ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 129 จบเห่แล้ว
หลังไล่พวกอันหลินออกไปแล้ว ประตูของสถาบันวิจัยก็ปิดลงอีกครั้ง สภาพด้านในกลับสู่ความเงียบสงัด
ฝ่ามือของไป๋หลิงยังคงซ่อมแซมลูกบอลสีดำ ใบหน้าฉายความอ้างว้าง “ศูนย์วิจัยสายเลือดของสิ่งมีชีวิต จะแสดงคุณค่าของการดำรงอยู่ได้ด้วยวิธีนี้วิธีเดียวหรือ ช่างเป็นความน่าเสียดายที่น่าเศร้าเสียจริง…”
“ผู้ทดสอบกลุ่มต่อไป ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อใด”
“แต่ทว่า…แม้จะมีคนใหม่มาเยือน ก็คงจะไม่มีผู้ทดสอบที่น่าสนใจเช่นนั้นอีกแล้วกระมัง”
จากนั้น นางก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงป้องปากขำ มีรอยยิ้มน่าหลงใหลปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นเยือกดุจน้ำแข็งละลาย
เพียงแต่ว่า ภายในศูนย์วิจัยมืดมนและเงียบสงัดแห่งนี้ ไม่มีใครมองเห็นฉากนี้
พวกอันหลินถูกพลังมหาศาลซัดออกไป พุ่งออกจากผิวน้ำ ตกลงบนทุ่งหญ้าข้างทะเลสาบ
ลั่วจื่อผิงพ่นหญ้าที่เผลอกินเข้าไปออกมา ชมเปาะว่า “พี่อัน คราวนี้ข้าสะใจจริงๆ! เจ้าไม่ได้ทำให้ไป๋หลิงปิดประตูไล่แขกเท่านั้น แต่ยังทำให้นางไล่ตะเพิดพวกเราออกมาอีก เยี่ยมสุดๆ ไปเลย!”
อันหลินกระตุกมุมปาก สหายลั่วชมเขาเหรอเนี่ย
“อา…แต่อากาศข้างนอกช่างดีเสียจริง ผ่อนคลายไปทั้งตัวเลย!” จงหย่งเหยียนนอนแผ่บนพื้นหญ้า แหงนหน้ามองผืนฟ้า สูดหายใจอย่างสบายอกสบายใจ
“อีกอย่างครั้งนี้พวกเราก็ได้ประโยชน์กันมากเลยไม่ใช่หรือ” เหมียวเถียนหรี่ตา พูดพลางยิ้มหวานหยดย้อย
ทุกคนได้ยินก็พยักหน้ายิ้มๆ ใบหน้าฉายความพึงพอใจ
การสืบทอดสายเลือดสุดท้ายนั่น…มีประโยชน์มากจริงๆ!
มีเพียงอันหลินคนเดียวที่ใบหน้ามีแต่ความเสียดาย
ข้อมูลการถ่ายทอดหยุดชะงักกลางคัน ราวกับพูดอยู่ดีๆ ก็หยุดลง ช่างอึดอัดใจเหลือเกิน
เฮ้อ หลังตัวนิ่มพูดอะไรกันแน่!
ใต้ทะเลสาบเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง มังกรยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งตัวออกมา มองพวกอันหลินอย่างประหลาดใจ
มันกลายร่างเป็นชายวัยกลางคนอีกครั้ง เดินมาหยุดตรงหน้าพวกอันหลิน
“สหายอันหลิน พวกเจ้าออกมาได้อย่างไร” ชายคนนั้นเพ่งมองทุกคน ซ้ำยังขยี้ตาด้วย
อันหลินยิ้มขมขื่น “พวกข้าถูกไล่ตะเพิดออกมา เหมือนว่าเจ้าของข้างในจะไม่ค่อยชอบพวกข้า จึงผลักพวกข้าออกมา”
ชายคนนั้นอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนจริงจัง ดูไม่เหมือนว่าโป้ปด สุดท้ายก็ทำได้แค่เค้นเสียงออกมา “มีแบบนี้ด้วยหรือ พวกเจ้าทำเรื่องขาดสติอะไรลงไปกันแน่!”
ตั้งแต่ที่เขาดูแลทะเลสาบเมฆขาวแห่งนี้ ไม่เคยเห็นนักพรตกลุ่มไหนที่เข้าไปในโบราณสถานแล้วถูกขับไสไล่ส่งออกมาเช่นนี้เลย
อันหลินทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ เขาไม่กล้าพูดจริงๆ ว่าทำอะไรในนั้นไปบ้าง
ชายคนนั้นเห็นเขาไม่อยากพูด จึงเบี่ยงประเด็นไปยังเรื่องที่เขาสนใจที่สุด “มีใครในพวกเจ้าที่ได้รับการสืบทอดหรือไม่”
ทุกคนสบตากันแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า
ชายคนนั้นกะพริบตาปริบๆ “หมายความว่าอย่างไร”
“หมายความว่าได้รับการสืบทอดทั้งหมดอย่างไรเล่า” อันหลินตอบ
“ได้รับการสืบทอดทั้งหมดเลยหรือ!” เขามังกรของชายผู้นั้นตั้งขึ้น ทำท่าไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่เพียงเท่านี้ ซุนเซิ่งเหลียนกับเสี่ยวหงได้รับการสืบทอดตั้งสองครั้ง” อันหลินเบะปาก
หากไม่ใช่เพราะชายคนนี้เป็นคนที่พาพวกเขาเข้าไปในโบราณสถาน เขาก็คร้านจะคุยกับชายคนนี้
“คุณพระ! นี่ข้าฝันไปหรือ เจียงอันหลานคนนี้ได้เห็นเหตุการณ์ที่สมาชิกได้รับการสืบทอดทุกคนกับตางั้นหรือ!” เจียงอันหลานทั้งตะโกนและหัวเราะอย่างตื่นเต้นดีใจ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คิดในใจว่าชายคนนี้เป็นอะไรกัน ระริกระรี้เหลือเกิน
“พวกเจ้าผ่านการทดสอบที่มีอัตราการรอดเป็นศูนย์ใช่ไหม” จู่ๆ แววตาของเจียงอันหลานก็เป็นประกายยิ่งกว่าเจ้าอัปลักษณ์เสียอีก
ทุกคนพยักหน้า
“ระหว่างที่รับการสืบทอด สมองของพวกเจ้ามีข้อมูลเพิ่มมาใช่หรือไม่” เจียงอันหลานหายใจถี่กระชั้น
ทุกคนสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า
“ฮ่าๆ ๆ ยอดไปเลย ฮ่าๆ ๆ!” เจียงอันหลานทั้งโห่ร้องและหัวเราะ แถมยังกระโดดโลดเต้น
มุมปากของอันหลินกระตุก “เขาบ้าไปแล้วหรือ”
สมาชิกทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ท่าทางแบบนี้ ต่อให้ไม่บ้าก็ใกล้เคียงแล้ว
เมื่อกระโดดโลดเต้นอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเจียงอันหลานก็รู้สึกตัวว่าตัวเองลืมตัวจนเสียกิริยาไป
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ แต่น้ำเสียงยังคงร้อนรน “พวกเจ้าไปพบใต้เท้าเทียนอวี่กับข้า บอกข้อมูลที่อยู่ในสมองแก่นาง นางจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”
ใต้เท้าเทียนอวี่?
จงหย่งเหยียนทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เบิกตากว้าง พูดอย่างตกใจว่า “ใต้เท้าเทียนอวี่ที่เจ้าว่า คือธิดาแห่งจักรพรรดิสวรรค์ เทพธิดาเทียนอวี่ใช่ไหม”
“ใช่แล้ว” เจียงอันหลานยิ้มแล้วพูดเสริมว่า “นางบอกว่าจะตบรางวัลให้อย่างงาม ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม”
จักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งแห่งสรวงสวรรค์ ควบคุมหกการภาคี ปกครองใต้หล้า เป็นผู้ดำรงอยู่อันสูงสุดแห่งแดนจิ่วโจว ว่ากันว่าเขามีลูกสาวเจ็ดคน ลูกสาวคนสุดท้องมีนามว่าเทียนอวี่ คล่องแคล่วฉลาดเฉลียว จิตใจดี เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิสวรรค์ที่สุด
หากเทพธิดาเทียนอวี่บอกว่าจะตบรางวัลให้อย่างงาม มันต้องเป็นโอกาสที่หายากอย่างยิ่งแน่นอน!
ทุกคนได้ฟังก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด ตบปากรับคำทันทีโดยแทบจะไม่ต้องคิด
เมื่อเห็นพวกอันหลินตกลงโดยไว เจียงอันหลานก็โล่งอก จากนั้นพูดต่อว่า “ใต้เท้าเทียนอวี่อยู่บนยอดเขาเมฆา ทุกคนเชิญตามข้ามา”
ยอดเขาเมฆาเหรอ
อันหลินชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนสมาชิกคนอื่นก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลเช่นกัน
ต่อมา สมาชิกทุกคนก็พากันมองอันหลิน คิดในใจว่าเจ้าคนนี้วิ่งโร่ขึ้นไปกระโดดหน้าผาบดยอดเขาเมฆาไม่ใช่หรือ
ใจของอันหลินเย็นวาบ บนยอดสูงสุดของเขาเมฆา มีสวนดอกไม้ขนาดย่อมอยู่ ที่นั่นมีหญิงสาวชื่อหลินจวิ้นจวิ้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอื่นแล้ว…
“สหายเจียง ไม่ทราบว่าบนยอดเขาเมฆามีเทพธิดาเทียนอวี่อยู่เพียงคนเดียวหรือไม่” อันหลินเอ่ยถามอย่างกระวนกระวายใจ
เจียงอันหลานมองอันหลินด้วยความฉงนแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถามเช่นนี้ แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบตามความจริงว่า “ใช่แล้ว ใต้เท้าเทียนอวี่มักจะฝึกวาดรูปบนยอดเขาเมฆา คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ขึ้นไป”
ฝึกวาดรูป? วาดรูปนกกระเรียนมงกุฎแดงที่ตลกๆ ตัวนั้นน่ะเหรอ
ท่าทางจะไม่ผิดแน่ เป็นนางแน่นอน
มุมปากของอันหลินกระตุก เขาเป็นคนทั่วไปที่เจียงอันหลานกล่าวถึง แต่ทว่า เขาไม่ใช่แค่บุกเข้าไปในสวนของผู้อื่น แต่ยังพูดจาเยาะเย้ยผลงานศิลปะด้วย…
ให้ตายเถอะ…ถ้ากลับไปที่นั่นอีกละก็ ต้องจบเห่แน่!
เมื่อหวนคิดถึงท่าทางที่หลินจวิ้นจวิ้นอยากจัดการเขา เหงื่อกาฬก็ผุดขึ้นมา
ไม่ได้ จะไปไม่ได้เด็ดขาด!
“โอ๊ย!”
อันหลินกุมท้องตัวเองอย่างเจ็บปวด ทรุดตัวนั่งลงช้าๆ
“หือ สหายอันหลิน เจ้าเป็นอะไรไป” เจียงอันหลานเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าไป ถามด้วยความเป็นห่วง
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง แถมแข้งขายังอ่อนเปลี้ยด้วย เดินไม่ไหวแล้ว! พวกเจ้าขึ้นเขาเมฆาไปเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว ข้าขอพักสักเดี๋ยว!” สีหน้าของอันหลินเจ็บปวด พูดจาอย่างยากลำบาก
เจียงอันหลานยกมือขึ้นลูบท้องอันหลิน ไม่นานกระแสอุ่นก็หลั่งไหลไปทั่วร่างกายของอันหลิน
จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “น่าแปลก สหายอันหลิน ข้าไม่พบโรคอะไรในร่างกายของเจ้า หรืออาการผิดปกติอย่างอื่นเลย”
“อาจเป็นเพราะในโบราณสถานมีของสกปรกกระมัง” อันหลินหรี่ตา ทำหน้าเหยเก
เจียงอันหลานได้ฟังก็ตกใจ “เช่นนั้นยิ่งรอไม่ได้ไปกันใหญ่ ดูถูกสารพิษในโบราณสถานไม่ได้เป็นอันขาด ใต้เท้าเทียนอวี่มีศาสตร์แพทย์แก่กล้า ไป ข้าจะให้นางรักษาเจ้า!”
อันหลินได้ยินก็เบิกตากว้าง พับผ่าสิ! ให้นางช่วยรักษางั้นเหรอ รักษาด้วยวิธีเตะต่อยเหรอ
“ครืน!”
เจียงอันหลานกลายร่างเป็นมังกรตัวเขื่องยาวสิบเมตรแล้วพุ่งขึ้นฟ้า
จากนั้นพายุลูกหนึ่งก็พัดพาทุกคนไปอยู่บนหลังของมัน
ต่อมา โซ่แห่งม่านหมอกก็พุ่งออกมา พันธนาการทุกคนไว้อย่างหนาแน่น ไม่อาจหลุดรอดได้อย่างสิ้นเชิง หนึ่งในนั้นรวมถึงอันหลินด้วย…
“สหายอันหลินไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งเจ้าไปให้ใต้เท้าเทียนอวี่รักษาถึงที่ด้วยความเร็วสูงสุดแน่นอน!”
ขณะที่พูด มังกรยาวสิบจั้งก็ทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้าสู่ยอดเขาเมฆา
“ข้าไม่วางใจเลยสักนิด ความจริงเจ้าช้าหน่อยก็ได้…” บนหลังมังกร อันหลินน้ำตาคลอเบ้า พูดเสียงเบาหวิว
เขามองเขาเมฆาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รู้ว่าตัวเองจบเห่แน่แล้ว…
………………