ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 174 ขอข้าโชว์ความเท่สักหน่อย
“สหายอันหลิน เจ้าลงมือก่อนเถอะ”
“ในพื้นที่แห่งนี้ แก่นแท้แห่งกระบี่ของเจ้าจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปร่าง ยามเคลื่อนไหวอย่าลืมผสานความรู้สึก!”
เจียงหย่าหนานกำกระบี่ กล่าวด้วยท่าทีงามสง่า
หากว่าเขาชิงลงมือก่อน อันหลินต้องจบเห่แน่ จึงขอให้อันหลินเป็นฝ่ายลงมือก่อน สะดวกแก่การชี้แนะอีกด้วย
อันหลินพยักหน้าจริงจัง เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ตัดสินใจใช้กระบี่วายุในหกกระบี่เทพสงคราม กระบวนท่านี้เป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา น่าจะไม่ขายหน้ามากนัก
เมื่อคิดได้ดังนั้น กระแสลมสีขาวก็เริ่มห่อหุ้มกระบี่ของเขา
ทันใดนั้น กระแสอากาศของมิติโดยรอบก็ทะลักออกมา
ด้านหลังของเขา มีร่างมายาของชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นมากะทันหัน
มือของชายคนนี้กำผืนฟ้า ม้วนลมและเมฆในโลกหล้า สุดท้ายก่อตัวเป็นกระบี่ ชี้ไปทางเจียงหย่าหนาน
คราแรกเหล่าลูกศิษย์ในลานประลองยุทธ์ไม่ได้สนใจอันหลิน บัดนี้เมื่อเห็นภาพที่อลังการเช่นนี้ ก็พากันเพ่งจุดสนใจไปที่ฝั่งของอันหลินอย่างอดไม่ได้
“จิตแห่งกระบี่นี้ถือว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็เพิ่งเคยชมการประชันจิตแห่งกระบี่เป็นครั้งแรก”
“แต่ดูจากท่าทางแล้ว รู้สึกว่าจะแข็งแกร่งมาก”
“หึ ก็แค่วางมาดเท่านั้นแหละ อย่างไรเสียผลลัพธ์ก็ถูกเทพเจียงจัดการในกระบี่เดียวอยู่ดี”
…
เมื่อเทียบกับผู้ชมที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในลานประลองยุทธ์แล้ว เจียงหย่าหนานกลับเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความตะลึง
เขาเป็นผู้ที่เผชิญหน้ากับแก่นแท้แห่งกระบี่ของอันหลิน จึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์แบบนี้ได้โดยตรง
แรงกดดันที่รวบรวมลมและเมฆในปฐพีไว้ที่กระบี่ ลักษณะอันอหังการประหนึ่งว่าข้าเป็นหนึ่งเดียวในธรณีเช่นนั้น ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เจียงหย่าหนานรู้แล้วว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาต้องเป็นอัจฉริยะแน่แท้
ไม่สิ…เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของชั่วชีวิตนี้!
“ไปเลย!” มิติสั่นระริกเมื่อเจียงหย่าหนานกางแขน จากนั้นก็เริ่มแยกออกเป็นช่องว่างที่ดำทะมึน พลังงานแรกกำเนิดและไอทมิฬที่กลืนกินสรรพสิ่งก็บรรจบที่กระบี่ ทำให้กระบี่ส่องแสงสีดำสว่างไสว ราวกับจะดูดและเขมือบทุกสรรพสิ่ง
“กระบี่เล่มนี้ชื่อว่าอวสาน ขยี้มิติ ตัดกาลเวลาได้!” เจียงหย่าหนานถือกระบี่สีนิล ทำท่าเหมือนจะฟันอันหลิน
อันหลินเห็นดังนั้นกลับถลึงตา
ให้ตายสิ! ไหนบอกว่าให้เราลงมือก่อน ทำไมตอนนี้ยกกระบี่มาจะฟันเราเสียแล้วล่ะ
ใบหน้าของเจียงหย่าหนานขึงขัง ผมขาวพลิ้วไหวปลิวตามแรงลม ท่วงท่าเหนือชั้น แต่กลับคิดในใจว่า ‘พับผ่าสิ หากให้เจ้าลงมือก่อน ข้าก็จบเห่น่ะสิ!’
ด้วยเหตุนี้ เจียงหย่าหนานจึงถือกระบี่อวสานที่สาดแสงดำทมิฬพุ่งตัวไปหาอันหลิน
อันหลินเกิดความคิดบางอย่าง ตอนแรกตั้งใจจะกระโจนใส่เจียงหย่าหนาน คิดไม่ถึงว่าชายที่อยู่ด้านหลังจะพุ่งออกไปก่อน กระบี่สีขาวในมือประดุจแสงอันสูงส่งทำลายล้างไอแรกกำเนิด กลายเป็นสีสันเดียวในสายตาเขา!
ตูม!
การปะทะกันของความคิดระเบิดภายในพื้นที่ของผลึกหิน แผ่กระจายไปรอบทิศทาง
เหล่าลูกศิษย์ราชนิกุลในลานประลองยุทธ์เห็นเพียงสีดำและขาวผสมปนเปบนหน้าจอเท่านั้น ไม่เห็นอย่างอื่นอีก พลังสองลูกกัดทึ้งกันปานเป็นสัตว์คลั่ง
ยามนี้ต่อให้เป็นคนโง่เขลาปานใด ก็เริ่มตระหนักได้แล้วว่า ชายที่ชื่ออันหลินคนนี้ มีจิตแห่งกระบี่ที่เหนือชั้นแน่นอน
แววตาของซูซิ่นเป็นประกาย เขาเคยเห็นการประชันจิตแห่งกระบี่ แต่ภาพแบบนี้เขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก บัดนี้จึงอดอุทานไม่ได้ว่า “สหายอันหลินมีพรสวรรค์ไร้จำกัด หาธรรมดาไม่”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นไม่พูดอะไร แต่ดวงตาคู่งามจ้องภาพที่ปรากฏบนผลึกหินไม่วางตา
แสงสว่างค่อยๆ มลายหายไป เผยให้เห็นร่างของทั้งสองคนบนจออีกครั้ง
ทั้งคู่หมดสภาพอย่างยิ่ง ต่างก็เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ หน้าม่อยคอตก
“คุณพระ เทพเจียงบาดเจ็บหรือ!”
“นี่ไม่ใช่ประเด็น สำคัญที่อันหลินสู้กับเทพเจียงจนถึงขั้นนี้ได้”
“อัจฉริยะกระบี่คนใหม่จะถือกำเนิดแล้วหรือ”
ลูกศิษย์มากมายมองร่างบนผลึกหินอึ้งๆ ประหนึ่งเห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ คราแรกพวกเขาคิดว่าเจียงหย่าหนานจะบดขยี้อันหลินได้อย่างง่ายดาย ดูจากตอนนี้แล้ว ไม่ใช่เช่นนั้นแต่อย่างใด
คนที่ตกใจที่สุดในตอนนี้คือ เจียงหย่าหนานที่ยังคงต่อสู้อยู่
เขาไม่คิดเลยว่าคนแปลกหน้าตรงข้ามที่เลือกส่งๆ มาเป็นตัวอย่างเพื่อการเรียนการสอน จะน่ากลัวถึงเพียงนี้
ไม่ได้การแล้ว สู้ต่อไปไม่ได้แล้ว…
เจียงหย่าหนานยกศีรษะที่โอหังขึ้น มีลมโชยพัดในพื้นที่อีกครั้ง ทำให้ผมขาวสลวยเงางามของเขาปลิวสะบัด
เขามองอันหลินด้วยสายตาอ่อนโยน พูดเสียงนุ่มว่า “ชนะได้เพราะเจ้ายอมอ่อนข้อแท้ๆ!”
“หา” อันหลินงุนงง หมายความว่าอย่างไร จบแล้วเหรอ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอันหลิน เจียงหย่าหนานก็อึดอัดใจ พูดอย่างสบายๆ ต่อว่า
“ข้าคิดว่าเจ้าก็รู้ ต่อสู้เช่นนี้ต่อไปมันไร้ความหมาย”
“เจ้าแพ้แล้ว เพราะเมื่อครู่คงเป็นจิตแห่งกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าแล้วสินะ จำต้องยอมรับว่า เจ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ ข้ายอมรับในตัวเจ้า!”
“แต่ข้ายังมีไม้ตาย ฉะนั้น พอเท่านี้เถอะ…”
ยังมีไม้ตายงั้นเหรอ
อันหลินได้ฟังก็ชะงักอีกครั้ง จากนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “บังเอิญนัก ข้าเองก็มีไม้ตายเช่นกัน มา เรามาสู้กันอีก!”
เจียงหย่าหนานเบิกตากว้าง ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้นมา ‘อะไรนะ…เขายังมีไม้ตายอีกหรือ!’
บังเอิญนักงั้นหรือ บังเอิญกับผีน่ะสิ!
“สหายอันหลิน แพ้ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด ยอมรับอย่างเปิดเผยเถอะ กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง จึงจะเอาชนะตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง เจ้าเป็นคนแรกที่บีบคั้นข้าจนถึงจุดนี้ได้ แพ้อย่างไม่อายใครจริงๆ!” เจียงหย่าหนานยังคงวางมาดโดดเด่นกว่าใครดังเดิม
ทว่าเขากลับคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวในใจว่า ‘ให้ตายสิ ชมเจ้าถึงขนาดนี้แล้ว ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ รีบยอมแพ้เสีย!’
อันหลินพยักหน้าจริงจังอย่างยิ่ง “ขอบคุณที่สหายเจียงหย่าหนานยอมรับในตัวข้า เพียงแต่ว่าโอกาสหายาก ข้ายังมีกระบี่สุดท้ายที่อยากใช้ หากไม่ได้ใช้กระบวนท่านี้ ข้าต้องเสียใจแน่!”
เขาค้นพบแล้วว่า การประชันจิตแห่งกระบี่ที่นี่ ช่วยเพิ่มความชำนาญของเพลงกระบี่ ยิ่งไปกว่านั้น…ไม่ผลาญพลังปราณ!
ในโลกความเป็นจริง เขาถูกจำกัดด้วยปริมาณพลังปราณในกายไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถใช้กระบี่ที่เหลือในหกกระบี่เทพสงครามได้ แต่ทว่า เขาสามารถทำได้ที่นี่!
เขาไม่ได้ใช้ได้เพียงกระบี่วายุในหกกระบี่เทพสงครามได้เท่านั้น แต่…ใช้ได้แม้กระทั่งกระบี่สุดท้าย!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่คว้าโอกาสนี้ ลองใช้มันดูหน่อยเล่า
เจียงหย่าหนานตึงเครียดจนเส้นเลือดปูดโปน ถลึงตามองอันหลิน รู้สึกว่าเลือดอัดอั้นอยู่ในอก
“กระบวนท่าที่หกแห่งหกกระบี่เทพสังหาร กระบี่เทพ!”
นัยน์ตาของอันหลินเปล่งประกาศแวววับ เพียงชั่วพริบตา อานุภาพก็ม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน แสงสีทองสว่างไสว จู่โจมมิติรอบข้างด้วยอิทธิฤทธิ์อันสูงส่ง
ตูม! พลังที่น่าสะพรึงก็ทลายมิติ บดขยี้ทุกสรรพสิ่งในโลกหล้า
ยังไม่ทันได้ปล่อยกระบี่ ร่างของเจียงหย่าหนานกับอันหลินก็ถูกม้วนเข้าไปด้วย…
จอผลึกหินถูกแสงทองบดบังอีกครั้ง ทุกคนในลานประลองต่างก็มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง
แกรกกก เสียงชัดแจ๋วดังมาจากผลึกหิน
ผลึกหินประชันความคิดปริแตกแล้ว…
สติของอันหลินและเจียงหย่าหนานกลับมาอีกครั้ง ทั้งคู่นั่งแอ้งแม้งเหงื่อชุ่มกับพื้น
ด้านนอก เหล่าลูกศิษย์ราชนิกุลต่างก็มองผลึกหินที่แตกร้าว รวมถึงสองคนที่กลับมาด้วยสีหน้าเหม่อลอย ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบอย่างน่าประหลาด
“ท่านพี่รอง การประชันจิตแห่งกระบี่ทำให้ผลึกหินประชันความคิดร้าวได้ด้วยหรือ” นัยน์ตาคู่งามของซูเฉี่ยนอวิ๋นจ้องมองอันหลิน เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
มุมปากของซูซิ่นกระตุก “อย่าถามข้า ข้าไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้เลย…”
เจียงหย่าหนานเห็นว่าสติของอันหลินก็กลับมาแล้วเช่นกันก็โล่งอก จะได้พูดว่าเสมอกันทั้งสองฝ่าย
เขายังคงเป็นเจียงหย่าหนาน เทพกระบี่ไร้เทียมทานที่ไม่เคยลิ้มลองความพ่ายแพ้!
จากนั้นเขาก็พบว่าเหล่าลูกศิษย์ที่กำลังมุงดู ต่างก็จ้องผลึกหินอึ้งๆ ราวกับเห็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างไรอย่างนั้น
เขาเบนสายตามองผลึกหินประชันความคิดด้วยความสงสัย พลันก็หน้ามืด ตกใจจนแทบจะเป็นลมหมดสติ
“ผลึก…ผลึกหินของข้า…”
อาวุธสุดเท่แตกแล้ว…พังแล้ว…
เจียงหย่าหนานเบิกตาจนกลมกว้าง ปากสั่นระริก น้ำตารื้นขอบตา
เขาร้องไห้แล้ว