ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 180 พลังเซียนที่อันหลินคิดค้น
เมื่อคิดไปคิดมา สุดท้ายอันหลินก็ตัดสินใจให้สวรรค์เป็นผู้กำหนดวิชาเฉพาะ
เขาหยิบลูกเต๋าออกมา หนึ่งแต้มเลือกวิชาปรุงยา สองแต้มเลือกหลอมศาสตรา สามแต้มเลือกค่ายกล สี่แต้มเลือกทักษะการใช้อาวุธ ห้าแต้มเลือกพลังเซียน หกแต้มเลือกพลังจิต
โยนลูกเต๋าขึ้นฟ้า หล่นลงมา กลิ้งหลุนๆ ไป สุดท้ายห้าแต้มก็หงายขึ้น
อืม…ลิขิตฟ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็เลือกวิชาพลังเซียนแล้วกัน!
ที่บังเอิญคือ สวีเสี่ยวหลานก็เลือกวิชาพลังเซียนเช่นกัน
แต่นางเล่นไฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลือกวิชาพลังเซียนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นักเรียนหนึ่งร้อยชีวิตของห้อง มียี่สิบหกคนที่เลือกเรียนวิชาพลังเซียน
ท่าทางวิชานี้จะค่อนข้างเป็นที่นิยมอยู่เหมือนกัน และอาจารย์ผู้ที่รับผิดชอบสอนพวกเขา ยังคงเป็นเซียนพสุธาชางชิงผู้มีผมขาวโพลนเช่นเดิม
นึกถึงตอนนั้น ยานอนหลับยี่ห้อชางชิงทำให้อันหลินทุกข์ทรมานน่าดู
ตอนนี้เขาเป็นปลาเค็มที่ลืมตาอ้าปากได้แล้ว พลิกสถานการณ์อย่างแข็งแกร่ง เล่าเรียนอย่างออกรสออกชาติได้เฉกเช่นเพื่อนร่วมชั้น และสามารถหัวเราะพร้อมกันทุกคนได้ยามยกตัวอย่างมุกตลก
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความพยายามของเลือดและน้ำตา ความขมขื่นมีเพียงอันหลินผู้ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์เท่านั้นที่รู้ซึ้ง
บนเนินเขากว้างขวางแห่งหนึ่ง ที่นี่กลายเป็นสถานที่ถ่ายทอดวิชาพลังเซียน
นักเรียนมากมายนั่งล้อมวงกัน เซียนพสุธาชางชิงยืนอยู่ตรงกลาง อธิบายทฤษฎีพลังเซียนอย่างอิ่มเอมใจ
“พลังเซียนขั้นต่ำมีเพียงรูปร่าง พลังเซียนขั้นสูงมีทั้งรูปร่างและความคิด ความคิดที่ว่านี้ ก็คือจิต หลอมรวมจิตเข้ากับพลังเซียน จะทำให้พลังเซียนมีชีวิตและความเจริญเติบโต…”
อันหลินฟังคำพูดของเซียนพสุธาชางชิง เริ่มการฝึกซ้อมเชิงปฏิบัติของเขา
หากให้เขาคิดค้นพลังเซียนที่ยิ่งใหญ่ ยังขาดประสบการณ์อีกมาก แต่ถ้าปรับปรุงพลังเซียนละก็ ยังพอจะลองดูได้
พลังเซียนที่เขาค่อนข้างคุ้นเคยในตอนนี้คือหมัดสะเทือนขุนเขากับคาถาเรียกสายฟ้า ส่วนหกกระบี่เทพสงครามนั้น มันค่อนข้างสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ซ้ำยังแฝงด้วยแก่นแท้ ไม่ต้องคิดจะปรับปรุงแล้ว
หรือจะผสานคาถาเรียกสายฟ้าเข้ากับหมัดสะเทือนขุนเขา ให้เป็นหมัดสะเทือนขุนเขาอัสนี
นัยน์ตาของอันหลินทอประกายวาบ พูดแล้วลงมือทันที
หลังชางชิงบรรยายเสร็จสิ้นแล้ว ก็ถึงเวลาปฏิบัติอย่างอิสระ
เขาเลือกที่โล่งแห่งหนึ่ง เริ่มปรับปรุงพลังเซียนตามวิธีที่อาจารย์สอน
หมัดสะเทือนขุนเขาเป็นพลังเซียนเทพสงครามขั้นต้น เพราะผสานกับพลังแห่งธรณินของพลังบงกชพสุธา อานุภาพจึงเพิ่มทะยาน กระตุ้นได้ในพริบตา
ส่วนคาถาเรียกสายฟ้าเป็นพลังเซียนชนิดหนึ่งที่ประกอบจากมรรควิถีและพลังอัสนี ชักนำสายฟ้าในมิติ ต้องการระยะเวลาในการสั่งสมพลังงานราวๆ สิบวินาที
เท่ากับว่า การปล่อยหมดสะเทือนขุนเขาหนึ่งครั้ง ต้องใช้เวลาระดมพลังอย่างน้อยสิบวินาที
“อืม…ลองพลังทำลายล้างก่อนแล้วกัน”
ปลายนิ้วซ้ายของอันหลินมีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ มือขวากำหมัดแน่น แสงสีทองปกคลุมเหนือกำปั้น กระจายคลื่นอันแข็งแกร่ง
จากนั้นก็ชักนำสายฟ้ามายังกำปั้น
ขั้นตอนนี้ต้องควบคุมสัดส่วนของพลังงานให้ดี มิเช่นนั้นจะระเบิดเพราะการสูญเสียการควบคุมของพลังงานได้
เปรี๊ยะๆ…กระแสไฟสีน้ำเงินกลางอากาศส่งเสียง ค่อยๆ อิงอาศัยบนกำปั้นเขา
เขารู้สึกถึงการปะทะและการผสานของพลังงานที่แตกต่างกันทั้งสองชนิด ในใจตื่นเต้นยิ่งนัก หลังสายฟ้าหลอมรวมกับพลังแห่งธรณิณของหมัดสะเทือนขุนเขาแล้ว กลายเป็นกระแสไฟสีทอง
“เท่…เท่จังเลย!”
อันหลินหายใจถี่กระชั้น เขาตะลึงกับความเท่ของกระแสไฟสีทองบนหมัดของตัวเอง
เมื่อดูดซึมอัสนีสวรรค์ของคาถาเรียกสายฟ้าแล้ว อานุภาพที่แฝงในกำปั้นของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างมหันต์ และพลังงานก็บรรลุถึงขั้นจวนจะระเบิดแล้วเช่นกัน ได้เวลาปล่อยออกไปแล้ว
“หมัดสะเทือนขุนเขาอัสนี!”
อันหลินตะโกนลั่นพร้อมกับปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
พลังงานที่น่ากลัวปะทุออกอย่างสิ้นเชิง กระแสไฟและแสงทองระเบิดปนเปกัน ม้วนตัวเขมือบไปรอบทิศ
บาเรียกระแสไฟสีทองอันน่าสะพรึงแผ่กระจายปานลูกบอล ระเบิดทุกสรรพสิ่งภายในรัศมีห้าจั้งจนดำเกรียมและแหลกละเอียด
อันหลินที่เป็นหนังหน้าไฟถูกแรงมหาศาลของระเบิดกระแทกจนตัวลอยกระอักเลือด กล้ามเนื้อแขนขวาแดงฉาน ประหนึ่งจะปริแตกอย่างไรอย่างนั้น
“อ๊าก…เจ็บๆ ๆ…”
เขาล้มกระแทกพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆ แหกปากร้องคร่ำครวญ
“อันหลิน พลังเซียนของเจ้าสุดยอดไปเลย หากศัตรูระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณถูกเจ้าโจมตีเข้าอย่างจัง ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีแน่!” สวีเสี่ยวหลานมาเพราะได้ยินเสียง มองอันหลินที่กลิ้งไปตามพื้น พูดพร้อมกับยิ้มตาหยี
“สมกับเป็นพี่อัน คิดค้นพลังเซียนที่น่ากลัวเช่นนี้อีกแล้ว!” ลั่วจื่อผิงก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาเช่นกัน พูดด้วยสีหน้าตะลึง
มุมปากของอันหลินกระตุก ไม่ตอบอะไร แต่ลุกขึ้นมานั่งด้วยตัวเอง จ้องมองมือที่เริ่มปริแตกของตัวเองอย่างนึกพรั่นใจ
ตนคิดค้นกระบวนท่าที่ทำลายศัตรูหนึ่งพันครั้ง ทำร้ายตัวเองแปดร้อยหนหรือไง
ไม่สิ…หากว่าใช้ครั้งเดียว ต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง เขาไม่มีทางยอมรับว่านี่เป็นพลังเซียนเด็ดขาด!
น่าจะยังมีจุดที่ยังแก้ไขได้ หากพูดถึงการผสานพลังงาน เขาคิดว่าประสานกันได้ดีมากแล้ว อานุภาพของพลังเซียนก็ยกระดับขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าจะให้บอกว่าขาดอะไร คงเหลือเพียงจิตแล้ว
จิต?
ใช่แล้ว สามารถเพิ่มจิตที่จะทำให้มันเสถียรยิ่งกว่าเดิมลงในพลังเซียนได้!
ดวงตาของอันหลินเป็นประกายแวววาว เริ่มครุ่นคิดทันใดว่าควรจะผสานจิตอย่างไร พลังเซียนจึงจะมีเสถียรภาพ
จิตที่สามารถผสานหมัดสะเทือนขุนเขาที่แฝงด้วยพลังแห่งธรณิณและคาถาเรียกสายฟ้าอันแฝงด้วยพลังแห่งอัสนีได้อย่างลงตัว…
ไม่รู้เพราะเหตุใด เขานึกถึงอนธการดั้งเดิมของราชินีอ้านเย่
เขาในตอนนั้นอยู่ในสภาวะวิเศษที่เข้าใจทุกอย่างถ่องแท้ เผชิญหน้ากับกระบวนท่าที่แก่กล้าที่สุดของราชินีอ้านเย่ เรียกได้ว่าอ่านโครงสร้างจิตของกระบวนท่าได้อย่างทะลุปรุโปร่งในปราดเดียว
อนธการดั้งเดิมเป็นพลังเซียนที่ทำให้สรรพสิ่งดับสูญ ขณะเดียวกันก็ปรานีสรรพสิ่งด้วย ผสานลักษณะพิเศษอย่างทำลายล้างและประนีประนอมสรรพสิ่งไว้ด้วยกัน ไม่แน่ว่าขณะที่ทำให้หมัดสะเทือนขุนเขาอัสนีเสถียร อานุภาพก็อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างเท่าทวีด้วย!
“พวกเจ้าอยู่ให้ห่างจากข้าหน่อย ข้าจะทดลองอีกครั้ง” อันหลินพูดอย่างวิตกกังวล
ลั่วจื่อผิงออกอาการตื่นเต้น “พี่อันจะคิดค้นพลังเซียนอีกแล้วหรือ จะได้เห็นประจักษ์แก่ตาพอดีเลย!”
สวีเสี่ยวหลานได้ยินก็ถอยหลังหลายก้าวอย่างเป็นกังวล ไม่พูดอะไร
ความจริงแล้วการผสานพลังเซียนสองอย่าง จากนั้นหลอมรวมจิตใหม่ มันเหนือขอบเขตของการปรับปรุงพลังเซียนแล้ว บางทีอาจเป็นดั่งที่ลั่วจื่อผิงพูดจริง นี่เป็นการทดลองของการคิดค้นพลังเซียนแล้ว!
มือซ้ายของอันหลินเรียกสายฟ้า กำปั้นมือขวาระเบิดแสงสีทองอีกครั้ง เมื่อกระแสไฟปกคลุมกำปั้นแล้ว เกิดการแปรสภาพอีกครั้ง พลังงานก็เริ่มบรรลุจุดระเบิดเช่นเดียวกัน
ดวงตาคู่นั้นของเขาเพ่งพิศ ได้เวลาผสานจิตแล้ว!
ภาพที่ทำให้ท้องนภากลายเป็นความมืดมนอันไร้ที่สิ้นสุด คล้อยลงมายังปฐพีฉายวาบในสมอง แก่นแท้ของกระบวนท่าเริ่มรวมเป็นหนึ่งกับหมัด
กระแสไฟสีทองอันบ้าระห่ำเจือสีดำเสี้ยวหนึ่งค่อยๆ สงบลง แต่อานุภาพที่แฝงอยู่กลับยิ่งชวนให้หยุดหายใจ ถึงขั้นว่าตัวอันหลินเองก็รู้สึกเย็นเยือกไปทั้งกายและใจ รู้สึกเหมือนสิ่งที่กำปั้นตัวเองกำไว้ เป็นระเบิดเวลาหนึ่งลูก!
ไม่ได้การ…ต้องปล่อยออกไปแล้ว!
หมัดสะเทือนขุนเขาอัสนี!
ขณะที่เขาคิดจะปล่อยหมัดออกไป พลันอากาศรอบข้างก็เริ่มหยุดนิ่ง กระแสไฟและแสงทองเริ่มรวมตัว
อันหลินเบิกตากว้าง ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบปล่อยหมัดออกไปทันที
ต้องทันแน่ๆ!
หมัดสีทองที่ห้อมล้อมด้วยกระแสไฟสีทองพุ่งทะลักออกไป กระแสสีดำไหลไปไหลมาภายในหมัด เจือปนด้วยพลังสองชนิดที่ขัดแย้งกันอย่างดับสูญและคลุ้มคลั่ง พัวพันกำปั้นประหนึ่งเส้นด้าย ทำให้มันหดเล็กลงอย่างน่าประหลาด…
ฟ้าดินเงียบสงัดลงทันใด
ตูม!
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
พลังงานระเบิดห่างจากอันหลินสามเซี๊ยะ!
แผ่นดินสั่นไหว แสงทองสะเทือนจนผิวดินแหลกละเอียด กระแสไฟเจือกลิ่นอายของความดับสูญม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศ บดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่สัมผัส
เซียนพสุธาชางชิงกับเหล่านักเรียนที่อยู่ไม่ไกล ต่างก็ทอดมองบริเวณหนึ่งของเนินเขาด้วยความตะลึงพรึงเพริด
เห็นเพียงเมฆรูปเห็ดกระแสไฟขนาดเล็กพุ่งขึ้นจากผิวดิน คลื่นกระแทกอันรุนแรงกระจายตัวไปรอบทิศทางพร้อมกับฝุ่นควัน
ทางด้านต้นเหตุอย่างอันหลิน ร่างของเขาถูกเมฆรูปเห็ดท่วมท้นไปนานแล้ว..