพิ่งเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณได้ไม่นาน แต่พรสวรรค์ของนางเหนือชั้น และมีพลังแห่งสายเลือดพญาหงส์คอยหนุน เมื่อต่อสู้กันจึงได้เปรียบกว่าช้าง
หมียักษ์อาศัยช่วงเวลาที่สวีเสี่ยวหลานถูกช้างขัดขวาง กระโจนใส่อันหลินอีกครั้ง
มีแค่สัตว์ภูตหล่อเลี้ยงวิญญาณตัวเดียว อันหลินไม่เกรงกลัว ถือกระบี่พิชิตมารแล้วพุ่งออกไป
จู่ๆ หมียักษ์ก็หยุดชะงักในขณะที่อยู่ห่างจากอันหลินถึงสามจั้ง ตบพื้นด้วยมือเดียว
ไอเย็นลอยขึ้นจากผิวดิน อันหลินกระโดดขึ้นฟ้าตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้นก็มีแท่งน้ำแข็งแหลมคมยาวหนึ่งจั้งลอยขึ้นจากพสุธา
เขากำลังพรูลมหายใจ เพราะนึกว่าหลบการโจมตีพ้นแล้ว
ต่อมาเขาก็พบว่าแท่งน้ำแข็งบนพื้นกำลังสั่นระริก จากนั้นก็พุ่งขึ้นฟ้า
อันหลินตกตะลึง รีบใช้หมัดสะเทือนขุนเขา ชกแท่งน้ำแข็งที่ลอยมาหาเขาจนแหลกละเอียด
แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา อุ้งมือหมีตะปบหน้าอกของเขาด้วยแรงอันน่ากลัว
ปึก!
อันหลินถูกอุ้งมือหมีตะปบหน้าอก ร่างของพุ่งดิ่งลงมาประหนึ่งขีปนาวุธ กระแทกจนผิวดินทรุดตัวลงไปเป็นหลุมใหญ่
รสหวานแผ่ซ่านในลำคอ เขากระอักเลือดออกมาทันที
เขาประเมินสัตว์ภูตตัวนี้ต่ำเกินไป หากไม่ใช่เพราะกายเนื้อแข็งแกร่งละก็ ถูกอุ้งมือตะปบคงปางตายเป็นแน่
แม้หมียักษ์จะถูกฟันแขนจนขาดเพราะความประมาท แต่ความเร็วและพละกำลังของมันกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่นิด
“โฮก!”
หมียักษ์กระโจนออกไปอีกครั้ง แท่งน้ำแข็งมากมายก่ายกองลอยตัวกลางอากาศ พุ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
“มาไม้เดิมงั้นเหรอ”
อันหลินมองแท่งน้ำแข็งประดุจมีดบินที่พุ่งเข้ามาแท่งแล้วแท่งเล่า นัยน์ตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว เปิดวิชาญาณทิพย์!
วิเคราะห์ช่องโหว่และจุดอ่อน…
ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ชั่ววินาทีที่ร่างกายขยับและควงกระบี่ มองแท่งน้ำแข็งนับไม่ถ้วนดุจความว่างเปล่า พุ่งตัวออกไปข้างหน้า
หมียักษ์ที่กำลังกระโจนใส่อันหลินรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาโดยพลัน ขณะที่กำลังจะถอยหลังเว้นระยะห่าง
อันหลินก็กระดิกนิ้ว สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งลงมา ฟาดหมีขาวยักษ์เข้าอย่างจัง ทำให้ร่างของมันกระตุก
ในตอนนี้ อันหลินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหมียักษ์แล้ว วาดกระบี่พิชิตมารเกิดเป็นวงโจจรสีดำอันมีอานุภาพรุนแรง
หัวของหมียักษ์ลอยละลิ่ว เลือดพุ่งกระฉูด
อันหลินสะบัดไล่คราบเลือดบนคมกระบี่สีดำพลางกระตุกยิ้ม
เขารู้ดีว่า ชั่ววินาทีที่ผ่านมาต้องเท่มากแน่ๆ!
เซียนกระบี่อันหลิน ภารกิจสังหารสัตว์ภูตเพียงลำพังสำเร็จ!
……………………………..