ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 188 น้องสี่ยังอยู่ดีไหม
ภายในเรือสำเภาเก่าคร่ำครึและยิ่งใหญ่ อาหารหรูหราถูกยกขึ้นมาจานแล้วจานเล่า
อาหารของชาวปีกปัณฑูรล้วนเป็นวัตถุดิบที่ให้พลังงานสูง อาหารทุกจานเป็นเม็ดยาบำรุงอย่างสมบูรณ์แบบ
พวกอันหลินกินไปไม่น้อย ไม่นานก็รู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่ม ขณะเดียวกันความล้นเหลือก็แผ่ซ่านไปทั่ว
“มา เชอรีล ข้าขอดื่มให้เจ้าหนึ่งจอก ขอบคุณไข่มังกรภูตเปลวไฟน้ำแข็งของเจ้า!” อันหลินชูจอกขึ้น พูดด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
เชอรีลยิ้มบางๆ ชูจอกขึ้นร่วมดื่มกับอันหลิน
นัยน์ตางดงามของนางวนเวียนไปตามร่างกายของอันหลินไม่หยุด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่บ้าง
ออกัสเดินเข้ามา กระซิบเตือนว่า “เชอรีล เก็บความบ้าผู้ชายของเจ้าไป พรุ่งนี้ต้องไปร่วมงานแลกเปลี่ยนมรรคเทศนา!”
“รู้แล้วหน่า…เจ้าน่ารำคาญจริง…” เชอรีลเบาะปากนุ่มชุ่มชื้นเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า “อย่างไรเสียก็สู้สหายอันหลินไม่ได้ เจ้าตึงเครียดขนาดนั้นแล้วมีประโยชน์อะไร”
ออกัส “…”
มื้อเที่ยงมื้อนี้ อันหลินกับพวกต้าไป๋ก็สนุกสนานมากทีเดียว
หลังกินอิ่มหนำสำราญ ก็จวนจะพลบค่ำแล้ว
จากนั้นอันหลินก็ออกจากเรือสำเภา จูงต้าไป๋เดินทอดน่องไปตามถนนของรั้วสำนัก
“พี่อัน เจ้าว่าพอน้องสี่ออกมา จะส่งไปฝึกที่สำนักสัตว์เทพของข้าสักระยะไหม” จู่ๆ ต้าไป๋ก็โพล่งขึ้นมา
อันหลินชะงักไปเมื่อได้ฟัง เขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลย
มังกรภูตเปลวไฟน้ำแข็งเพิ่งถือกำเนิด แม้จะยอมรับว่าเขาเป็นเจ้านาย แต่จะทำให้มันเติบโตอย่างราบรื่นได้อย่างไรนั้น อันหลินยังสับสนมึนงง
“อืม…ให้มันเรียนอนุบาลได้” อันหลินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“โฮ่ง! ข้าจะแนะนำอาจารย์ให้น้องสี่เอง!” ต้าไป๋พูดไปก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว เขานึกภาพที่น้องสี่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรงภายใต้การดูแลของมัน
“อืม ในเมื่อน้องสี่เป็นมังกรภูตเปลวไฟน้ำแข็ง ธาตุน่าจะเกี่ยวข้องกับไฟ ข้ารู้เรื่องเพลิงไม่น้อยเช่นกัน บางทีอาจจะให้ความรู้ด้านไฟกับมันได้” จิตวิญญาณแห่งความเป็นครูของเจ้าอัปลักษณ์ลุกโชนแล้ว มันวาดฝันถึงอนาคตที่ทรงพลังของน้องสี่ภายใต้การสอนสั่งของมัน
เสี่ยวหงเองก็พูดเสียงหวานว่า “เช่นนั้นข้าทำหน้าที่สอนให้น้องสี่สังเคราะห์แสงก็แล้วกัน!” มันนึกถึงรูปร่างท่าทางของน้องสี่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แสงอาทิตย์แล้ว
อันหลิน “…”
“พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ยังเร็วไป เหลือเวลาอีกตั้งมากกว่าน้องสี่จะฟักตัว พวกเรากลับไปดูน้องสี่กันก่อนเถอะ!” อันหลินคิดว่าเดินเล่นนาน ได้เวลากลับแล้ว
พวกต้าไป๋ก็พยักหน้ารัวๆ ความรักความห่วงใยของเหล่าพี่สาวและพี่ชายเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
พวกเขาจึงเดินมาถึงหน้าที่พักด้วยประการละฉะนี้
“เอ๊ะ ช่างเป็นกลิ่นที่หอมเหลือเกิน!”
ต้าไป๋สูดจมูกฟุดฟิด น้ำลายจะไหลออกมาแล้ว
“ทำไมรู้สึกเหมือนลอยออกมาจากที่พักของข้าเลยล่ะ” อันหลินกะพริบตาอย่างแปลกใจ
ดวงตาดุจโคมไฟของเจ้าอัปลักษณ์สว่างวาบ พูดด้วยอากัปกิริยาที่มองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่งว่า “พี่อัน แฟนคลับตัวยงของเจ้ากำลังเตรียมมื้อค่ำอันหรูหราให้เจ้าอยู่ข้างในแน่ๆ เลย”
อันหลินได้สติ มีความเป็นไปได้ว่าเหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้เขา
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “พวกเขาช่างตั้งใจดีจริงๆ”
แฟนคลับสร้างเรื่องอบอุ่นใจเช่นนี้บ้างเป็นครั้งคราว เขารู้สึกเบิกบานใจไม่น้อยเลย
ขณะนั้นเอง เสี่ยวหงก็ยื่นศีรษะแดงฉูดฉาดของมันออกมา พูดอย่างฉงนใจว่า “เอ๊ะ น้องสี่ล่ะ”
คำพูดของเสี่ยวหงทำให้ทุกคนได้สติ พากันเบนสายตามองริมหน้าต่างอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตรงนั้นว่างเปล่า
เอ๊ะ
น้องสี่ล่ะ…
อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
ถึงขั้นว่าแม้แต่หายใจก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
ต้าไป๋เดินไปหน้าประตู เผลอสูดหายใจหนึ่งหน พูดเสียงเบาหวิวว่า “เหมือนจะเป็นกลิ่นไข่…”
สองมือที่กำด้ามจับประตูของอันหลินชะงัก เนื้อตัวเริ่มสั่นระริกขึ้นมา
ประตูเปิดออก
กลิ่นหอมกรุ่นโชยมา ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
แต่ว่าทุกคนกลับรู้สึกว่าเริ่มหายใจติดขัดแล้ว
“เซอร์ไพรส์!”
เหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วตะโกนพร้อมกัน ต้อนรับการกลับมาของไอดอลของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่อันหลิน พวกเราเตรียมมื้อค่ำแสนอร่อยไว้ให้ท่าน รีบมาชิมดูเถอะ!” แขนขาวเกลี้ยงเกลาดุจหิมะของเหยาซิ่วคล้องแขนอันหลิน ดึงเขาไปยืนอยู่หน้าโต๊ะ
จากนั้นนางก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “นี่คือไข่ขาวรากบัว อันนี้กุ้งมังกรไข่แดง นี่เป็นข้าวผัดไข่ ส่วนอันนี้ไข่เจียวเหลืองทอง อันนี้…”
“ศิษย์พี่อันหลิน อาหารพวกนี้เป็นงานเลี้ยงจานไข่ที่ซิ่วเอ่อร์ลงมือทำเองเลย ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง!”
ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของเหยาซิ่วเปี่ยมด้วยความคาดหวัง แสดงอาการเป็นเชิงบอกว่ารีบชมข้าสิ
อันหลินจ้องอาหารที่หลากหลายบนโต๊ะ ใบหน้าแดงก่ำ จวนจะหายใจไม่ออกแล้ว
เหยาหมิงซีเห็นดังนั้น คิดว่าอันหลินตื้นตันเกินไป จึงตบไหล่ของเขาอย่างสนิทสนม พูดเสียงจริงจังว่า “นี่เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของเราสองพี่น้องเท่านั้น ไม่เป็นไร หากศิษย์พี่อันหลินชอบ พวกเราจะทำให้ท่านทุกวันเลย!”
“ขอถามหน่อยได้ไหมว่า…”
“ไปเอาไข่เยอะแยะมากมายปานนี้มาจากไหนกัน”
อันหลินชี้อาหารเมนูไข่บนโต๊ะ พูดด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
“อ้อ ไข่พวกนี้ทำมาจากไข่ยักษ์ที่ศิษย์พี่อันหลินเอาวางไว้ข้างหน้าต่างยังไงเล่า แม้ไข่ที่ดีจะบำรุงกาย แต่ก็ต้องผ่านการปรุงที่เหมาะสม จึงจะทำให้ไข่มีสรรพคุณที่ดีที่สุด!” เหยาซิ่วพูดด้วยความภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม
แถมนางยังชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องแล้วพูดต่อว่า “รอสักครู่ เจ้านี่ยังใช้มาเคี่ยวซุป เสริมสร้างแคลเซียมได้อีกด้วย!”
อันหลิน ต้าไป๋ เจ้าอัปลักษณ์และเสี่ยวหงต่างก็มองไปตามทิศทางที่นิ้วของเหยาซิ่วชี้
อันหลินหน้ามืด เกือบจะเป็นลมแล้ว ราวกับหัวใจทั้งดวงแตกสลาย
ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์สะดุ้งโหยง หยดน้ำเกลือกกลิ้งในดวงตา
บนกลีบดอกแดงฉูดฉาดของเสี่ยวหง มีหยาดน้ำซึมออกมา สะอึกสะอื้นเสียงเบา
“น้องสี่ของข้า…” เจ้าอัปลักษณ์คุกเข่า สายตาเลื่อนลอย
“น้องสี่ เจ้าช่างตายได้น่าอนาถเหลือเกิน…” ต้าไป๋จวนจะคลุ้มคลั่งแล้ว ดวงตาจดจ้องเบื้องหน้าพลางร้องโหยหวน
อันหลินเดินโซเซไปยังมุมหนึ่งของห้อง คุกเข่าลงตรงหน้าเปลือกไข่ เปลือกไข่สีน้ำเงินขนาดใหญ่ บัดนี้กลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
เขาหยิบเศษชิ้นหนึ่งขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา กระซิบอย่างรู้สึกผิดว่า “เสี่ยวหลาน เป็นความผิดข้าเอง ข้าผิดเอง…ผิดเองที่ไม่ซ่อนเจ้าให้ดี…”
บรรยากาศภายในห้องหนักอึ้งขึ้นมาทันตา
เหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วเห็นปฏิกิริยาของทุกคนก็สะดุ้งโหยงเช่นกัน
ข้อสันนิษฐานอันน่ากลัวอย่างยิ่งผุดขึ้นในใจเหยาหมิงซี
เขาเอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายใจเป็นล้นพ้น “น้องสี่ที่ทุกคนว่าหมายถึง…”
อันหลินโอบอุ้มเปลือกไข่ที่แหลกสลายเต็มพื้น มองเหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วแล้วพูดว่า “นี่แหละ…เศษซากของน้องสี่! ตอนแรกข้าอยากให้น้องสี่ฟักตัว พวกเจ้ากลับ…”
เปรี้ยง!
เหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วเหมือนถูกฟ้าผ่า ต่างก็ยืนอึ้งอยู่กับที่
พวกเขาไม่ใช่คนโง่
ทั้งปฏิกิริยาและคำพูดของอันหลิน ทำให้พวกเขาเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้วอย่างสิ้นเชิง!
“คุณพระ…ข้าทำอะไรลงไป!” เหยาซิ่วมองสองมือของตน เรือนร่างอรชรสั่นสะท้าน
นางนี่แหละที่จัดการน้องสี่ของศิษย์พี่อันหลิน…
ซ้ำยังนึ่ง ทอด ผัด ย่าง อบด้วย!
สุดท้าย…ยังคิดจะใช้เปลือกของน้องสี่ทำซุปอีกด้วย!
เหยาหมิงซีก็ดวงตาเลื่อนลอย สมองขาวโพลน
พวกเขาสังหารน้องสี่ของไอดอลหรือ
แถมยังใช้มันมาทำอาหารให้ไอดอลกินด้วย
“ฮะๆ…ฮะๆ ๆ…” เหยาหมิงซีน้ำตาอาบหน้า ใกล้จะสติแตกแล้ว
เขาตระหนักได้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ความผิดของตนนั้นมหันต์แค่ไหน!
“ศิษย์พี่อันหลิน อย่าโทษน้องข้าเลย เพราะข้าโง่เอง ข้าขอรับผิดชอบความผิดทุกอย่างเอง!” เหยาหมิงซีชักกระบี่ออกมา ตั้งใจว่าเชือดคอตัวเอง ชดใช้ความผิดด้วยความตาย
“ท่านพี่อย่า!” เหยาซิ่วตะโกนลั่น
ฟิ้ว!
แรงบางอย่างโจมตีกระบี่ของเหยาหมิงซี ทำให้กระบี่ของเขาหลุดกระเด็น
“ศิษย์พี่อันหลิน ท่าน…” เหยาหมิงซีจ้องอันหลิน น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
คนที่ลงมือในตอนนี้คืออันหลินที่เจ็บปวดสุดแสนเมื่อครู่นี้นี่เอง
อันหลินไม่พูดอะไร แต่กอดเปลือกไข่ทั้งหมดไว้เงียบๆ ยกไปวางลงบนเคาน์เตอร์ครัว
เขามองเหยาซิ่วแล้วพูดนิ่งๆ ว่า “จะทำซุปไม่ใช่หรือ ยังไม่รีบมาทำอีก ซุปอาจจะต้องเคี่ยวนานมากจึงจะมีรสชาติ…”
เหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วงุนงง ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นรูปปั้น
ร่างของเสี่ยวหงสั่นเทิ้ม ต้าไป๋เข่าอ่อน เจ้าอัปลักษณ์เบิกตาจนกลมกว้าง จดจ้องอันหลินด้วยความตะลึง
พี่อัน…บ้าไปแล้วหรือ