ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 126 ทางตันแห่งการดับสูญ
“เสี่ยวหง เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่” อันหลินถามอย่างตึงเครียด
เขากลัวว่าหลังเสี่ยวหงสืบทอดสายเลือดแล้ว พูดสิ่งใดไม่เข้าหูก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาด แบบนั้นคงเสียภาพลักษณ์แย่
“อืม…รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ข้าลองแปลงร่างดีไหม” เสี่ยวหงพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะเพิ่งตื่นนอน
ร้อนไปทั้งตัว? แปลงร่าง?
อันหลินสะดุ้งโหยง “ไม่ต้อง อยู่แบบนี้ไปก่อนเถอะ!”
หากว่าแปลงร่างจริงละก็…
ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะไม่ใช่เสี่ยวหงที่ร้อน แต่พวกอันหลินจะร้อนแทนแล้ว!
“หากว่ามีอาการอะไร ต้องรีบบอกข้าทันทีนะ” จู่ๆ อันหลินก็พูดเสริม
“อืม” เสี่ยวหงได้ฟังก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ลดหัวของมันกลับเข้าไปนอนต่อ
ร่างของไป๋หลิงมลายหายไปดุจแสงสลายตัว
หลังวิงเวียนศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็กลับมายังที่เดิมอีกครั้ง
“พี่อัน ข้าว่าพวกเรากลับกันดีกว่า” เหมียวเถียนกระซิบเสนอแนะ
การทดสอบสายเลือดอำมหิตเป็นที่สุด หากไม่ได้อันหลินทุ่มสุดตัว พวกเขาทุกคนคงตายที่นี่เป็นแน่
มิหนำซ้ำไป๋หลิงที่ยัดเยียดอย่างไม่มีเหตุผลคนนั้น รู้สึกราวกับขุดหลุมให้พวกเขาติดกับอยู่ร่ำไป ทำให้ไม่มีความปรารถนาอยากจะเดินต่อไปแล้วจริงๆ
อันหลินพยักหน้า อาการบาดเจ็บของเขากับเจ้าอัปลักษณ์ยังไม่หาย อย่างอื่นไม่ว่า หากว่าต้องเจอกับการทดสอบที่มีระดับความยากเช่นเดียวกับการทดสอบสายเลือด พวกเขาต้องตายยกกลุ่มแน่
“ไปกันเถอะ พวกเรากลับกันเถอะ” อันหลินพูด
จากนั้น พวกเขาก็เริ่มเดินย้อนกลับ
เมื่อพ้นประตูใหญ่ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเป็นลานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยรูปแกะสลัก
“บัดซบ!” เมื่ออันหลินเห็นฉากนี้หนังตาก็กระตุก สบถด่าทันที
แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยมาที่นี่เลย
“ให้ตายเถอะ ถูกหลอกอีกแล้วหรือ”
อันหลินกวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างวิตกกังวล เกรงว่าไป๋หลิงผู้สวมชุดขาวพลิ้วไหวจะโผล่มา บอกพวกเขาว่าเข้าสู่การทดสอบอะไรสักอย่างอีก
ทุกคนยืนนิ่งอยู่กับที่ กลั้นหายใจรวบรวมสมาธิหนึ่งนาที พบว่าไม่มีสถานการณ์ผิดปกติอะไรเกิดขึ้น จึงอดถอนหายใจไม่ได้
“คุณพระ ที่นี่ไม่มีเหตุผลจริงๆ ใช่ไหม”
เหมียวเถียนลูบหน้าอกป้อยๆ ทำท่าหวาดระแวง
“ย้อนกลับทางเดิมจะเจอห้องลับที่แตกต่างกัน ทำอย่างไรถึงจะเจอทางออกเล่า” จงหย่งเหยียนขมวดคิ้ว
อันหลินก็ทำหน้าจนปัญญา “อย่างไรเสียก็หยุดอยู่ที่เดิมไม่ได้”
ทุกคนเดินรอบลานเล็กแห่งนี้ แต่ก็ไม่พบอะไร
ส่วนรูปแกะสลักพวกนั้น มีทั้งรูปร่างประหลาด ทรวดทรงงดงาม เต็มเปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ
นอกจากนี้ ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย
อันหลินเกิดความคิดบางอย่าง ใช้กล้องถ่ายรูปพลังงานแสงอาทิตย์บันทึกรูปแกะสลักบนลานเล็กแห่งนี้ไว้ทั้งหมด
ช่วงนี้ผลึกหินสะท้อนภาพแพงเหลือเกิน กล้องถ่ายรูปนี่แหละมีประโยชน์ใช้สอย
จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในประตูอีกบาน
หลังก้าวพ้นประตู พวกเขาก็ยืนนิ่งกับที่อีกหน
พวกเขามาถึงสถานที่แปลกพิลึก
รอบตัวไม่ใช้พื้นที่ปิดอีกต่อไป แต่ทุกอย่างมืดขมุกขมัว ไม่มีขอบเขต ไม่มีระยะจำกัด
ฉากนี้อันหลินเคยเห็นตอนจะข้ามประตูสวรรค์ทักษิณ ถูกส่งตัวไปยังแดนมนุษย์
ไกลออกไป มีลูกบอลสีขาวลูกหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
สิ่งที่เชื่อมระหว่างลูกบอลกับพวกเขา เป็นสะพานไม้ยาวร่วมร้อยเมตร
ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นในใจอันหลิน
อย่างที่คาดไว้ จู่ๆ หญิงที่สวมชุดขาวผ้าพลิ้วก็ปรากฏตัว พูดยิ้มๆ ว่า
“ขอต้อนรับสู่การทดสอบแห่งการดับสูญ การทดสอบนี้มีอัตรารอดชีวิตเป็นศูนย์”
“ขอเพียงข้ามสะพานไม้ ถ่ายเทพลังปราณใส่บอลสีขาวลูกนั้นก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นการทดสอบ”
“หากผ่านการทดสอบ ทุกคนจะได้รับการสืบทอดดั้งเดิมของสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปด”
ทุกคน “…”
อันหลิน “ข้ามีเรื่องอยากพูด ไม่รู้ว่าสมควรพูดหรือไม่”
รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋หลิงแล้วพยักหน้า “อืม ได้ ตกลงจะรับบททดสอบสินะ เช่นนั้น…ขอให้ทุกคนโชคดี!”
ขณะที่พูด ร่างของไป๋หลิงก็อันตรธานหายไปอีกครั้ง
อันหลิน “…”
ทุกคน “…”
“พี่อัน หญิงคนนั้นมีร่างจริงไม่ใช่หรือ หากเจอผู้หญิงคนนั้นอีก ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เข้าไปจัดการนางเลย!” ลั่วจื่อผิงพูดอย่างโมโห
“เช่นนั้นก็ต้องรอให้พวกเรารอดชีวิตออกไปก่อน ไม่ได้ยินหรือว่า อัตราการรอดชีวิตของการทดสอบนี้เป็นศูนย์น่ะ” จงหย่งเหยียนถอนหายใจอย่างทุกข์ใจ
มันหมายความว่านักพรตที่เคยมาที่นี่ ตายกันหมดทุกคน!
“เช่นนั้นก็หมายความว่านักพรตที่เคยมาที่นี่อ่อนแอเกินไป ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสผ่านการทดสอบ ครั้งนี้ข้าจะนำเอง!” เจ้าอัปลักษณ์แบกกระบองขึ้นแล้วสาวเท้าไปทางสะพานไม้
“เดี๋ยวก่อน!” อันหลินเรียกเจ้าอัปลักษณ์ “ให้ข้าลองดูก่อนว่าที่นี่มีอะไรแปลกหรือไม่”
ขณะที่พูด เขาก็ล้วงหินวิญญาณก้อนหนึ่งออกจากแหวนมิติ โยนใส่บริเวณที่ขมุกขมัวนอกสะพานไม้
ชิ้ง…
หินวิญญาณแหลกเป็นผุยผงในพริบตา
ต่อมา เขาก็โยนหินวิญญาณไปทางสะพานไม้
ทันใดนั้น ลูกบอลสีขาวก็สาดลำแสง
ลำแสงเส้นนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง หินวิญญาณถูกโจมตี แหลกละเอียดในเสี้ยววินาที
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น ต่างก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
ลำแสงสีขาวเส้นนี้ว่องไวเป็นที่สุด พวกเขาไม่อาจหลบหลีกได้เลย…
เมื่ออันหลินเห็นดังนั้น จึงชักดาบเลือดมังกรออกมา
นี่เป็นศาสตราวุธขั้นสูง วัสดุแข็งแรงทนทาน ต่อให้เป็นนักพรตระดับแปลงจิตก็ทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ
เขามองดาบเล่มนี้ด้วยความปวดใจแวบหนึ่ง จากนั้นก็ขว้างออกไปทางสะพานไม้
ฟิ้ว!
ลำแสงสีขาวที่รวดเร็วจนมองตามไม่ทันก็โจมตีดาบเลือดมังกรอีกครั้ง
จากนั้น ศาตราวุธขั้นสูงอย่างดาบเลือดมังกรก็แหลกสลายดุจผุยผง มลายหายไปในสะพานไม้
ทุกคน “…”
ความเร็วในการโจมตีอันน่ากลัว อานุภาพการโจมตีที่ไม่อาจต้านทานได้
ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้วว่าการทดสอบแห่งการดับสูญคืออะไร ชะตาที่ไม่ว่าสิ่งใดก็จะแหลกเป็นผุยผงอย่างเลี่ยงไม่ได้ การดับสูญน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง
ถึงว่าเป็นการทดสอบที่มีอัตราการรอดชีวิตเป็นศูนย์ ไม่ให้ความหวังกันเลยสักนิด!
จมูกเชิดของเจ้าอัปลักษณ์ขยับไปมา เดินกลับมาเงียบๆ
ด่านนี้ไม่ต้องเล่นแล้ว มันยืนตากลมอยู่อีกมุมดีกว่า
“ข้าคิดว่าพังประตูข้างหลัง อาจจะง่ายกว่าข้ามสะพานนั่นเสียอีก” ซุนเซิ่งเหลียนพูดอย่างเชื่องช้า
เมื่อทุกคนได้ยินตาก็ลุกวาว จากนั้นก็รุดไปพังประตู…
สามนาทีต่อมา
ทุกคนนอนแผ่หลาหายใจหอบบนพื้น น้ำตาคลอหน่วย
บัดซบ ประตูแข็งเกินไปแล้ว!
ทั้งน้ำแข็ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ฟันด้วยกระบี่ ต่อยด้วยหมัด เตะด้วยเท้า ทำทุกวิถีทางแล้ว ประตูที่ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร ไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิด
“อ๊าก…ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่หรือ”
ดวงตาของเหมียวเถียนแดงก่ำ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักเศร้าหมอง กัดริมฝีปากแน่น พยายามไม่ให้น้ำตาไหล
“ทุกคนช่วยกันคิดหน่อยว่ามีวิธีอะไรอีกไหม” อันหลินพยายามฮึดสู้ พูดเรียกขวัญและกำลังใจ
ทว่าแม้จะพูดแบบนี้ แต่ทุกคนก็คิดอะไรไม่ออก ทำได้แค่เพียงเงียบงัน
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ จงหย่งเหยียนก็โบกพัดแล้วพูดว่า
“ลูกบอลโจมตีรวดเร็ว อานุภาพรุนแรง แต่ระยะห่างของการโจมตี บางทีอาจจะมีช่องโหว่ก็ได้…”
เมื่อทุกคนได้ฟังตาก็เป็นประกาย
นั่นสิ การโจมตีที่แข็งแกร่งปานนี้ น่าจะต้องสั่งสมพลังสิ!
พูดแล้วทำทันที อันหลินโยนก้อนหินใส่สะพานไม้ ถูกลูกบอลสีขาวโจมตีในพริบตา
จากนั้นเขาก็โยนหินวิญญาณไปทางสะพานไม้อีกครั้ง ปรากฏว่าลำแสงสีขาวก็โผล่มาในเสี้ยววินาทีเช่นเดิม
อันหลินทนไม่ไหวแล้ว โยนหินวิญญาณออกไปนับร้อยก้อน
ชิ้ง!
ลำแสงร่วมร้อยเส้นพุ่งออกมาพร้อมกัน…
เขาโยนหินวิญญาณออกไปอีกหลายร้อยก้อน
ชิ้ง!
ลำแสงหลายร้อยเส้นถูกปล่อยออกมาในเวลาเดียวกัน…
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอีกครา
จงหย่งเหยียนโบกพัดแล้วพยักหน้า “โจมตีไม่เว้นช่วง ซ้ำยังโจมตีเป้าหมายทั้งหลายในเวลาเดียวกันได้อย่างแม่นยำ…”
“พวกเราตายแน่…” เหมียวเถียนพูดเสริมพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงเผาะ
……………………………..