ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 131 ฝันร้ายของหลินจวิ้นจวิ้น
อันหลินยักไหล่ “หมายความตามที่พูด ข้ากลัวพวกเจ้าจะไม่มีของล้ำค่ามากมายพอจะให้ข้า”
หลินจวิ้นจวิ้นได้ฟังก็แน่นหน้าอก “อันหลิน…เจ้าตั้งใจจะมายั่วโมโหข้าใช่ไหม”
“เหอะๆ เจ้าบอกข้อมูลที่รู้ออกมาให้หมดเถอะ หากว่าข้าขมวดคิ้วเพียงนิดเดียวถือว่าข้าแพ้”
นัยน์ตาของหลินจวิ้นจวิ้นฉายประกายวาบ จดจ้องอันหลิน มีจิตสังหารเจือปน
อันหลินไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือวาดแผนผังค่ายกลก่อน
หลินจวิ้นจวิ้นคัดลอกแผนผังค่ายกลใส่กระดาษสีขาว
หลังวาดเสร็จ นางก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของผู้ชนะ “ถือว่าไม่เลว ค่ายกลสร้างความแข็งแกร่งแก่สายเลือด เอาอาวุธวิญญาณขั้นกลางในคลังของเจียงอันหลานไปได้”
พูดจบ หลินจวิ้นจวิ้นก็เท้าคาง ยิ้มบางๆ “สหายอันหลิน มีอีกหรือไม่”
อันหลินพยักหน้า วาดแผนผังค่ายกลอีกสองภาพ
ใจของหลินจวิ้นจวิ้นเย็นวาบ แต่ยังคงรักษาความนิ่งเฉยบนใบหน้าไว้ เมื่อวาดเสร็จ “อืม ดีมาก ได้ประโยชน์มหาศาล เอาอาวุธวิญญาณขั้นกลาง กับอาวุธวิญญาณขั้นต้นในคลังสมบัติของเจียงอันหลานไปได้”
อันหลินตกใจ แต่ยังคงรักษาความนิ่งเฉยบนใบหน้าไว้
แค่ค่ายกลเส็งเคร็งสองอัน มีมูลค่าขนาดนี้เชียวเหรอ…
เขาเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาแล้ว!
จากนั้น เขาก็วาดแผนผังค่ายกลที่แตกต่างกันออกไปนับสิบภาพลงบนโต๊ะอีก…
หลินจวิ้นจวิ้นมองค่ายกลที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแล้วสูดหายใจเข้าลึก จะเสียโอกาสไม่ได้ ห้ามขมวดคิ้วเด็ดขาด!
หลังวาดค่ายกลทั้งสิบลงบนกระดาษแล้ว นางก็พูดว่า “เอาอาวุธวิญญาณขั้นกลางสามชิ้น อาวุธวิญญาณขั้นต้นเจ็ดชิ้นจากคลังสมบัติของเจียงอันหลานไปได้เลย”
เจียงอันหลานได้ยินประโยคนี้ก็สะดุ้งโหยง “ใต้เท้าเทียนอวี่ อาวุธวิญญาณขั้นกลางไม่เหลือแล้ว…”
หลินจวิ้นจวิ้นอึ้งไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ได้สติ “ข้าจำได้ว่าในคลังของเจ้ามีอาวุธวิญญาณขั้นสูงอยู่ชิ้นหนึ่ง เทียบเท่าอาวุธวิญญาณขั้นกลางได้สามชิ้น เอาให้เขาไป”
เจียงอันหลานได้ฟังก็ปวดหนึบไปทั้งใจ แต่ก็รับปากอยู่ดี
เหล่าสมาชิกต่างก็มองอันหลินด้วยสายตาที่อิจฉา
แต่อันหลินกลับมีท่าทางเหมือนกำลังสงบจิต ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด มันทำให้สมาชิกทุกคนนับถือ
ดูสิ นี่แหละคือรัศมี!
ได้อาวุธวิญญาณสิบกว่าชิ้นกลับทำตัวปกติเหมือนกินข้าวดื่มน้ำ นี่แหละเทพอันของพวกเขา!
“ในเมื่อเก็บข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ไปรับรางวัลจากคลังสมบัติของเจียงอันหลานได้เลย” หลินจวิ้นจวิ้นลุกขึ้นยืน พูดและส่งยิ้มให้ทุกคน
“ช้าก่อน ข้ายังมีข้อมูลอีก เจ้าใจร้อนทำไม” อันหลินโบกมือ กลอกตาใส่หลินจวิ้นจวิ้น
หลินจวิ้นจวิ้นตัวเซ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง “เจ้า…เจ้ายังมีอีกหรือ”
อันหลินพยักหน้าจริงจัง จากนั้นก็เขียนอักขระที่แตกต่างกันนับสิบกว่าแถวลงบนโต๊ะ
หลินจวิ้นจวิ้น “…”
เจียงอันหลานจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว “ใต้เท้าเทียนอวี่ ในคลังสมบัติไม่มีอาวุธวิญญาณหลงเหลือแล้ว…”
หลินจวิ้นจวิ้น “เอายาวิเศษออกมา!”
อันหลินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขียนทฤษฎีการทดลองสายเลือดอีกสิบกว่าข้อลงบนโต๊ะ
เจียงอันหลานหายใจถี่กระชั้น “ใต้เท้าเทียนอวี่ ในคลังไม่มียาวิเศษแล้ว…”
หลินจวิ้นจวิ้นยกมือกุมหน้าอก “เอาวัตถุล้ำค่า วัสดุหลอมศาสตราออกมาให้หมด!”
อันหลินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เขียนโครงสร้างของสิ่งประดิษฐ์จักรกลหลายอันลงบนโต๊ะ
ริมฝีปากของเจียงอันหลานสั่นระริก “ใต้เท้าเทียนอวี่ ในคลังเหมือนจะเหลือแค่หินวิญญาณแล้ว…”
หลินจวิ้นจวิ้นเบิกตากว้าง กัดริมฝีปากแน่น นานกว่าจะได้สติ “เอาออกมาสิ!”
อันหลินพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็วาดแผนผังค่ายกลอีกสิบกว่าภาพอย่างสุขอุรา
หลินจวิ้นจวิ้นหน้ามืด พู่กันร่วงลงพื้น “ทำ…ทำไมเจ้ายังมีแผนภาพค่ายกลอีก!”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “เพราะยังเขียนไม่หมดน่ะสิ ข้ากลัวว่าเขียนเยอะไปพวกเจ้าจะล้มละลาย จึงตั้งใจเก็บไว้บางส่วน”
สหายอันหลินช่างใส่ใจเสียเหลือเกิน…
เจียงอันหลานมองแผนภาพค่ายกลบนโต๊ะอึ้งๆ อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะให้ตายไปเสียเลย
“ใต้เท้าเทียนอวี่ คลังสมบัติหมดเกลี้ยงแล้ว จัดการตามที่ท่านเห็นสมควรเถิด” เจียงอันหลานพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เผ่าพันธุ์มังกร ต่างก็ชอบวัตถุล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง
วัตถุล้ำค่าในคลังสมบัติเป็นดั่งลูกหลานของตัวเอง มันงดงาม ชวนให้อาลัยถึงปานนั้น
ตอนนี้คลังสมบัติหมดเกลี้ยง เขาคิดว่าไร้ซึ่งความหมายจะดำรงอยู่อีกต่อไป…
อันหลินชายตามองหลินจวิ้นจวิ้น พูดอย่างระแวงว่า “เจ้าคงไม่ได้จ่ายไม่ไหวหรอกนะ”
หลินจวิ้นจวิ้นได้ฟังก็ชะงักอยู่กับที่
นางออกเดินทางครั้งนี้เพียงเพื่อฝึกจิตด้วยการวาดภาพ ไร้ของมีค่าอันใดติดตัว แต่คนเขาวาดค่ายกลออกมาแล้ว นางจะติดไว้ก่อนก็คงไม่ได้
นางเป็นใครกัน นางเป็นถึงธิดาของจักรพรรดิสวรรค์ จะคืนคำได้อย่างไร!
พูดว่าจะให้รางวัลทันที ก็ต้องให้รางวัลทันที!
หลินจวิ้นจวิ้นแข็งใจ ถอดสร้อยฝังเพชรสีขาวบนลำคอออกมา ยื่นให้อันหลิน กัดฟันพูดว่า “นี่คือจี้เทพสวรรค์ อาวุธวิญญาณคุ้มกันขั้นสูง เพียงพอกับแผนผังค่ายกลสิบกว่าอันของเจ้าแล้ว!”
อันหลินฝืนใจรับจี้เทพสวรรค์ไว้ ใบหน้าไม่พอใจ มองหลินจวิ้นจวิ้นด้วยสายตาของพ่อค้าหน้าเลือด
หลินจวิ้นจวิ้นแน่นหน้าอก แทบจะกระอักเลือด
คนที่ควรเสียใจอย่างแท้จริงควรเป็นใครกันแน่!
นี่เป็นถึงเครื่องประดับประจำตัวที่นางชอบที่สุด ตอนนี้ยกให้อันหลินแล้ว แต่เขากลับทำหน้ารังเกียจอย่างนั้น
อันที่จริงความรังเกียจของอันหลินใช่ว่าจะไร้เหตุผล เพราะนี่เป็นสร้อยที่ดูผู้หญิงเสียเหลือเกิน ตัวเขาไม่มีความต้องการอยากใส่เลยสักนิด จะไม่รังเกียจได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเขียนคาถาอักขระที่แตกต่างกันอีกสิบกว่าชนิดลงบนโต๊ะอีกครั้ง
หลินจวิ้นจวิ้นงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว
เจียงอันหลานตะลึงอึ้งงัน
เหล่าสมาชิกต่างก็อ้าปากค้าง ขยี้ตาไม่หยุด
“เหมือนข้าจะพอเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงถูกไป๋หลิงขับไล่ออกมา นี่เขาได้ข้อมูลมาเท่าใดกันแน่!” ลั่วจื่อผิงพูดอย่างทึ่งๆ
“ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจริงหรือ ไม่ได้ช่วงชิงมาจากพื้นที่ศูนย์กลางหรอกใช่ไหม” มุมปากของจงหย่งเหยียนกระตุกแล้วเอ่ยปาก
“ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนเขายังมีข้อมูลอีกไม่น้อยเลย” ซุนเซิ่งเหลียนกล่าว
“สมกับเป็นพี่อัน อหังการจริงๆ!” เหมียวเถียนกอดแขนเจ้าอัปลักษณ์แน่น เอ่ยปากชมเปาะ
นางคาดเดาเหตุการณ์ต่อไปได้แล้ว…
อันหลินกะพริบตาปริบๆ มองหลินจวิ้นจวิ้นที่ทำหน้างุนงง “เป็นอะไรไป เจ้าไม่มีสินค้าแล้วใช่ไหม”
หลินจวิ้นจวิ้นดวงตาแดงก่ำ กัดริมฝีปากอ่อนนุ่มไว้แน่นอย่างแข็งกร้าว ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้อีกต่อไปแล้ว
ใช่แล้ว นางไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน
บีบคั้นกันเช่นนี้ นางใกล้จะสติแตกแล้ว
สิ่งที่มีค่าที่สุดบนตัวนางตอนนี้ก็คือจี้เทพสวรรค์ พอมีอะไรขายได้อีก ขายตัวนางหรือ
“อันหลิน…เจ้า…เจ้าตั้งใจมารังแกข้าใช่ไหม!”
น้ำตาคลอหน่วยในดวงตาของหลินจวิ้นจวิ้น นางไม่อาจนิ่งเฉยได้เช่นก่อนหน้าแล้ว กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่ทุกข์ระทมเป็นที่สุดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
นางอยากจะจัดการอันหลินสักทีจริงๆ แต่รอบข้างมีคนมากมายปานนี้ นางไม่กล้าลงมือ จึงทำได้เพียงอดกลั้น ใครจะรู้ว่าตอนนี้โมโหน้ำตาแทบไหลแล้ว
“ไม่เป็นไร เจ้าอย่าร้องไห้ อย่างมากข้าก็แค่ไม่เอารางวัลก็เท่านั้น” ขณะที่พูด อันหลินก็ลบอักขระบนโต๊ะทิ้ง
ทำธิดาแห่งจักรพรรดิสวรรค์ร้องไห้ เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงน่าตกใจเกินไป
เขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว จึงยอมรับความซวย ไม่เอารางวัลก็ได้
ใครจะรู้ว่า ความเห็นใจของอันหลินกลับโจมตีหลินจวิ้นจวิ้นอีกครั้ง
นางปาดน้ำตา หยิบกระดาษสีขาวออกมา เขียนอักษรคำว่าอวี่ลงไปตัวใหญ่แล้วยื่นให้อันหลิน
“ข้าบอกว่าจะให้รางวัลเจ้า ก็ต้องให้แน่นอน เจ้านำอักษรอวี่ตัวนี้ไป นำไปให้สรวงสวรรค์ปรุงยาเซียนที่ต่ำกว่าขั้นหกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย!”
อันหลินถือกระดาษแผ่นนี้ ตกอยู่ในความเงียบงัน
เช็คเด้ง?
หลินจวิ้นจวิ้นนึกว่าอันหลินไม่รู้ว่าจะไปสรวงสวรรค์อย่างไร จึงพูดเสริมว่า “ทุกเมืองของแต่ละแคว้นจะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายสู่สรวงสวรรค์ ถือกระดาษแผ่นนี้ไปให้ยามของสรวงสวรรค์ พวกเขาจะไม่กล้าขวางเจ้า”
อันหลินพยักหน้า เก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้ เขาเป็นลูกศิษย์ของสรวงสวรรค์อยู่แล้ว ต่อให้ตรงดิ่งเข้าราชวังดุสิตก็ไม่มีปัญหา
แต่กลุ่มอักขระสิบกว่ากลุ่มแลกกับยาเซียนหนึ่งเม็ด ความเย้ายวนใจเช่นนี้ก็ไม่เลวทีเดียว
ดังนั้น เขาจึงมองหลินจวิ้นจวิ้น ลองพูดหยั่งเชิงว่า “คือว่า…ข้ายังมีข้อมูลอีกไม่น้อยเลย เจ้าต้องการอีกไหม”
หลินจวิ้นจวิ้นน้ำตาไหลดุจเขื่อนทะลัก
…………………..