ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 157 การประลองของเหล่าอัจฉริยะ
“…สรุปก็คือ ข้าคิดว่าผู้ชนะเลิศในการประลองครั้งนี้คือข่วงเร่อ!” เซวียนหยวนเฉิงพูดอย่างเคร่งขรึม
อันหลินยืนตาแดงก่ำอยู่ข้างๆ เจ็บปวดใจเหลือเกิน ‘ให้ตายสิ หนึ่งแสนหินวิญญาณของเรา!’
จะโทษพี่เฉิงได้เหรอ
เห็นเขาวิเคราะห์อย่างตั้งอกตั้งใจแบบนี้ อันหลินไม่มีหน้าจะโทษเขาเลยจริงๆ!
ขณะนั้นเอง การประลองรอบคัดเลือกสองคนสุดท้ายก็เริ่มขึ้น
รอบแรก จางเหยียนปะทะทังซือหยวน รอบที่สอง หลูเหรินปะทะข่วงเร่อ
ทังซือหยวนสวมชุดขาวรับกับใบหน้าอันงดงาม มีชีวิตชีวาเป็นธรรมชาติปานพุดตานพ้นน้ำ มือกำกระบี่เมฆาดุจไอน้ำเล่มหนึ่งแน่น วับแวมดุจดั่งภาพลวงตา
คาดว่านางน่าจะเป็นขวัญใจที่ชายมากมายในสำนักเซียนหมื่นชีวิตชื่นชม แค่ออกโรงก็ได้รับเสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากศิษย์ชายนับไม่ถ้วนแล้ว
เมื่อเทียบกันแล้ว การออกโรงของร่างอ้วนล่ำอย่างจางเหยียน แลดูธรรมดาเรียบง่ายไปเลย
เป็นอัจฉริยะแห่งสำนักเซียนหมื่นชีวิตเหมือนกัน ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ล่ะ
อันหลินลูบคาง ไม่นานก็ได้คำตอบ
ความจริงวงการบำเพ็ญเซียน…ก็เป็นวงการที่ดูหน้าตาเหมือนกันนี่นา!
หากเปลี่ยนจากใบหน้าของจางเหยียนเป็นใบหน้าของเซวียนหยวนเฉิง เสียงโห่ร้องในสนามต้องไม่เบากว่าทังซือหยวนแน่นอน!
“ทังซือหยวนสู้ๆ!” อันหลินก็ตะโกนโห่ร้องตามเช่นกัน
เซวียนหยวนเฉิงถูกเสียงตะโกนกะทันหันของอันหลินทำให้ตกใจจนสะดุ้ง เหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
อันหลินใจสลาย สิ่งที่เขาทำเพื่อทังซือหยวนได้ ดูเหมือนจะมีแค่เรื่องนี้แล้ว
หนึ่งแสนหินวิญญาณเชียวนะ…ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย แต่เป็นเงินที่สามารถซื้อยาเซียนขั้นต่ำได้ตั้งหนึ่งเม็ด หากว่าคว้าน้ำเหลว มันน่าปวดใจมากจริงๆ นะ
การประลองระหว่างทังซือหยวนกับจางเหยียนเริ่มขึ้นแล้ว
เพิ่งเปิดฉากการประลองก็เข้าสู่ช่วงดุเดือด กระบี่เมฆาขาวของทังซือหยวนประณีตอย่างไร้ที่เปรียบ กระบี่ที่เป็นดุจภาพลวงตาทำให้ยากจะป้องกันได้ จางเหยียนเนื้อตัวแดงฉาน มีเปลวไฟสีแดงปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าประหนึ่งปีศาจดึกดำบรรพ์ ทุกการโจมตีล้วนแฝงด้วยพลังยิ่งใหญ่
การปะทะของทั้งคู่ทำให้เกิดคลื่นรุนแรงอย่างยิ่งในลานประลอง กระบี่เมฆาของทังซือหยวนฟันลงบนกำปั้นของจางเหยียน ทิ้งไว้เพียงรอยแผลเส้นเล็กๆ แต่กำปั้นของจางเหยียนมีพลังมหาศาล ทำให้นางกระเด็นออกไปทันที
อันหลินลุ้นระทึก ตะโกนให้กำลังใจเสียงดังลั่น
เซวียนหยวนเฉิงเห็นว่าอันหลินเหมือนจะสนใจทังซือหยวนมากทีเดียว จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ประเดี๋ยวหลังประลองเสร็จ จะให้ข้าแนะนำพวกเจ้าให้รู้จักกันหน่อยไหม”
อันหลินได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเหมือนพี่เฉิงจะเข้าใจอะไรผิดไป จึงโบกมือเป็นพัลวัน “พี่เฉิงอย่าอย่างนี้สิ ข้ามีต้าไป๋ก็พอแล้ว”
ต้าไป๋ที่อยู่ข้างๆ สะดุ้งโหยง แอบถอยห่างออกไปหลายก้าวอย่างเงียบเชียบ
เซวียนหยวนเฉิงก็จ้องอันหลินอย่างตกใจเช่นกัน ราวกับได้รู้จักผู้ชายคนนี้ใหม่อีกครั้ง
อันหลิน “…”
นี่มันเป็นการล้อเล่นไหมเล่า!
ขณะที่กำลังคุยกัน การต่อสู้ของทังซือหยวนกับจางเหยียนก็มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว
“สุนัขเพลิงบงกชสีชาด!” จางเหยียนตะโกนลั่น กำปั้นทั้งสองข้างปล่อยสุนัขเพลิงสีแดงสิบกว่าตัวออกไปในพริบตา กำลังกระโจนใส่ทังซือหยวน
“เมฆาร่อนรำ” ริมฝีปากแดงเรื่อของทังซือหยวนอ้าออกเล็กน้อย ไอน้ำผุดออกจากกระบี่เมฆาดุจภาพลวงตา ทำให้มีหมอกปกคลุมตัวนาง
ซิ่ว!
นางเคลื่อนไหวแล้ว มันรวดเร็วอย่างยิ่ง!
ตูมๆ ๆ!
สุนัขสีเพลิงตัวใหญ่กระโจนใส่นาง กลับถูกนางหลบหลีกด้วยฝีเท้าอันปราดเปรียว เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงรอบตัว
“รู้ผลแล้ว” เซวียนหยวนเฉิงยิ้มบางๆ
ร่างอรชรประหนึ่งไอน้ำหลบการโจมตีทั้งหมดของจางเหยียนได้ มาประชิดตัวเขาในเสี้ยววินาที กระบี่เมฆาสีขาวพุ่งผ่านไป ทิ้งแผลขนาดใหญ่ไว้
ฉัวะ…
เลือดแดงฉานสาดกระจาย จางเหยียนถอยกรูด
แต่เมื่อหมอกสีขาวหายไป กระบี่ของทังซือหยวนก็จ่ออยู่ที่คอของจางเหยียนอีกครั้ง
“ท่านี้สวย!” แม้แต่อันหลินก็อดอุทานออกมาไม่ได้
สำนักเซียนหมื่นชีวิตสมกับเป็นสี่สุดยอดสำนัก อัจฉริยะรุ่นหนุ่มสาวทำได้ดีมากจริงๆ
“ทังซือหยวนชนะ!” ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ตัดสินกล่าว
เพิ่งสิ้นเสียง ทั้งสนามก็มีเสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นมา อันหลินก็ตะโกนไปตามๆ กัน เพราะชัยชนะของทังซือหยวน ทำให้เขาเริ่มมองเห็นความหวังจะชนะแล้ว!
การประลองรอบที่สอง หลูเหรินปะทะข่วงเร่อ
หลูเหรินเป็นชายหนุ่มงามสง่า ให้ความรู้สึกสุขุมลุ่มลึกของนักปราชญ์ มองจากรูปลักษณ์ สามารถพูดได้ว่าคล้ายคลึงกับอันหลิน ถือเป็นรูปหล่อคนหนึ่ง แต่ข่วงเร่อกลับมีสีหน้าเฉื่อยชา เมื่อเห็นหลูเหรินก็ยกสองมือขึ้นเกาหน้า ถลึงตาจนกลมกว้าง ขณะเดียวกันก็มีความฮึกเหิมชอบกล
ดังนั้นแล้ว การขึ้นสังเวียนของหลูเหรินได้รับเสียงตะโกนให้กำลังใจจากศิษย์หญิงทั้งสนามอย่างไร้ข้อกังขา ส่วนข่วงเร่อนั้น…ศิษย์จากยอดเขาสูงเดียวกัน และลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยก็ให้กำลังใจเช่นกัน
หลูเหรินใช้กระบี่ ชั่ววินาทีที่ควงกระบี่ มันแฝงด้วยอารมณ์ของไทเก๊ก และก่อเกิดม่านหมอกสีขาวเฉกเช่นเซวียนหยวนเฉิงปกคลุมทั่วบริเวณ
แต่น่าเสียดายที่พลังยุทธ์ของเขายังลึกล้ำไม่พอ ยังไม่หยั่งรู้ วิชาธาตุแท้แห่งสรรพสิ่ง ด้วยเหตุนี้ม่านหมอกจึงมีขีดจำกัดเป็นอย่างมาก
ตรงกันข้าม ข่วงเร่อใช้ดาบ การจู่โจมรุนแรงไร้เทียมทาน
ลำแสงจากดาบของเขาน่ากลัวยิ่งนัก มิหนำซ้ำยิ่งรบก็ยิ่งคลั่ง พลังค่อยๆ ไต่ขึ้นทีละขั้น…
ฉะนั้นเพียงไม่นาน สถานการณ์ก็กลายเป็นข่วงเร่อจู่โจมอย่างต่อเนื่อง หลูเหรินถูกโจมตีไม่หยุดหย่อน
สุดท้ายหลูเหรินก็ถูกฟันหลายครั้ง นอนแอ้งแม้งยกมือยอมจำนนบนพื้น
ข่วงเร่อเก็บดาบด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ทำท่าเหมือนยังไม่หนำใจ
ด้วยเหตุนี้ ผู้ชมในสนามจึงเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะศิษย์หญิงที่โมโหมากเป็นพิเศษ
“อ๊าก…ข่วงเร่อ ไยเจ้าโหดเหี้ยมปานนี้!”
“ฮือ…พี่หลูเหรินของข้า ข่วงเร่อ เจ้ามันวิปริต!”
“หึ ข่วงเร่อชนะแล้วอย่างไร หลูเหรินยังคงเป็นขวัญใจอันดับสองของข้าอยู่ดี!”
“เสี่ยวชิง วันนี้เจ้าช่างพูดดีเสียจริง สมแล้วที่ข้าตามจีบเจ้ามานานหลายปีเช่นนี้ ข้าเป็นขวัญใจอันดับหนึ่งของเจ้าใช่หรือไม่”
“เปล่าเสียหน่อย ขวัญใจอันดับหนึ่งของข้าคือเซวียนหยวนเฉิงต่างหาก”
“…” ศิษย์ชายคนหนึ่งใจแหลกสลาย
……
กับเสียงจ้อกแจ้กจอแจ ข่วงเร่อเพียงแค่แคะหูเล็กน้อย ก่อนจะก้าวลงจากเวทีประลองอย่างเกียจคร้าน
เมื่อดูการแข่งขันเสร็จ อันหลินก็จมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด
ข่วงเร่อคว้าชัยชนะในการประลองครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย อาจจะมีไพ่ตายที่ยังไม่ได้แสดง กลับกันเมฆาร่อนรำเป็นท่าชี้ขาดที่นางใช้เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้าย ไพ่ตายแบบนี้จะเอาชนะข่วงเร่อได้จริงๆ เหรอ
อดพูดไม่ได้ว่า เสี่ยงมากจริงๆ บวกกับการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ของเซวียนหยวนเฉิง ทำให้อันหลินตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
ต้องทำอะไรสักอย่าง จะนิ่งดูดายไม่ได้!
ยังเหลือเวลาก่อนการแข่งขันชิงชนะเลิศจะเริ่ม ระหว่างนี้เขาทำอะไรได้บ้าง…
คิดออกแล้ว! ตาของอันหลินเป็นประกาย
เขาเอ่ยถามว่า “พี่เฉิง รางวัลของผู้ที่ชนะเลิศในการประลองครั้งนี้คืออะไร”
เซวียนหยวนเฉิงตอบโดยที่ไม่ต้องคิดมากเลย “สิบหกอันดับแรกได้หินวิญญาณเป็นรางวัล ส่วนสี่อันดับแรกจะได้อาวุธวิเศษขั้นต้นจากสำนัก”
อันหลินยิ้ม “หมายความว่า อันดับหนึ่งของการประลองจะได้อาวุธวิเศษขั้นต้นหนึ่งชิ้นและหินวิญญาณเป็นรางวัลใช่ไหม ได้กี่หินวิญญาณหรือ”
เซวียนหยวนเฉิง “ในสี่อันดับแรก อันดับหนึ่งได้สามหมื่นหินวิญญาณ อันดับสองสองหมื่นหินวิญญาณ อีกสองอันดับที่เหลือหนึ่งหมื่นหินวิญญาณ”
“ฮ่าๆ อย่างนี้เองหรือ เช่นนั้นข้าจะไปให้กำลังใจข่วงเร่อสักหน่อย!” อันหลินโบกมือจากไป
เซวียนหยวนเฉิงมองแผ่นหลังของอันหลิน ชะงักเล็กน้อยแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “สหายอันหลิน รสนิยมของเจ้าช่างมีเอกลักษณ์จริงๆ…”