ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 124 ที่แท้ทุกอย่างก็เป็นกับดัก
เมื่อไป๋หลิงพูดถึงมิติศูนย์กลาง มุมปากของเขาก็กระตุกอีกครั้ง
ยังดีที่เจ้านี่มีฟังก์ชันทะลุมิติ ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองทะเล่อทะล่าเข้ามาในมิติของเทพเจ้าเสียแล้ว
“ลำดับต่อไป แสงแห่งศูนย์กลางจะมาประทับยังร่างของพวกเจ้า”
“พวกเจ้าจะมีโอกาสได้รับการสืบทอดบางส่วนเช่นเดียวกันหมด มันขึ้นอยู่กับวาสนาของพวกเจ้า”
ไป๋หลิงพูดพลางยิ้มบางๆ
จู่ๆ ลูกบอลสีดำก็สาดลำแสงใส่พวกเขา
ซุนเซิ่งเหลียนขมวดคิ้ว หลับตาแน่น
คนที่เหลือในม่านแสงต่างก็ตะลึงงัน
เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ใบหน้าสับสนงุนงง
“ขอแสดงความยินดีกับแม่นางท่านนี้ โชคดีได้รับการสืบทอดแห่งธาตุทอง” ไป๋หลิงพูดกับซุนเซิ่งเหลียนยิ้มๆ
“แล้วพวกเราล่ะ” ลั่วจื่อผิงที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ
“พวกเจ้าไม่ได้รางวัลอย่างไรเล่า” ไป๋หลิงพูดอย่างไม่ยี่หระ
เมื่อทุกคนได้ฟังก็ทำหน้าเสียดาย วิธีการสืบทอดแบบนี้มันช่าง…
รู้สึกเหมือนดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต สุดท้ายกลับต้องมาจับฉลากดุจเล่นหวยขูด ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย
โลกหมุนขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนกลับมายังลานทดสอบเดิม ซุนเซิ่งเหลียนก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าแสดงอาการดีใจ
“เป็นอย่างไรบ้างสหายซุน เจ้าได้การสืบทอดอะไร” อันหลินถามด้วยความสงสัย
“อืม…จะว่าอย่างไรดีล่ะ เป็นการตระหนักรู้ของอารยธรรมดาวม่วงที่มีต่อธาตุทอง”
“ที่สำคัญคือเกี่ยวข้องกับพลังแห่งสายพันธุ์ เป็นตัวกระตุ้นได้ดีนัก มีประโยชน์ต่อการศึกษาวิชากระบี่ของข้าไม่น้อยเลย!”
ขณะที่ซุนเซิ่งเหลียนกำลังพูด นางผู้ซึ่งเงียบขรึมกลับมีใบหน้าเปื้อนยิ้มที่สดใส
เมื่อพวกอันหลินเห็นอากัปกิริยาของนาง ก็รู้แล้วว่าครั้งนี้นางได้ประโยชน์มหาศาลจริงๆ!
อิจฉาจังเลย ทำอย่างไรดี
“อะแฮ่ม…พวกเราไปต่อกันเถอะ” อันหลินกระแอมเล็กน้อยแล้วพูดเช่นนี้
พวกเหมียวเถียนได้ฟังก็ชูไม้ชูมือเห็นดีเห็นงามด้วย
จากนั้นก็เจอกับห้องลับที่อยู่โดดเดี่ยวอีกหลายห้อง ข้างในมีอุปกรณ์ทดลองหลากหลายชนิด มองไม่ออก ขยับไม่ได้ ราวกับกำลังเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์
กระทั่งพวกเขามาถึงพื้นที่โล่งกว้างอีกแห่ง
ไป๋หลิงที่สวมชุดขาวพลิ้วไหวก็เยื้องย่างเข้ามา ทักทายพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับสู่ลานทดสอบสายเลือด การทดสอบนี้มีอัตราการรอดชีวิตสามสิบเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือ ทำลายสายเลือดของหุ่นยนต์”
“สมาชิกที่ผ่านการทดสอบ จะมีโอกาสได้รับการสืบทอดสายเลือดของห้องทดลอง” ไป๋หลิงกล่าว
การสืบทอดสายเลือดของห้องทดลอง?
จู่ๆ อันหลินก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ชอบกล “เดี๋ยวนะ การสืบทอดสายเลือดที่เจ้าว่า เป็นการสืบทอดสายเลือดแบบไหน”
ไป๋หลิงตอบยิ้มๆ ว่า “ก็คือการสืบทอดสายเลือดที่สร้างขึ้นจากห้องทดลองแห่งนี้ สินค้าของดาวม่วง เป็นสินค้ามีคุณภาพแน่นอน!”
อันหลิน “…”
ทำไมฟังดูเหมือนกำลังขายสินค้าเลยล่ะ
“สัตว์ประหลาดที่แช่อยู่ในขวดแก้วของห้องทดลองผสมข้ามสายพันธุ์นั่น เกี่ยวข้องกับการสืบทอดสายเลือดของพวกเจ้าใช่หรือไม่” จู่ๆ จงหย่งเหยียนก็คิดโยงไปถึงสองเรื่องนี้
“อ้อ พวกนั้นเป็นสินค้าบกพร่องของการสืบทอดสายเลือด ไม่ต้องห่วง การสืบทอดที่ข้าให้พวกเจ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แล้ว” ไป๋หลิงพูดด้วยสายตาไม่บอกอารมณ์
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกแย่โดยพลัน รู้สึกหวาดกลัวรางวัลนี้ ประหนึ่งถูกบีบคั้นให้เป็นมนุษย์ทดลอง
“พี่อัน เราลองไปห้องอื่นกันดีกว่า” เหมียวเถียนพูดอย่างกระวนกระวายใจ
อันหลินพยักหน้า อย่างไรเสียสถานที่ก็กว้างใหญ่ปานนั้น ที่อื่นน่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยว
“พวกเราขอปฏิเสธการทดสอบนี้”
อันหลินพูดกับไป๋หลิง
“ตกลงทดสอบงั้นหรือ ได้ เช่นนั้นก็เริ่มการทดสอบได้ ขอให้เจ้าโชคดี!” ไป๋หลิงยิ้มแล้วหายวับไปจากที่เดิม
อันหลิน “…”
ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก
ให้ตายเถอะ นางหูหนวกหรือไง
ทั้งๆ ที่พูดว่าปฏิเสธแท้ๆ!
“บัดซบ รู้สึกเหมือนโดนหลอกเลย!” ลั่วจื่อผิงก่นด่า
ทุกคนก็รู้สึกตัวได้ทันที ทั้งโกรธแค้นและอึดอัดใจ
ไป๋หลิงคนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ!
ไม่สิ…มีปัญหาทั้งโบราณสถานนั่นแหละ!
ขณะนั้นเอง ผิวดินก็เริ่มแยกตัวเผยค่อยๆ เผยให้รู
ไฟเบอร์กลาสทรงกระบอกลอยขึ้นมาช้าๆ ข้างในเต็มไปด้วยของเหลวสีแดง
ประตูของไฟเบอร์กลาสแง้มออก ของเหลวไหลทะลักออกมา
“ระวัง!”
อันหลินกล่าวเตือนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างยิ่ง
พลังปราณอันยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกมาจากขวดแก้ว
ชายคนหนึ่งเยื้องย่างออกจากขวดแก้ว เสียงหายใจทุ้มต่ำ ดุจผีร้ายจากขุมนรก
นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ มือสองข้างกลายเป็นกรงเล็บมังกรที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ด
เขายกกรงเล็บขึ้นแล้วแทงลงไปที่แผ่นหลัง ค่อยๆ ดึงกระดูกสันหลังที่เต็มไปด้วยกระดูกงอกตะปุ่มตะป่ำออกมา ส่งรอยยิ้มอำมหิตให้แก่ทุกคน
รอยยิ้มนั่นเย็นยะเยือก ให้ความรู้สึกเนื้อตัวสั่นสะท้านโดยปราศจากความหนาว
จากนั้นเขาก็ขยับ ร่างกลายเป็นเส้นสีดำ
“หลีกไป!”
อันหลินตะโกนลั่นแล้วปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาใส่ชายคนนั้น
อันหลินที่อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ ใช้พลังของหมัดสะเทือนขุนเขาได้แม่นยำและมีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิม ลำแสงสีทองสาดส่องไปทั่วลานทดสอบ
เมื่อสมาชิกทุกคนได้ยินก็กระจายตัว เว้นที่ให้อันหลินกับเจ้าอัปลักษณ์ได้สู้รบปรบมือ
ชายคนนั้นยกกระดูกสันหลังขึ้นหวังจะฟันกำปั้นสีทอง ทิ้งลำแสงดำทะมึนเป็นทางยาว ทำให้หมัดสะเทือนขุนเขาแหลกสลาย ซ้ำยังไม่ยอมหยุดอีกด้วย
อันหลินเบิกตากว้าง ไม่คิดเลยว่ากระบวนท่าที่ทรงพลังของตัวเอง จะถูกชายคนนั้นทลายได้อย่างง่ายดาย
เจ้าอัปลักษณ์คำรามลั่น ยกกระบองขึ้นแล้วฟาดชายคนนั้น
กระบองเงินชนกับกระดูกสันหลังจนเกิดเสียงดังของโลหะ ประกายไฟแตกกระเด็น พลังอันน่ากลัวสะเทือนจนเจ้าอัปลักษณ์ลอยออกไป!
ไม่ได้การ…ลังเลไม่ได้แล้ว
อันหลินหยิบยันต์กระบี่พิฆาตระดับแปลงจิตออกจากแหวนมิติแล้วกระตุ้นมันทันที!
“กระบี่ไร้เทียมทาน!”
เขาตะโกนเสียงดัง ถ่ายเทพลังปราณไปยังแผ่นยันต์
ทว่า ยันต์กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด…
พับผ่าสิ ยันต์เป็นใบ้ไปแล้วหรือไง!
อันหลินตะลึงงัน รีบเปลี่ยนไปใช้ยันต์อีกแผ่นแล้วกระตุ้นมัน
เพียงครู่เดียว เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ไร้รูปร่าง ทำให้กระตุ้นแผ่นยันต์ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!
ชายที่ถือกระดูกสันหลังกำลังพุ่งมาหาตนด้วยความเร็วสูงสุดแล้ว!
ทันใดนั้น มีกงจักรพุ่งไปทางชายคนนั้น
ชายคนนั้นยกกระดูกสันหลังขึ้นแล้วฟันกงจักร
แต่เสี้ยววินาทีนั้นเอง ลำแสงกระบี่และใบมีดลมก็ตามมา ปกคลุมชายคนนั้นไว้
ตูม!
พลังงานเริ่มระเบิด แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
อันหลินเองก็ชักกระบี่พิชิตมารออกมาในตอนนั้นเอง
ชายคนนั้นพุ่งออกจากขอบเขตของระเบิด มือถือกระดูกสันหลังวาดเส้นสีดำเป็นทาง
รวดเร็วยิ่งนัก!
แต่อันหลินกลับเปิดวิชาญาณทิพย์ขณะนั้นทันที ดวงตากลายเป็นสีขาวโพลน ตวัดกระบี่พิชิตมารฟันลงไปที่จุดอ่อนอย่างไม่ปรานี
ชายคนนั้นทำหน้าตกใจ ฝีเท้าหยุดชะงักทันใด ร่างกายบิดตัวประหนึ่งอสรพิษ หลบหลีกกระบี่ของอันหลิน
ตอบสนองไวนัก!
อันหลินพรั่นใจ เขาโจมตี หลังใช้วิชาญาณทิพย์มองหาจุดอ่อน กลับถูกชายคนนี้จับได้เสียแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ระหว่างการรบ
หลังชายคนนั้นหลบได้ก็ตอบโต้ทันที ยกกระดูกสันหลังขึ้นแล้วปล่อยลำแสงสีดำทะมึน
อันหลินถอยหลังกรูด
ต่อให้เขาจะใช้วิชาญาณทิพย์โจมตีและวิเคราะห์การหลบหลีก แต่เพราะสู้ความเร็วอันน่ากลัวในการโจมตีของชายคนนั้นไม่ได้ ทำให้บาดเจ็บหลายแห่งในชั่วพริบตา
ตอนนั้นเอง เจ้าอัปลักษณ์ก็ถือกระบองเงินเข้าร่วมสมรภูมิรบแล้ว
แม้จะมีเจ้าอัปลักษณ์เข้าร่วม สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ยังคงถูกยับยั้งอยู่ดี
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อบาดแผลของเขาเพิ่มขึ้นไม่หยุด ต้องตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปแน่ๆ
“เจ้าอัปลักษณ์ เจ้าปล่อยท่าไม้ตายหน่อย ยับยั้งเขาได้แค่ชั่วอึดใจก็พอแล้ว!”
อันหลินตะโกนลั่น
เจ้าอัปลักษณ์ทำหน้าเหยเก “ข้าไม่มีท่าไม้ตาย!”
อันหลิน “…”
………………………….