ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 152 เวียนเฝ้าคอยหาร้อยหนกลางฝูงชน
ปีศาจร้ายตาสีชาดบิดศีรษะช้าๆ เริ่มกลายเป็นความบิดเบี้ยวที่อำมหิต
จู่ๆ กระบี่สีดำของมันก็ปล่อยคลื่นพลังประหลาดออกมา ระเบิดหน้าอกของปีศาจร้ายที่ยืนขวางทางตัวนั้นจนเป็นรูใหญ่
ปีศาจร้ายแผดร้องโหยหวนอีกครั้ง ร่างกายล้มลงบนพื้นพร้อมกับจี่เยี่ยนหลิงที่เหม่อลอยอย่างหมดเรี่ยวแรง
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร” จี่เยี่ยนหลิงจ้องปีศาจร้ายที่อยู่ชิดใกล้อึ้งๆ เสียงก็เริ่มสั่นเครือขึ้นมา
ปีศาจร้ายยื่นมือดำขลับไปยังลำคอขาวหยวกของจี่เยี่ยนหลิง แล้วยกสร้อยคอเส้นนั้นขึ้นเบาๆ เพชรสีฟ้าบนสร้อยช่างงดงามเสียนี่กระไร มันส่องแสงระยิบระยับเบาบาง
ปีศาจร้ายตัวนั้นกำเพชรเม็ดนั้นไว้ในมือ
กระบี่ของปีศาจร้ายสีชาดพุ่งมาแทงเข้าที่ศีรษะของปีศาจร้ายตัวนี้
ครืน!
ม่านแสงสีฟ้าสว่างไสวก่อตัวกลางอากาศโดยพลัน ปกคลุมจี่เยี่ยนหลิงและคนอื่นๆ
กระบี่ปักเข้าที่ม่านแสงสีฟ้า แต่การโจมตีอันทรงอานุภาพกลับไม่สะเทือนม่านแสงเลยแม้แต่นิด
“มันคือเกราะป้องกันของหินครามความฝัน…” จี่เยี่ยนหลิงมองปีศาจร้ายตัวนี้อย่างเคลิบเคลิ้ม กลั้นหยาดน้ำตาไม่ได้อีกต่อไป “หวังลู่ ใช่เจ้าไหม…”
หินครามความฝันเป็นอัญมณีประจำตระกูลของหวังลู่ มีแต่พลังของเขาเท่านั้นที่กระตุ้นเกราะกำบังของหินครามความฝันได้ ใช่ มีเพียงเขาเท่านั้นมีกระตุ้นมันได้…
ปีศาจร้ายจ้องมองหญิงสาวที่น้ำตาไหลพรากตรงหน้านี้พลางส่งเสียงฟ่อๆ
มันพูดไม่ได้แล้ว สิ่งที่เปล่งออกมาได้มีเพียงเสียงแหลมบาดหูเท่านั้น
จากนั้นมันก็ก้มหน้าลง
ภาพเหตุการณ์ผุดขึ้นในใจอย่างต่อเนื่อง
ชายชุดเทาคนหนึ่งกับหญิงชุดขาวโบกพลิ้วปรากฏตัวในชายแดนของหุบเหวหมื่นกาลี
ชายผู้นั้นโดดเด่นสะดุดตา รูปลักษณ์งามสง่า หญิงก็รูปโฉมงดงามปานเทพธิดานางฟ้า
ในสายตาคนนอก พวกเขาก็คือคู่รักที่ชะตาฟ้าลิขิต
“เสี่ยวเยี่ยน ภารกิจนี้อันตรายยิ่งนัก อย่าประมาทเด็ดขาด” ชายคนนั้นกล่าว
“โธ่หวังลู่ ขอแค่ข้าอยู่ข้างกายเจ้า มียอดฝีมือระดับแปลงจิตอย่างเจ้าคอยปกป้อง ข้าจะต้องกลัวอะไรอีก” จี่เยี่ยนหลิงคล้องแขนหวังลู่ ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม
หวังลู่หน้าแดงเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าต้องเกาะข้าให้แน่น อย่าจากไปไหน…”
…
ขณะที่กำลังตามหาบงกชเพลิงทมิฬ เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ปีศาจในหุบเหวจลาจล สัตว์ประหลาดที่มีกลิ่นอายพลังมหาศาลหลายตัวปรากฏตัว บีบคั้นให้ทั้งคู่จนตรอก
ในตอนนั้นเอง หวังลู่ก็ล้วงสร้อยหินครามความฝันออกมายื่นให้จี่เยี่ยนหลิง “เก็บมันไว้แล้วรีบหนีไป!”
“หินครามความฝันเป็นสิ่งที่เจ้าใช้ป้องกันตัว ข้าไม่เอาหรอก” จี่เยี่ยนหลิงผลักสร้อยคอคืน
สร้อยต้องอยู่กับหวังลู่ จึงจะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้
แต่หวังลู่กลับสวมสร้อยให้จี่เยี่ยนหลิงเองกับมือ พูดเสียงอ่อนโยนว่า “เด็กโง่ หินครามความฝันอยู่กับเจ้า เมื่อแยกกัน ข้าถึงจะจับตำแหน่งของเจ้าได้”
“ถ้าหาก…ถ้าหากแสงของหินครามความฝันหายไป ก็ไม่ต้องรอข้าแล้วนะ”
สายลมกรรโชกระลอกหนึ่งผลักจี่เยี่ยนหลิงออกไปไกล
หวังลู่หันหลัง ระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ ล่อสัตว์ประหลาดระดับแปลงจิตหลายตัวที่ไล่กวาดมาไปอีกทาง
…
ภายในหุบเหวอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
หวังลู่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด แต่ละย่างก้าวที่ก้าวเดินไป ทิ้งคราบเลือดไว้เป็นทางยาว
เขาเสียแขนข้างหนึ่งไปแล้ว แต่สุดท้ายก็หนีจากการตามล่าของสัตว์ประหลาดแปลงจิตเหล่านั้นได้สำเร็จ
ลำดับต่อไปก็คือการตามหาพลังของหินครามความฝัน ตามหาเสี่ยวเยี่ยน
สภาพในตอนนี้ของเขาไม่สู้ดี จำต้องรีบพาเสี่ยวเยี่ยนออกจากหุบเหวหมื่นกาลีที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายซุกซ่อนให้ไวที่สุด
ขณะที่กำลังคิดจะขี่กระบี่ ลำแสงดำทะมึนเส้นหนึ่งก็พุ่งมาทะลวงหน้าอกของเขา
“อ๊าก…”
หวังลู่ทรุดตัวลงกับพื้น ความเจ็บปวดรวดร้าวเคล้ามลพิษทางจิตใจอันไม่สิ้นสุดกัดกินร่างกายของเขา
พลังประหลาดและลึกล้ำ ทำให้กายเนื้อของเขาค่อยๆ สลายไป อารมณ์ด้านลบคำรามในสมองของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เขาคลุ้มคลั่ง ดำดิ่ง สุดท้ายก็ทำให้เขากลายสภาพเป็นปีศาจร้าย…
ไม่ได้ ข้าจะตายเช่นนี้ไม่ได้
เสี่ยวเยี่ยนยังรอข้าอยู่ ข้าจะตายไปแบบนี้ไม่ได้!
ศรัทธาอันแรงกล้าต่อสู้กับพลังที่กัดกินจิตใจอย่างไม่จบไม่สิ้น
แต่สุดท้ายเขาก็จมดิ่งในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์
…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หวังลู่ก็ได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
“ร่าง…ร่างกายของข้าเป็นอะไรไป”
เขามองร่างกายบิดเบี้ยวดำขลับอึ้งๆ พลางพูดอย่างหวาดผวา
ทว่า สิ่งที่หลุดออกจากปากเขากลับมีเพียงเสียงฟ่อๆ ดังบาดหู
วันนั้น เขาเสียสติอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาพบว่าตัวเองกลายเป็นปีศาจร้าย
สิ้นหวัง ดำดิ่ง โหดร้าย เข่นฆ่า…
เขาเดินเหินในหุบเหวหมื่นกาลี ค่อยๆ สูญเสียความเป็นตัวเอง ทำเรื่องที่ปีศาจร้ายควรทำ
“หวังลู่ๆ เจ้าอยู่ไหม”
เสียงแสนคุ้นเคยดังสะท้อนอยู่ในหุบเหวอันมืดมน
เขาได้ยินเสียงนั่น ได้ยินเสียงที่ทำให้เขาคะนึงหาสุดใจ
บางอย่างที่ถูกปิดตายถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ สติสัมปชัญญะของเขาก็ถูกเสียงนั่นปลุกให้ตื่น ความโกลาหล ความบิดเบี้ยวและความสิ้นหวังค่อยๆ จางหายไป…
นางผู้ที่อ่อนแอวนเวียนอยู่ในความมืดมิด ค้นหาไม่หยุด
เขาที่จมดิ่งกลายเป็นปีศาจร้าย ซ่อนตัวในความมืดมน เฝ้าปกป้องเงาของหญิงคนรักที่ไม่อาจปล่อยวางได้
อย่างน้อย…ก็เฝ้าปกป้องจนถึงวันนี้นางตัดสินใจถอดใจ
ข้าจะช่วยปกป้องเจ้าจากสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเอง
ข้าจะช่วยกำจัดปีศาจร้ายที่ดักซุ่มรอโอกาสโจมตีในมุมมืดให้เจ้าเอง
“หวังลู่ๆ เจ้าอยู่ไหม…”
ภายในพื้นที่อันมืดมิดตลอดกาล เสียงเพรียกหาของนางไม่เคยหยุดเลย
กี่วันแล้ว
หวังลู่ไม่รู้จริงๆ ว่าผ่านไปกี่วันแล้ว แต่เขากลับรู้ว่าจี่เยี่ยนหลิงตะโกนเรียกชื่อเขากี่ครั้งแล้ว
ท่ามกลางความมืดมิด ทุกครั้งที่จี่เยี่ยนหลิงจวนจะไม่ไหว มักจะล้วงหินครามความฝันออกมา จดจ้องแสงสว่างเบาบาง พึมพำกับตัวเองว่า “หวังลู่ ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย เจ้าต้องรอข้าอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่”
เด็กโง่ ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ…
ท่ามกลางความมืด หวังลู่จับตามองร่างที่อยู่โดดเดี่ยวเงียบๆ
อันที่จริงเขามีอีกทางเลือกหนึ่ง
แต่เขากลับไม่กล้าเลือกทางนั้น เพราะเขากลัวว่าจี่เยี่ยนหลิงจะตัดสินใจเช่นเดียวกับเขา
ในที่สุดก็มีวันหนึ่ง จี่เยี่ยนหลิงเจอกับคนกลุ่มหนึ่ง คนพวกนั้นมาล่าปีศาจร้าย
พวกเขาคิดไม่ถึงเป็นแน่ว่า จะมีปีศาจร้ายชื่อหวังลู่ตัวหนึ่งคอยติดตามพวกเขาอยู่
จี่เยี่ยนหลิงคุยกับพวกเขาอย่างมีประสบการณ์ ปีศาจร้ายที่นี่มีน้อยนิด นางอยู่มาร่วมปีกว่ายังไม่เห็นแม้แต่ตัวเดียว
หวังลู่เงียบงันไม่พูดไม่จา
เด็กโง่ ที่เจ้าไม่เจอปีศาจร้าย นั่นเป็นเพราะปีศาจร้ายที่คิดจะรุกรานเจ้าถูกข้าสังหารจนเหี้ยนหมดแล้ว…
จากนั้นพวกเขาก็ถูกมังกรยักษ์สองตัวตามล่า
ต้องลงมือหรือไม่ ไม่…พวกเขายังรับมือได้
แต่ว่าทิศทางที่พวกเขาหนีไปหลังจากนั้นทำให้ข้ารู้สึกกังวลขึ้นมา
มีปีศาจร้ายอีกตัวจะจู่โจมพวกเจ้า ข้าปรากฏตัวด้านหลังของมัน ใช้มือแทนมีด ตัดคอของมันจนหลุดจากบ่า
จิตสังหารของปีศาจร้ายแผ่มาถึงบริเวณที่พวกเขาอยู่
นางพูดอย่างมีประสบการณ์อีกครั้งว่า นี่เป็นลมหุบเหว
เด็กโง่ มันคือจิตสังหาร อดพูดไม่ได้เลยว่าชื่อที่เจ้าแต่งขึ้นมาเองนั้นดูน่าเชื่อถึงยิ่งนัก…
ขณะที่หวังลู่แอบทอดถอนใจ สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ตัวหนึ่งก็ปรากฏตัว
“ข้าตามหาเจ้ามานานเหลือเกินเจ้าคนทรยศ…” เสียงแว่วมาดุจสายลมเหมันต์
“เจ้าคุยกับข้าได้ด้วยหรือ!” หวังลู่ตกใจ
“หึๆ ไยจะไม่ได้เล่า พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันนะ”
“เพื่อผู้หญิงคนนี้ เจ้าสังหารปีศาจร้ายไปมากมายปานนี้ เจ้าว่าข้าควรจะจัดการเจ้าอย่างไรดี”
นัยน์ตาสีแดงปรากฏให้เห็นท่ามกลางความมืด ปีศาจร้ายตาสีชาดค่อยๆ แสดงตัวให้เห็นพร้อมกับความทรงพลังอันล้นเหลือ
หวังลู่สู้มันไม่ได้ ได้รับบาดเจ็บจนแทบจะสูญสลาย
ปีศาจร้ายตาสีชาดพาเขามายังสมรภูมิรบ ให้เขาได้เห็นกับตาตัวเองว่า สุดท้ายหญิงสาวที่ตนเฝ้าปกป้องจะมีจุดจบอย่างไร
เขานอนแผ่บนพื้น เห็นร่างของจี่เยี่ยนหลิงกำลังต่อสู้อย่างทรหด และได้เห็นความแน่วแน่ยามนางตกอยู่ในสภาวะจนตรอก
อย่างน้อยสุดท้าย ขอให้ข้าได้ปกป้องเจ้าอีกสักครั้ง!
หวังลู่คำรามอย่างโกรธแค้น กลายร่างเป็นเงาดำ ยืนขวางจี่เยี่ยนหลิง
หน้าอกของเขาถูกระเบิดจนเป็นรูใหญ่ แต่โชคดีที่ช่วงเวลาสุดท้าย เขากระตุ้นเกราะป้องกันของหินครามความฝันได้ทัน
“หวังลู่ ใช่เจ้าไหม…”
แม้จะเป็นคำถาม แต่กลับมีน้ำตาไหลออกจากดวงตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของหญิงคนนั้นไม่หยุด
“ข้าเองเสี่ยวเยี่ยน” ปีศาจร้ายเปล่งเสียงแหลมและแหบพร่า ฟังไม่ได้ภาษาเลยสักนิด
จี่เยี่ยนหลิงยื่นมือออกไปลูบใบหน้าที่มืดสนิทจนไร้เค้าโครงใด พูดเสียงอ่อนหวานว่า “หวังลู่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเจ้า! เรากลับบ้านกันเถอะ…”
กลับบ้านหรือ
สภาพแบบนี้ พ่อเจ้าต้องไม่ยอมรับเขยอย่างข้าแน่นอน
แต่เจ้าจำข้าได้ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเสียเหลือเกิน…
ร่างดำทะมึนค่อยๆ หย่อนยาน พลังก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“หวังลู่ เจ้าฟื้นสิ ข้าขอร้อง!”
“หวังลู่ อย่าทิ้งข้าไป ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร อย่าไปจากข้า…”
หวังลู่…หวังลู่…
เสียงแผ่วเบาลงทุกที
ครั้งที่แปดแสนเก้าหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้า
ครั้งที่แปดแสนเก้าหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยยี่สิบหก…
ภายใต้การเฝ้าปกป้องอันยาวนาน หวังลู่มีความชอบอย่างหนึ่ง นั่นก็คือจดจำจำนวนครั้งที่จี่เยี่ยนหลิงตะโกนเรียกชื่อเขาในหุบเหวกาลี คอยมองว่านางจะอดทนได้นานเพียงใด
นางยังคงยืนหยัด
หากบอกจำนวนแก่นางไป คาดว่าแม้แต่นางเองก็คงไม่เชื่อ
เสียดายที่ข้าต้องไปแล้ว บอกเรื่องนี้กับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว…
ร่างสีดำสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงท่ามกลางเสียงเรียกของจี่เยี่ยนหลิง กลายเป็นจุดสีดำ ลอยไปตามเสียงลมที่อบอวลด้วยเสียงเรียก ‘หวังลู่’ ซ้ำไปซ้ำมานั่น
……………………….