ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 187 มีน้องสี่เพิ่มมา
เหตุการณ์เงียบผิดปกติ บรรยากาศชอบกลอย่างยิ่ง
อันหลินกับต้าไป๋กระอักกระอ่วนยิ่งนัก รูปถ่ายที่เหมือนกันอย่างกับแกะเด่นหราอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเขาจะพูดอะไรได้อีก
‘ต้าไป๋ ทำอย่างไรดี’ อันหลินส่งกระแสจิตถามอย่างร้อนรน
‘พี่อัน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน’ ขณะที่พูด ต้าไป๋ก็แสดงสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
มันกวาดสายตามองรอบๆ อย่างน่าสงสาร ส่งกระแสจิตต่อว่า ‘แต่ตอนนี้ข้าไม่มีอันตรายอะไร คนที่ควรกังวลน่ะเจ้าต่างหาก เจ้าเคยเห็นจอมยุทธ์ผดุงความยุติธรรมคนไหน สังหาร ‘ม้า’ ในยามกำจัดปีศาจราคะขี่ม้าบ้างเล่า’
อันหลินอ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อดุจตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง
ต้าไป๋พูดได้มีเหตุผลเหลือเกิน ไม่อาจโต้เถียงได้เลย…
นั่นก็หมายความว่า…คนที่อันตรายที่สุดในตอนนี้คือเขา!
“ใช่ไหม เจ้าคืออันหลินใช่ไหม!” ออกัสชี้รูปถ่ายพลางจ้องอันหลิน แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่ความหมายแฝงที่บ่งบอกถึงความมั่นใจกลับปรากฏให้เห็นทนโท่อยู่ตรงนี้
อันหลินกวาดตามองเหล่าทูตสวรรค์ที่มีกลิ่นอายยิ่งใหญ่ ยิ้มอย่างใจดีสู้เสือ “ใช่ ข้านี่แหละอันหลิน อันที่จริง ข้าทำเช่นนี้ก็มีความลำบากเหมือนกัน…”
เขายังคิดจะสรรหาถ้อยคำมาช่วยเหลือตัวเอง คิดไม่ถึงว่าออกัสจะพุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
อันหลินเห็นดังนั้นก็สะดุ้งอีกครั้ง
ให้ตายสิ ยังอธิบายไม่เสร็จก็จะอัดเราแล้วเหรอ!
กำลังจะพูดว่า ‘อย่าตีข้า!’ สองมือของเขาก็ถูกออกัสกุมไว้แน่น
“ดีเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเช่นนี้ พวกเรากำลังจะไปหาเจ้าอยู่พอดี!” ออกัสพูดอย่างตื่นเต้น
“เอ่อ” อันหลินกะพริบตาปริบๆ อย่างตั้งตัวไม่ทัน
เขาสอดส่ายสายตามองไปทั่ว กลับพบว่าสีหน้าของชาวปีกปัณฑูรรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปแล้ว กลายเป็นอ่อนโยน บางคนถึงขั้นว่าส่งยิ้มให้เขาด้วยซ้ำ
มันเรื่องอะไรกัน
“อืม บังเอิญนัก จะว่าไปเจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ”
อันหลินพยายามทำให้ตัวเองนิ่งเฉย ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่
รีบเปลี่ยนประเด็นนั่นแหละถูกแล้ว ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้น!
ออกัสโค้งคำนับอันหลินอย่างพินอบพิเทา “ข้าชื่อออกัสจากเผ่าพันธุ์ปีกปัณฑูร ได้ทราบจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องว่า สหายอันหลินเป็นผู้กำจัดราชินีอ้านเย่แห่งเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬ พวกเราจึงเดินทางมาขอบคุณเจ้าโดยเฉพาะ”
ราชินีอ้านเย่หรือ
อันหลินได้ฟังก็สงบสติอารมณ์ ในใจพอรู้เรื่องคร่าวๆ แล้ว เอ่ยปากว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ตอนนั้นข้ากับนางเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว”
ออกัสยิ้มละมุน “เผ่าพันธุ์ปีกทมิฬกับพวกเราชาวปีกปัณฑูรเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอยู่แล้ว สหายอันหลินทำให้หนึ่งในสิบสองราชาแห่งเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬอย่างราชินีอ้านเย่ตาย สำหรับชาวปีกปัณฑูรนั้น เป็นการช่วยพวกเรากำจัดศัตรูตัวฉกาจทางอ้อม ฉะนั้นจำเป็นต้องขอบคุณ ของตอบแทนก็จำเป็นเช่นกัน หวังว่าสหายอันหลินจะไม่ปฏิเสธ”
ใจของอันหลินกระตุกวูบ มีของตอบแทนด้วยเหรอ
งั้น…ไม่รับต้องเสียน้ำใจแน่นอน!
เขาแสดงสีหน้าลำบากใจ “ออกัส เจ้าเกรงใจกันเกินไปแล้ว…”
“เชอรีล!” ออกัสเรียกขาน
หญิงงามคนหนึ่งมาตามคำเรียก
รูปร่างที่มีทรวดทรงองค์เอวของนางบวกกับใบหน้าทูตสวรรค์ ทำให้อันหลินกับต้าไป๋ตาลุกวาว
เมื่อเชอรีลเห็นอันหลินก็ตาเป็นประกายเช่นกัน จดจ้องเขาไม่วางตา “ระดับความหน้าตาดีเจ็ดคะแนน ความสามารถคะแนนเต็ม เสน่ห์ของวีรบุรุษคะแนนเต็มคูณสอง!”
“หา” อันหลินยืนอึ้งกับที่ทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเชอรีล
ออกัสตีหน้าเข้ม พูดเสียงเกรี้ยวว่า “เชอรีล อย่าลืมธุระสำคัญ!”
“อ้อ!”
เชอรีลได้ยินก็ได้สติ หยิบไข่ยักษ์สีน้ำเงินที่มีขนาดสูงเกือบครึ่งเอวคนออกมาจากแหวนมิติ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไข่ใบนี้มีชื่อว่าไข่มังกรเปลวไฟน้ำแข็ง เป็นไข่ที่มาจากเผ่าพันธุ์มังกรชั้นสูงของชาวเรา เมื่อฟักตัวแล้วจะได้มังกรภูตเพศผู้ เป็นสัตว์เลี้ยงธรรมชาติ”
อันหลินได้ยินก็ตื่นเต้นจนหัวใจจะหลุดออกมาแล้ว มังกรภูตชั้นสูงเชียวนะ…
แค่ไข่มังกรก็มีมูลค่าน่าตะลึงแล้ว งั้นมูลค่าของไข่มังกรชั้นสูงเกรงว่าคงประมาณค่าไม่ได้!
“มา สหายอันหลิน นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเผ่าพันธุ์เรา มอบให้เจ้า!” เชอรีลยื่นไข่มังกรให้อันหลินยิ้มๆ
อันหลินรับไข่มังกรด้วยความลิงโลดอย่างยิ่ง เอ่ยถามว่า “ขอบคุณมาก ไข่ใบนี้ควรจะฟักอย่างไรหรือ”
เชอรีลยิ้มตาหยี “เจ้าเพียงวางมันไว้ใต้แสงอาทิตย์ทุกวัน หลั่งเลือดหนึ่งหยดบนไข่ให้มันดูดซึมทุกวัน เมื่อไข่มังกรฟักตัว มันก็จะรู้เจ้าของด้วยตัวเอง!”
อันหลินพยักหน้ารัวๆ เมื่อได้ฟัง กอดไข่มังกรไว้อย่างระแวดระวัง เกรงว่าจะได้รับการกระทบกระเทือน
หากถามว่าทำไมเขาไม่เก็บไข่เข้าไปในแหวนมิติ เพราะเขาอยากอุ้มให้นานหน่อย!
สุดท้ายพูดคุยกับพวกออกัสเพียงไม่กี่ประโยค ก็โบกมืออำลา
พวกออกัสเที่ยวชมรั้วสำนักต่อหลังจากที่มอบของขวัญให้อันหลินเสร็จแล้ว
ส่วนอันหลินนั้นขี่ต้าไป๋ตรงกลับที่พักด้วยความระริกระรี้
บนท้องนภา ต้าไป๋อุทานขึ้นมาอีกครั้งว่า “วันนี้พวกเราช่างโชคดีเสียจริง ได้ทำเรื่องอย่างว่า แถมยังได้ไข่เพิ่มมาอีกใบ!”
อันหลินลูบไข่มังกรอย่างสุขล้น พูดอย่างอวดดีว่า “เรื่องนี้ต้องยกให้ความฉลาดมีไหวพริบของพี่อันคนนี้!”
ภายในอาคารเล็กๆ แห่งหนึ่งของเขตปีกปัณฑูร
เสี่ยวหง ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์รวมตัวกัน เพ่งพินิจไข่มังกรภูตใบนี้อย่างถี่ถ้วน
“โอ้โห หากว่าไข่ใบนี้ฟักตัว ขนาดตัวต้องใหญ่กว่าข้าแน่!” เสี่ยวหงโยกหัวสีแดงฉานของมันไปมา พูดด้วยเสียงหวานหยดย้อย
อันหลินปรายตามองเสี่ยวหงอย่างเอือมระอาเล็กน้อย “นี่มันเหลวไหลไม่ใช่หรือ ขนาดอย่างเจ้า แม้แต่อสุจิของไข่มังกรยังใหญ่กว่าเจ้าด้วยซ้ำ!”
“พวกเราจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่แล้ว ตั้งชื่อน้องสี่ว่าอะไรดีเล่า โฮ่ง!” ต้าไป๋ตื่นเต้นดีใจ
ดวงตาดุจโคมไฟของเจ้าอัปลักษณ์ลุกวาวเมื่อได้ยิน แต่จุดสนใจของมันกลับอยู่ที่เรื่องนี้ “ข้าจะได้เป็นพี่ชายแล้ว ข้ามีน้องชายแล้ว!”
อันหลินกระแอมไอ “เรื่องตั้งชื่อเนี่ย ข้ามีความคิดบางอย่าง”
เสี่ยวหงได้ฟังก็กุมหน้า เจ้าอัปลักษณ์ทำหน้าคาดหวัง ต้าไป๋เกาหัว
“ในเมื่อไข่ของมันเป็นสีน้ำเงิน เช่นนั้นเราก็เรียกมันว่าเสี่ยวหลานก็แล้วกัน!”
เสี่ยวหง “…”
เจ้าอัปลักษณ์ “…”
ต้าไป๋ “…”
ในฐานะของพี่ใหญ่อย่างเสี่ยวหง เพื่อผลประโยชน์ของน้องสี่ มันจึงลุกขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว
มันไม่ใช่เสี่ยวหงที่อ่อนแอน่ารังแกเช่นตอนแรกแล้ว มันจะให้โศกนาฎกรรมเกิดขึ้นกับน้องสี่ไม่ได้!
เสี่ยวหงหัวเราะเยาะอันหลิน “หึๆ นายท่าน ท่านตั้งชื่อตามสีอีกแล้วหรือ ขนของเจ้าอัปลักษณ์เป็นสีเหลือง ท่านก็เรียกเจ้าอัปลักษณ์ว่าเสี่ยวหวงไปเลยเถอะ เช่นนั้นทั้งเสี่ยวหง เสี่ยวหวง เสี่ยวหลาน ต้าไป๋ก็ล้วนเป็นชื่อที่มาจากสีทั้งหมดแล้ว ไพเราะนัก!”
มันพูดเช่นนี้ เจตนาเหน็บแนมในคำพูดชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่พอใจกับรสนิยมกันพิลึกของอันหลิน!
ใครจะรู้ว่าเมื่ออันหลินได้ฟัง นัยน์ตากลับเป็นประกายวาบ “เอ๊ะ เป็นความคิดที่ดี…ไยข้าถึงคิดไม่ถึงนะ! เจ้าอัปลักษณ์ ต่อไปเจ้าเปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยวหวงก็แล้วกัน!”
เขาชี้เจ้าอัปลักษณ์และพูดอย่างตื่นเต้น
อันหลินตื่นรู้แล้ว สัตว์เลี้ยงในวันหน้าตั้งชื่อด้วยสีนี่แหละ แดง ส้ม เหลือง เขียว คราม น้ำเงิน ม่วง สัตว์เลี้ยงเจ็ดสี เป็นเจ็ดกุมารน้ำเต้าพอดี!
เจ้าอัปลักษณ์หน้ามืดเมื่อได้ยิน ต้าไป๋ถอยกรูด ส่วนเสี่ยวหงกลับทำหน้าสิ้นหวัง ห่อเหี่ยวราวกับไม่ได้สังเคราะห์แสงหนึ่งวันเต็ม
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงเวลากลางวันโดยไม่รู้ตัว
สมาชิกของเผ่าพันธุ์ปีกปัณฑูรคนหนึ่งตั้งใจมาถึงที่พักของอันหลิน เพื่อเชิญอันหลินไปร่วมทานมื้อเที่ยงกับพวกเขาโดยเฉพาะ
อันหลินคิดว่ารับไข่มังกรมาแล้ว หากไม่ไปคงไม่ดี
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย จึงวางไข่มังกรภูตให้ตากแดดริมหน้าต่าง จากนั้นก็พาเสี่ยวหง เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ไปร่วมทานมื้อเที่ยง
ไปร่วมงานแบบนี้ คนเยอะจึงจะทรงพลัง ไม่มีคนจะทำอย่างไร งั้นก็ใช้สัตว์แทนแล้วกัน!
ด้วยเหตุนี้ หนึ่งคนหนึ่งดอกไม้กับสัตว์อีกสองตัวก็รีบมุ่งหน้าไปยังงานเลี้ยงอย่างฉับไว
เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ
หญิงชุดเขียวน่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่งกับชายชุดดำสุขุมนุ่มลึกคนหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าบ้านพักอันหลิน
“ศิษย์พี่อันหลินพักผ่อนมาทั้งวันแล้ว มาวันนี้ คงจะไม่รบกวนเขาหรอกนะ…” เหยาหมิงซีพูดอย่างกระวนกระวายใจ
“ท่านพี่! ท่านกระบิดกระบวนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด รักก็ตะโกนออกมาดังๆ!”
“กว่าเขาจะออกจากห้องกักบริเวณไม่ง่ายเลย พวกเราต้องมอบความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้เขา!” เหยาซิ่วพูดพลางยิ้มแย้ม
“อืม…” เหยาหมิงซีหน้าแดงเรื่อ เคาะประตูอย่างกังวลใจ
เคาะประตูนานแล้ว เหยาหมิงซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “มีใครอยู่ไหม”
แต่ดวงตาของเหยาซิ่วกลับเป็นประกาย “ท่านพี่ ดูนั่นสิ มีไข่อยู่ใบหนึ่ง!”
“อืม ไข่ใบนี้ดูไม่เลวเลย แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา”
“ท่านพี่ หรือนี่จะเป็นมื้อค่ำในวันนี้ของศิษย์พี่อันหลิน!”
“มีความเป็นไปได้สูง เพราะเทพอันเพิ่งกลับมา จู่ๆ ก็มีไข่ใบหนึ่งโผล่มากะทันหัน ไข่ใบนี้น่าจะใช้มาบำรุงร่างกายหลังจากบาดเจ็บจากการสู้กับหงโต้วกระมัง”
“ฮ่าๆ ๆ ฝีมือการทำอาหารของข้าดียิ่งนัก ท่านพี่ เรามาเซอร์ไพรส์ศิษย์พี่อันหลินอีกครั้งกันเถอะ!”
“อืม…ดี! เช่นนั้นก็ฝากซิ่วเอ๋อร์ด้วยนะ!”