ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 205 หอคอยของหงโต้วระเบิดแล้ว
ในจัตุรัสฟ้าคราม อารมณ์ของเหล่านักเรียนพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งหลังดิ่งไปคราหนึ่ง
พวกเขากำลังชมการสตรีมสดเกมลีคออฟคิง
ระหว่างหลิวเชียนฮ่วนกับเชอรีล!
“โอ้โฮ ครั้งนี้ศิษย์พี่หลิวยอมนางสิบตายังชนะนางได้เลย”
“เชอรีลถูกรังแกจนย่ำแย่ จวนจะร้องไห้แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกเห็นใจนางขึ้นมา”
“เวลาศิษย์พี่หลิวเล่นเกมก็สวยมากเหมือนกัน!”
“เชอรีลเองก็ไม่เลว ผิวขาวรูปงามหน้าอกใหญ่ แถมยังเปล่งแสงได้ด้วย”
“นี่ จุดสนใจของพวกเจ้าอยู่ที่ไหนกันน่ะ จะว่าไปพวกเรากำลังชมการประลองชิงจอกศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ”
“นี่น่ะหรือเกมของแดนมนุษย์ ท่าทางดูสนุก ถ้าข้าได้ไปแดนมนุษย์ต้องลองเล่นแน่นอน…”
…
เหล่านักเรียนพูดคุยกันอื้ออึง ผู้ติดตามของเผ่าพันธุ์ปีกปัณฑูรร่วมพันชีวิตกลับปั้นหน้าไม่ไหวแล้ว
แม้เชอรีลมักจะปลดปล่อยตัวเอง ทำเรื่องเหนือความคาดหมายไปบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ถูกรังแกอย่างต่อเนื่องต่อหน้าสาธารณชนอย่างเช่นตอนนี้…
แม้จะเป็นแค่เกม ก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากไหมเล่า!
“เชอรีลน่าสงสารจัง ข้าทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว…”
“เห็นทนโท่ว่าเกมนี้ไม่ยุติธรรม แต่นางยังจะเล่นอยู่อีก ข้าไม่เข้าใจจริงๆ”
“เชอรีลอยากเอาชนะเกินไป หากนางเอาชนะไม่ได้ อาจจะเล่นต่อไปไม่หยุดก็ได้”
“ไม่ยอมแพ้หรือ เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกน่านับถือมากเหมือนกันนะ!”
“เฮ้อ ได้แต่ปลอบใจตัวเองเช่นนี้ จะว่าไป ตัวแทนของฝ่ายเราคงจะไม่ถูกกักขังจนจบการแข่งขันหรอกนะ…”
นี่ไม่ใช่แค่ความกังวลของพวกเขาชาวปีกปัณฑูร ขณะเดียวกันก็เป็นความกังวลของนักเรียนหลายหมื่นชีวิตด้วย
แม้ดูศิษย์พี่หลิวรังแกคนแบบนี้จะสะใจทีเดียว แต่หากอาศัยการเล่นเกมฆ่าเวลาตลอดการประลอง จากนั้นทนมองเจ้าพวกโง่หอสร้างโลกชิงจอกศักดิ์สิทธิ์โดยที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็อึดอัดยิ่งนัก!
…
ในเทือกเขาจงหลง ตอนนี้มีเพียงตัวแทนของเมืองพุทธและหอสร้างโลกเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวอย่างอิสระ
ตัวแทนจากเมืองพุทธดูธรรมดาไปถนัดตา หลังกินยารักษาอาการบาดเจ็บไปแล้ว ก็หาถ้ำลับตาคนเพื่อรักษาตัว
พวกเขาไม่รีบร้อน อย่างไรเสียจนบัดนี้ยังไม่มีประกาศว่า อิทธิพลอื่นได้จอกศักดิ์สิทธิ์
ด้วยเหตุนี้สำหรับพวกเขา การฟื้นฟูร่างกายของตนให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดแล้วค่อยออกโรง เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ส่วนตัวแทนของหอสร้างโลกก็ตามหาร่องรอยของจอกศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วทุกสารทิศ พยายามเอาคะแนนที่รั้งท้ายคืนกลับมาให้ได้
ภายในหอไข่มุก นอกจากเสียงของลีคออฟคิงแล้ว ทุกคนต่างก็เงียบสนิท
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ออกัสกำมือแน่น ตัดสินใจอะไรบางอย่าง
เขาเดินไปหาอันหลิน พูดอย่างจริงจังว่า “สหายอันหลิน เป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออก เจ้าใช้หมัดปรมาณูอัสนีสักตั้งดูเถอะ!”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าหวาดผวา
“ออกัส อย่าดูถูกตัวเองสิ เราคิดหาวิธีอื่นกันอีกที!” เชอรีลพูดห้ามปราม
อานุภาพของหมัดปรมาณูอัสนี ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดี หากใช้ท่านี้ในพื้นที่ปิด เกรงว่าจะถูกระเบิดตายกันหมด
แต่ออกัสกลับส่ายหน้าอย่างหนักแน่นเมื่อได้ฟัง “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากลัวอะไร แต่ข้ามีวิชาต้องห้ามอยู่ สามารถลดการกระทบกระเทือนให้ต่ำที่สุดได้”
เงียบไปครู่หนึ่ง
“หรือ…เจ้าจะใช้การกู้ชีพศักดิ์สิทธิ์” อาเธอร์เบิกตากว้าง พูดอย่างตื่นเต้น
“อย่านะ! ออกัส หากเจ้าใช้วิชาต้องห้าม จะอ่อนกำลังขั้นสุด เข้าสู่สภาวะหลับใหล ถึงตอนนั้นพวกเราขาดเจ้า จะคว้าชัยชนะในการประลองได้อย่างไร!” เชอรีลส่ายหน้าโต้แย้งทันที
ออกัสยิ้ม “ตอนนี้ก็ทางตันชัดๆ หากพวกเราไม่ทลายออกไป จะไม่มีทางพลิกโอกาสได้เลย อีกอย่าง ข้าเพียงหลับใหลก็ช่วงสั้นๆ การประลองไม่มีทางจบเร็วปานนั้นหรอก”
เขาเหลือบตามองพวกอันหลินแล้วพูดต่อว่า “ข้าหวังอยากร่วมมือกับพวกเจ้า นั่นก็คือ เมื่อข้าใช้การกู้ชีพศักดิ์สิทธิ์แล้วเข้าสู่ภวังค์นิทรา พวกเจ้าห้ามลงมือกับอิทธิพลสวนเอเดน”
พวกอันหลินได้ยินก็มีความหวังจะทลายพันธนาการ ไหนเล่าจะปฏิเสธความร่วมมือ พยักหน้าตกลงทันที
เมื่อออกัสเห็นพวกอันหลินยอมตกลง จึงโล่งอก ไม่มีอะไรต้องพะวงอีก
เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์กลับตาลปัตรกับสวนเอเดน เพราะทุกคนในจัตุรัสฟ้าครามต่างก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา หากพูดอย่างทำอย่างต่อหน้าทุกคน เช่นนั้นต่อให้สรวงสวรรค์ได้อันดับหนึ่ง ต้องถูกผู้คนดูถูกดูแคลนจนโงหัวไม่ขึ้นเป็นแน่
“เช่นนั้นขอให้สหายอันหลินใช้พลังเซียนของเจ้าด้วย”
“ข้าจะใช้การกู้ชีพศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพลังงานจู่โจม จะทำให้ร่างของทุกคนเลือนรางในพริบตา หลบหลีกการโจมตีของแรงระเบิดได้” ออกัสหลับตาพริ้ม มีลำแสงสีขาวห้อมล้อมทั้งสองมือ พูดอย่างเชื่องช้า
อันหลินพยักหน้า ความจริงนี่ก็เป็นขั้นตอนที่ต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน
หากยามที่ออกัสใช้การกู้ชีพศักดิ์สิทธิ์ คุ้มกันแค่ตัวแทนสามคนของสวนเอเดน เช่นนั้นทั้งสามคนจากสรวงสวรรค์ก็จะจบเห่กันหมด ความหวังของเขา ก็เป็นผู้ชมที่กำลังดูการถ่ายทอดสดหลายหมื่นคนในจัตุรัสฟ้าครามเช่นเดียวกัน…
กระแสไฟสีน้ำเงินค่อยๆ รวมตัวกันบนมือขวาที่กำลังส่องแสงสีทอง ขณะเดียวกันก็เจือปนด้วยพลังอนธการดั้งเดิม ทำให้มันค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง…
นอกหอไข่มุก ตัวแทนทั้งสามของหอสร้างโลกพบจอกศักดิ์สิทธิ์หนึ่งใบ
พวกมันมองจอกศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้ามาด้วยความดีอกดีใจ
จอกศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ถูกสวมอยู่บนหัวของงูเหลือมเปลวเพลิงยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่ง เนื้อตัวแผ่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ราวกับเป็นจักรพรรดิแห่งอสรพิษ ชายตามองพวกมันทั้งสามด้วยสายตาเหยียดหยาม
สัตว์ประหลาดตัวนี้ยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้น!
หวงส่าน หงโต้วและตงเยี่ยนต่างก็ใจจดใจจ่อ เตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว
หอไข่มุกสีขาวสั่นระริก แต่หงโต้วไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแต่อย่างใด จึงไม่รู้ตัว
ภายในหอคอย พลังทำลายล้างสรรพสิ่งระเบิดดังตูมตาม
ออกัสแบมือทั้งสองข้าง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส
ร่างสีทองสูงใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา แสงอำนวยชัยอันวิเศษสว่างไสวสาดกระทบเรือนร่างของทุกคน…
พายุคลั่งสีทองอันน่ากลัวเริ่มปะทะกันภายในหอคอยอย่างรุนแรง พลังมหาศาลเหนือคำบรรยายทำให้หอคอยที่ปิดตายขยายใหญ่แล้วระเบิดดุจลูกบอล
เปรี๊ยะ…
หงโต้วสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงประหลาด
มันมองหาต้นเสียง ดวงตาของมันจดจ้องหอไข่มุกที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รอยแยกสีทองลุกลามไปทั่วประหนึ่งใยแมงมุม พลังที่ชวนให้พรั่นพรึงทะลักออกมา
หงโต้วมองหอไข่มุกแล้วเบิกตากว้าง รู้สึกเหมือนตนกำลังถือลูกระเบิดที่พร้อมจะปะทุแล้ว จึงหน้าถอดสีแล้วพูดว่า “หัวหน้า เจ้าดูหอนี่สิ เกิดปัญหาแล้ว!”
มันตะโกนลั่น ไม่พูดพร่ำทำเพลง โยนมันร้อนที่ลวกมือใส่หวงส่าน
หวงส่านกำลังจดจ่ออยู่กับงูหลาม เมื่อได้ยินประโยคนี้ หงโต้วก็โยนหอไข่มุกใส่ตนแล้ว
หอไข่มุกเต็มไปด้วยรอยแตก พลังงานทำลายสรรพสิ่งทลายม่านกำบัง มาเยือนโลกหล้าแล้วในที่สุด…
“หงโต้ว บัดซบเอ๊ย!”
นี่เป็นประโยคสุดท้ายของหวงส่าน
จากนั้นหอไข่มุกก็ระเบิด
กระแสไฟสีทองปะทุดุจปรมาณู กวาดล้างทุกอย่างที่อยู่บริเวณโดยรอบ
ผืนดินถูกพลังงานที่น่ากลัวระเบิดจนพวยพุ่ง ก่อตัวเป็นเมฆรูปเห็ดอีกครั้ง…