ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 149 เผ่าพันธุ์นี้ค่อนข้างพิเศษ
เปลวไฟสีม่วงแผ่มาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ปกคลุมไปทั่วพวกเขาทุกคน
ในตอนนั้นเอง ตูดของมังกรตัวผู้ก็ถูกทิ่มด้วยหอกน้ำแข็งอีกครั้ง
“โฮก…” มังกรตัวผู้ร้องเสียงหลง
“เจ้าโง่หรือ พ่นไฟเช่นนี้ หากเผลอทำให้อาหารไหม้ ข้าจะกินอย่างไร!” เสียงตวาดของมังกรตัวเมียดังมาไกลๆ
ดวงตาดุจโคมไฟของมังกรตัวผู้รื้นน้ำตา นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จะให้มันทำอย่างไรกันแน่
หมัดสะเทือนขุนเขา! ระเบิดวายุ! กระบี่น้ำค้าง!
อันหลิน ต้าไป๋และจี่เยี่ยนหลิงลงมือพร้อมกัน ทำให้เปลวไฟสีม่วงเกิดรูโหว่
เปลวไฟพุ่งเฉียดร่างของพวกเขาไปพร้อมกับความร้อนระอุและดุเดือดเหนือคำบรรยาย
มังกรตัวผู้เห็นเช่นนั้นก็โล่งใจ ยังดีที่นักพรตมนุษย์กลุ่มนี้มีความสามารถ ไม่ถูกย่างเกรียม มิเช่นนั้นคงจะถูกทำร้ายร่างกายอีก
“เจ้าอัปลักษณ์ รีบเปิดไฟส่องผิวดิน!” อันหลินตะโกนอย่างรีบร่อน
เจ้าอัปลักษณ์ได้ฟังก็ใช้พลังไฟฉาย ลำแสงสว่างเจิดจ้าส่องกระทบพื้นดิน ทำให้เห็นลักษณะพื้นผิวที่อยู่ห่างไกลอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ขณะนั้นเอง มังกรทั้งสองอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงร้อยจั้งแล้ว
“ตามข้ามา!” อันหลินขี่สุนัขพุ่งดิ่งลงไป
“ฮ่าๆ ๆ นักพรตมนุษย์ พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก ยอมให้จับแต่โดยดีเถอะ เช่นนั้นข้าจะไม่ให้พวกเจ้าทรมานเลย!” มังกรตัวผู้เห็นว่าเข้าใกล้ทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงแสดงสีหน้าของผู้ชนะ และถือโอกาสพูดจาเหลวไหลไร้สาระด้วย
เกราะป้องกันของมันแผ่ขยายแล้ว หนามแหลมสีดำเจือความเย็นเยียบอันกระหายเลือด รอเพียงเข้าประชิดแล้วทะลวงร่างของนักพรตมนุษย์ในพริบตาเท่านั้น
ตรงนี้นี่แหละ…อันหลินที่บินต่ำมองรอยแยกมืดสนิทที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นก็ลอดเข้าไปทันใด!
นัยน์ตาของพวกสวีเสี่ยวหลานลุกวาว เข้าใจเจตนาของอันหลินแล้ว จึงรีบตามหลังไปติดๆ
“อย่าคิดว่าจะรอด!”
มังกรตัวผู้เห็นดังนั้นก็หน้าถอดสี กระพือปีกไล่กวดอย่างบ้าคลั่ง ร่างมโหฬารพุ่งกระแทกรอยแยกทันที
ครืน!
ผิวดินถูกชนจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หัวของมันมุดเข้าไปในรอยแยก แต่ร่างอวบอ้วนกลับเบียดตัวเข้าไปไม่ได้…
ใช่แล้ว รอยแยกนี้มีความกว้างเพียงสามสี่จั้ง แต่ร่างกายของมันกลับมีขนาดใหญ่ร่วมสิบจั้ง
“หลีกไป!”
มังกรตัวเมียที่ตามประณามมังกรตัวผู้มาตลอดโมโหเดือดดาล ถีบมังกรตัวผู้กระเด็น
ผิวดินเกิดเสียงดังสนั่นอีกครั้ง หัวมังกรที่ติดอยู่ในรอยแยก ถูกฝ่าเท้าเตะจนกระดูกแทบหัก ทิ้งร่องลึกบนพื้นดินเป็นทางยาว
มังกรตัวเมียจ้องพวกอันหลินที่หนีเข้าไปลึกแล้ว พ่นลมหายใจอันเย็นเยียบชวนให้วังเวงใจออกมา
ในเมื่อไม่ได้มื้อเย็นมาครอง ก็จะทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก!
พลันพวกอันหลินที่กำลังเหาะลงไปข้างล่างก็รู้สึกถึงพลังงานอันน่ากลัวจากด้านหลัง มันเป็นเหมือนพลังที่สามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งได้ ทุกหนแห่งที่มันผ่านแม้แต่อากาศก็เริ่มแข็งตัวแล้ว
นี่ไม่ใช่การโจมตีของสองสลึงเฟื้องอย่างมังกรตัวผู้ แต่เป็นการโจมตีสุดพลังของมังกรระดับแปลงจิต!
“มาทางข้าให้หมด!” อันหลินตะโกนลั่น
พวกสวีเสี่ยวหลานได้ยินก็รีบพุ่งไปหาอันหลิน
“ใหญ่ขึ้นๆ!”
ก้อนอัลลอยแรกกำเนิดขยายใหญ่อย่างรวดเร็วเพื่อกำบังอันหลิน
โครม!
ลมหายใจชนกับก้อนอิฐ อันหลินถูกพลังอันน่ากลัวจู่โจมให้ถอยกรูด
ลมหายใจเย็นยะเยือกไม่อาจเล็ดลอดผ่านก้อนอิฐได้ แต่ลมหายใจที่สัมผัสพื้นผิวของก้อนอิฐ ก็ทำให้รู้สึกถึงความเย็นเยียบจับขั้วหัวใจได้อยู่ดี ราวกับแม้แต่เลือดภายในร่างมนุษย์ก็แข็งตัวอย่างสิ้นเชิง
“ยังดีที่มีก้อนอิฐวิเศษของพี่อัน มิเช่นนั้นข้าคงกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างหวาดผวา
เหนือรอยแยก มังกรตัวเมียเห็นว่านักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณต้านทานการโจมตีของมันได้ ก็อดอึดอัดใจไม่ได้
“แม่มัน นักพรตมนุษย์น่าชังพวกนั้นกลายเป็นน้ำแข็งหรือยัง” มังกรตัวผู้ลูบท้องของตัวเองแล้ววิ่งกะเผลกเข้ามา
“ไปให้พ้นเลย!” มังกรตัวเมียเตะมังกรตัวผู้ที่วิ่งเข้ามาจนกระเด็น
มันจ้องนักพรตที่เหาะไกลออกไปเรื่อยๆ อย่างเคียดแค้น สุดท้ายกลับทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงระบายโทสะกับร่างกายของมังกรตัวผู้
พวกอันหลินเห็นว่าออกห่างจากขอบเขตการโจมตีของมังกรตัวเมียแล้ว ต่างก็พรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
พวกเขารู้ว่าไม่อาจย้อนกลับไปทางรอยแยกนี้ได้ในเร็วๆ นี้ ทำได้เพียงเหาะลงไปตามรอยแยกทางนี้เท่านั้น
รอบตัวยังคงมืดตื๋อ ภายใต้แสงสว่างจากไข่มุกราตรี พวกเขาพบว่าผนังหินทั้งสองฝั่งไม่มีทีท่าว่าจะแคบลง กลับกันมันกำลังขยายอย่างต่อเนื่อง
“ดูเหมือนปลายทางของรอยแยกจะมีพื้นที่โดดเดี่ยวอีกแห่ง ข้างในน่าจะมีสัตว์ประหลาด แถมเป็นจำพวกที่อาศัยกันเป็นกลุ่มด้วย” จี่เยี่ยนหลิงเคยเข้าไปในพื้นที่ลักษณะแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง นับว่ามีประสบการณ์ไม่น้อยเหมือนกัน
เป็นอย่างที่คิด เมื่อเหาะลงมาได้ร่วมพันเมตรแล้ว พวกเขาก็เจอกันพื้นที่โล่งกว้าง
“ที่นี่มีแสงด้วย!” อันหลินอุทาน
บนชั้นหินด้านบนสุดมีแสงสีเขียวเป็นจุดๆ มันค่อนข้างสลัว แต่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิด กลับดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
“มันเป็นแมลงแสงเงา มักจะปรากฏตัวในบริเวณที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ แมลงแสงเงามากมายปานนี้ ไม่แน่ว่าที่นี่อาจจะมีทะเลสาบใต้ดินก็ได้” จี่เยี่ยนหลิงอธิบาย
มีทะเลสาบงั้นหรือ
จะมีสัตว์ประหลาดใต้น้ำไหม…
เป็นตามที่คาด เมื่อเหาะไปได้ไม่ไกล พวกเขาก็เห็นทะเลสาบขนาดเล็กที่อยู่เบื้องหน้าผ่านแสงสว่างของไข่มุกราตรี
“หวังลู่…”
“หวังลู่ เจ้าอยู่ไหม”
จี่เยี่ยนหลิงเริ่มเรียกชื่อของคนคนนั้นอีกครั้ง เสียงถึงขั้นทำให้ทะเลสาบอันเงียบสงบเกิดริ้วคลื่นเป็นระลอกๆ
เสียงตะโกนของนางไม่ได้รับการตอบรับ แต่ใบหน้าของนางกลับไม่มีความท้อแท้เลยสักนิด ยังคงทำต่อไป
ก็จริง คาดว่าการร้องเรียกแบบนี้จะถูกทำซ้ำนับล้านครั้งแล้ว หากไม่มีความเชื่อมั่นอันแรงกล้าคอยค้ำจุน คงไม่มีทางอดทนเช่นนี้ต่อไปได้
อันหลินนับถือผู้หญิงคนนี้มาก จ้องเรือนร่างบอบบางแต่ทรหดของนาง ในใจรู้สึกตื้นตันไม่น้อยเลย
ขณะนั้นเอง จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายความอำมหิต ความบิดเบี้ยวอันโกลาหลโชยมาปะทะหน้า ทำเอาเขาตกใจจนรีบกำกระบี่แน่น
แต่กลิ่นอายแบบนี้กลับเป็นเหมือนสายลมที่พัดผ่านไป จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
เขามองทุกคนอย่างฉงนใจ พบว่าบนใบหน้าของทุกคนก็ปรากฏปฏิกิริยาเฉกเช่นเขา
“นี่คงจะเป็นลมหุบเหว ข้าพบเจอนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ไม่อันตรายหรอก” จี่เยี่ยนหลิงพูดอย่างมีประสบการณ์
เมื่อได้ยินประโยคนี้ พวกอันหลินก็โล่งใจขึ้นมานิดหน่อย
ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีลมเย็นเยียบวังเวงโชยมาอีกครั้ง ทำเอาทุกคนขนลุกขนพอง
จากนั้น…
กลิ่นอายของความบิดเบี้ยวอันโกลาหลก็ถาโถมเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ ขณะเดียวกันก็เจืออารมณ์ของความสิ้นหวังอย่างแรงกล้า
“นี่ก็เป็นผลมาจากลมหุบเหวเช่นกันหรือ” อันหลินเย็นวาบไปทั้งตัว ถามอย่างหวั่นวิตก
เหงื่อกาฬผุดเต็มกรอบหน้าของจี่เยี่ยนหลิง กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว “ข้าก็ไม่รู้…”
“เจ้าอัปลักษณ์ เปิดไฟ!”
พรึ่บ!
ไฟฉายของเจ้าอัปลักษณ์ทำให้สภาพแวดล้อมที่มืดมิดสว่างในพริบตา
วัตถุบิดเบี้ยวดำทะมึนหลายตัวเริ่มปรากฏสู่สายตาของทุกคน
พวกมันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเชื่องช้า ปิดล้อมพวกอันหลินไว้แล้ว
ขนาดของวัตถุบิดเบี้ยวเหล่านี้ใกล้เคียงกับมนุษย์ รูปลักษณ์ภายนอกไม่มีระเบียบใดให้กล่าวถึง ราวกับเป็นของเหลวสีดำที่มีอิสระ
ความสิ้นหวัง บ้าคลั่ง จมดิ่ง เกลียดชัง…อารมณ์ด้านลบนานาชนิดก่อตัวเป็นริ้วคลื่นแผ่กระจายไปทั่ว ทำให้หัวของพวกเขาแทบจะระเบิดแล้ว
ใบหน้าของอันหลินฉายความหวาดกลัว เขาจับจ้องวัตถุบิดเบี้ยวเหล่านั้น จากนั้นก็รู้สึกเหมือนจิตใจของตัวเองจะถูกกระชากไป ร่างกายเกิดปฏิกิริยาขยะแขยงตามสัญชาตญาณ
“ทุกคนระวัง มันคือปีศาจร้าย!”
จากลักษณะพิเศษแต่ละอย่าง เขาพบว่าวัตถุบิดเบี้ยวเหล่านี้เป็นปีศาจร้ายทั้งหมด!
ทุกคนได้ยินก็ตกตะลึง ว่ากันว่าปีศาจร้ายในหุบเหวหมื่นกาลีมีเพียงน้อยนิดไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆ ถึงโผล่มามากมายขนาดนี้
อันหลินนึกถึงคำพูดที่จี่เยี่ยนหลิงกล่าวก่อนหน้านี้ ‘มีพื้นที่โดดเดี่ยวโล่งกว้าง มักจะมีเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่กันเป็นฝูง’
เผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในนี้…คงจะไม่ใช่ปีศาจร้ายหรอกใช่ไหม…
………………..