ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 210 ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
“หวังเสวียนจ้าน!” หวงส่านตะโกนลั่น นัยน์ตาจ้องบุรุษที่โผล่มากะทันหันเขม็ง
จู่ๆ ก็มีคนโผล่มาอยากช่วงชิงผลประโยชน์ในขณะที่จวนจะสำเร็จ ไม่ว่าใครก็ต้องโมโหเลือดพล่านเป็นธรรมดา
ขณะนั้นเอง หอกยาวฉายภาพของมังกรเขียว หมายทิ่มแทงช่องท้องของหวงส่าน
หวังเสวียนจ้านแทงอย่างว่องไว ทำให้หวงส่านร่นถอยไปนับร้อยจั้ง
“อันหลิน! เร็วเข้า!” หวังเสวียนจ้านตะโกนเสียงดังลั่น
“ไม่มีปัญหา!” อันหลินขี่ก้อนอิฐทะยานลงมา นัยน์ตาแปรเปลี่ยนเป็นขาวโพลน
วิชาญาณทิพย์!
เพียงชั่วพริบตา ลวดลายและช่องโหว่รอบๆ จอกศักดิ์สิทธิ์เงินก็เข้าสู่คลองจักษุของเขาอย่างหมดสิ้น
“คิดจะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์หรือ ฝันไปเถอะ!” เสียงตะโกนดุจสายฟ้าคำรามดังขึ้นอีกครั้ง
ไม่ใช่หวงส่าน แต่เป็นมนุษย์สายฟ้าที่หลุดพ้นจากชิงซินและตงเยี่ยน
“กระบี่นิลพันอัสนี!” ชั่ววินาทีที่ร่างของมนุษย์สายฟ้ากะพริบ พยับเมฆบนท้องนภาก็เคลื่อนไหวอย่างบ้าระห่ำ
ทันใดนั้น กระบี่คมที่ก่อตัวจากกระแสไฟนับพันเส้น ก็พุ่งไปจะทิ่มแทงอันหลินด้วยอานุภาพอันน่าพรั่นพรึง
เปรี้ยง…
กระบี่ดุจสายฝนมืดฟ้ามัวดินถาโถมเข้ามา หากนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณทั่วไปได้เห็นฉากที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ อาจจะแข้งขาสั่นระริกก็เป็นได้ แต่อันหลินกลับไม่สะทกสะท้าน
เขาชูนิ้วขึ้นแล้วชี้อากาศ
กระบี่นิลพันอัสนีชะงักทันใด แม้แต่เสียงสายฟ้าก็เบาลงตามไปด้วย
ปฐพีเงียบสงัดลงทันตา
คาถาเรียกสายฟ้า!
“เอาคืนไป!”
อันหลินวาดนิ้ว กระบี่อัสนีทั้งหมดสั่นระริก จากนั้นก็หลุดจากการควบคุมของมนุษย์สายฟ้า ปรับเปลี่ยนทิศทาง กลายเป็นลำแสงสายฟ้านับพันนับหมื่นพุ่งไปหามัน
“อะไรกัน!” นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สายฟ้าพบว่าสายฟ้าของตนหลุดจากการควบคุม กลับจู่โจมตัวเอง ทำให้มันตะลึงพรึงเพริด
แต่มนุษย์สายฟ้าก็ตอบสนองโดยไว กางโล่อัสนีทรงกลมขวางการโจมตีของกระบี่อัสนีทันที
กระบี่อัสนีพุ่งไปหามันอย่างต่อเนื่อง เรือนร่างก็พลันถูกทะเลสายฟ้าท่วมท้นขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง มนุษย์ลมทลายพันธนาการของชิงจือและหงโต้ว ไม่แยแสการไล่ล่าของทั้งสอง แต่เท้าย่ำสายลมพุ่งไปหาอันหลินอย่างรวดเร็ว มันรู้ว่าตอนนี้เป้าหมายที่ต้องจัดการก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ อันหลิน!
ดวงแสงทะยานลงมาจากฟ้า พันธนาการมนุษย์ลมที่กระโจนเข้ามา เสาพลังงานสีขาวจู่โจมหน้าอกของมนุษย์ลมแทบจะในเวลาเดียวกัน
ตูม! มนุษย์ลมที่ไม่ทันตั้งตัวถูกเสาแสงทะลวง พลังงานยิ่งใหญ่ระเบิดโดยพลัน กระแทกจนเขากระอักเลือดและล่าถอย
“อันหลิน เร็วเข้า!”
หลิวเชียนฮ่วนตวาด ขี่คทาขนนกเหาะไปหามนุษย์ลมที่ล่าถอยไป
อันหลินรู้ว่ามีเวลาไม่มาก จึงใช้วิชาญาณทิพย์ค้นหาช่องโหว่ค่ายกลของจอกศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
“อยู่ตรงนี้” เขาดีดนิ้ว แรงดันจู่โจมบริเวณหนึ่งที่อยู่เหนือจอกศักดิ์สิทธิ์
แกรก…ม่านวายุแตกระแหงราวกับเป็นใยแมงมุม แม้แต่สายฟ้าแห่งการคุ้มกันที่อยู่ภายในก็ค่อยๆ มลายหายไป
อันหลินยิ้มบางๆ เมื่อเห็นดังนั้น “จอกศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ ข้าขอรับไปละนะ…”
ขณะที่เขายื่นมือไปจะคว้าจอกศักดิ์สิทธิ์กลางอากาศ อินสีทองที่ทรงอานุภาพก็ถาโถมเข้ามา
“อย่าหวังว่าจะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ไปจากพวกเราได้!” นักบวชหน้าตาคมสันรูปหนึ่งตะโกนลั่นแล้วพุ่งไปหาอันหลินอย่างไม่ลังเล
ผู้ที่ลงมือคือชิงจือ ตัวแทนคนสำคัญจากเมืองพุทธ การโจมตีของเขาจะเพิกเฉยได้อย่างไร อินสีทองจู่โจมอย่างรวดเร็วฉับไว อันหลินไม่ทันตั้งรับเลยอย่างสิ้นเชิง ทำได้เพียงปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาออกไปเท่านั้น
ตูม! อินสีทองที่แฝงด้วยพุทธานุภาพมวลมหาศาลปะทะกับหมัดสะเทือนขุนเขา
อินสีทองที่มีพระธรรมวิเศษแฝงเร้นอยู่ ถูกสำแดงพร้อมกับพลังยุทธ์ระดับกึ่งแปลงจิตของชิงจือ อานุภาพน่าสะพรึงอย่างยิ่ง หมัดแสงทองของอันหลินต้านทานได้เพียงไม่นาน ก็ถูกอินสีทองทลาย
อินสีทองมุ่งไปไม่ลดละ โจมตีหน้าอกของอันหลิน พลังมหาศาลที่ยิ่งใหญ่สะเทือนจะเขากระเด็นขึ้นสูงนับร้อยเมตร เหมือนร่างจะแหลกสลายอย่างไรอย่างนั้น
ชิงจือฉวยโอกาสปลีกตัวออกจากมนุษย์ลม หลิวเซียนฮ่วนทั้งโกรธและตกใจ เมื่อเธอเห็นอันหลินเพลี้ยงพล้ำ ถูกชิงจือโจมตีจนล่าถอย ก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม พุ่งออกไปหาจอกศักดิ์สิทธิ์ เลิกใยดีมนุษย์ลม
มนุษย์ลมเห็นดังนั้นก็ละทิ้งการรบรากับหลิวเชียนฮ่วน หน้าที่ของเขาคือปกป้องจอกศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ต้องทำก่อนสิ่งอื่นใดในตอนนี้ก็คือ กำจัดชิงจือ!
ส่วนมนุษย์สายฟ้าที่หลุดจากกระบี่อัสนีพันเล่ม เนื้อตัวเต็มไปด้วยสายฟ้ากระจายอยู่ทั่ว กลายเป็นแสงอัสนีพุ่งไปหาชิงจือในพริบตา
ชิงจือเห็นแฝดวายุสายฟ้ากับหลิวเชียนฮ่วนกำลังมุ่งหน้ามาทางตนอย่างดุดัน ก็ชาวาบไปทั้งตัว หากไม่ชิงตอนนี้ จะไม่มีโอกาสแล้ว! เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมือออกไปคว้าจอกศักดิ์สิทธิ์แล้วพุ่งไปทางหวงส่าน
ขอเพียงส่งจอกศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ให้ถึงมือหวงส่าน พวกเขาก็จะไปจากเขตวายุสายฟ้าแห่งนี้ทันที
“รับไป!”
ชิงจือโยนจอกศักดิ์สิทธิ์ให้หวงส่านที่อยู่ไกลออกไปร้อยจั้ง
ความเร็วของหวงส่านไม่มีใครในที่นี้ทัดเทียบได้ บัดนี้ทำหน้าดีอกดีใจเมื่อเห็นจอกศักดิ์สิทธิ์ลอยมา
“ยินดีด้วย อิทธิพลเมืองพุทธได้สองคะแนน!”
เสียงที่ทรงพลังดังขึ้นในบัดดล กึกก้องทั่วปฐพีผืนนี้
อันหลิน “…”
ชิงจือ “…”
หวงส่าน “…”
ตึง!
จอกศักดิ์สิทธิ์สีเงินกระแทกศีรษะของหวงส่าน กลิ้งตกลงพื้น แต่มันกลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลยสักนิด ราวกับกำลังทำความเข้าใจกับเสียงที่แว่วมากลางอากาศ
แทบจะทุกคนในเหตุการณ์นิ่งอยู่กับที่ คำประกาศนี้กะทันหันเหลือเกิน
อันหลินได้สติทันใด ใช่แล้ว การตัดสินคะแนนของจอกศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือใคร แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าใครเป็นผู้สัมผัสจอกศักดิ์สิทธิ์เป็นคนแรก เช่นนั้นคะแนนก็จะเป็นของอิทธิพลนั้น…
ดูจากท่าทางของตัวแทนเมืองพุทธ เหมือนว่าจะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์เงินให้แก่ตัวแทนของหอสร้างโลก แต่การเกิดขึ้นของเหตุการณ์นี้ มันช่างชวนให้รู้สึกเศร้าใจ
กับเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่เหนือความคาดหมายนี้ พวกอันหลินทำได้แค่จ้องหวงส่านด้วยสีหน้าที่สับสนงุนงง นัยน์ตาแฝงด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ชิงจือลูบศีรษะอย่างงงงวย จากนั้นก็พนมมือ พูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “อามิตตาพุทธ ต้องขออภัย…อาตมาสะเพร่าเอง ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…”
เขาพูดด้วยความจริงใจ แม้แต่ความรู้สึกผิดบนใบหน้าก็ไร้ที่ติ น่าเชื่อถือ
อืม เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ทว่า…ไม่ได้ตั้งใจแล้วจะทำแบบนี้ได้อย่างนั้นหรือ!
หวงส่านโน้มตัวลง ก้มเก็บจอกศักดิ์สิทธิ์เงินขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าควรโมโหหรือเศร้าใจ
มันหวนคิดถึงความพยายามทั้งหมดในระยะเวลานี้ นี่มันตัดชุดแต่งงานให้คนอื่นชัดๆ[1] จึงอดโศกเศร้าเสียใจไม่ได้
แววตาเศร้าสร้อย สุดท้ายก็ทำได้เพียงเค้นออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า
“พวก…พวกเจ้ารังแกเรา!”
ณ จัตุรัสฟ้าคราม
เหล่าผู้ติดตามของหอสร้างโลกจ้องบริเวณที่เมืองพุทธอยู่ด้วยสีหน้าถมึงทึง ส่วนตัวแทนฝั่งเมืองพุทธก็ทำได้เพียง ‘อามิตตาพุทธ ขออภัย ขออภัย…’ คนของหอสร้างโลกโมโหจนแทบจะกระอักเลือด
นักเรียนของสรวงสวรรค์กลับไม่มีปฏิกิริยามากนัก แม้สุดท้ายพวกอันหลินจะไม่ได้จอกศักดิ์สิทธิ์มาครอง แต่ตอนนั้นพวกเขาเป็นคนนอกที่สอดมือเข้ามาก่อกวนแต่แรกอยู่แล้ว
ได้จอกศักดิ์สิทธิ์มาครองเป็นความโชคดี หากว่าล้มเหลวก็ยอมรับแต่โดยดี ไม่รู้สึกเสียดายเกินเหตุ
ส่วนเรื่องที่เมืองพุทธกับหอสร้างโลกร่วมมือกัน พวกเขาต่างก็ได้ยินเต็มสองรูหู
ตอนนี้เมืองพุทธกลายเป็นผู้ชนะสูงสุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย วิธีที่เกิดจากความร้อนใจของชิงจือ เหมือนว่าจะไม่มีอะไรควรค่าให้วิพากษ์วิจารณ์
อย่างมากก็แค่มีคนด่าท่อว่าเป็นนักบวชเจ้าเล่ห์ไม่ก็ไร้สมอง แต่อย่างน้อยๆ คงไม่ถึงขั้นประณามทั้งกลุ่ม
อืม…หากเป็นเช่นนี้ หอสร้างโลกต้องอึดอัดใจมากเป็นแน่แท้ ทั้งๆ ที่พบจอกศักดิ์สิทธิ์ก่อน ซ้ำยังทุ่มเทต่อสู้ถึงปานนี้ สุดท้ายกลับเป็นเมืองพุทธได้คะแนนไป…
สายตาเห็นอกเห็นใจนับไม่ถ้วน เริ่มจับจ้องหวงส่านที่จวนจะระเบิดอารมณ์บนหน้าจอผลึกหิน
หงโต้วหมดความอดทนแล้ว พุ่งเข้าไปหาหาชิงจือจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
“อย่านะ โยมหงโต้วใจเย็นๆ หน่อย! อาตมาช่วยชิงจอกศักดิ์สิทธิ์โลหะให้ได้!” ชิงจือเห็นหงโต้วกระโจนใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยว จึงรีบเอ่ยปากเป็นพัลวัน
“จอกเงินแลกจอกโลหะ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ!” หงโต้วตะคอกเสียงดัง ร่างกายระเบิดเปลวเพลิงสีแดงฉาน โถมตัวใส่ชิงจืออย่างดุดันราวกับเป็นลูกไฟ
“เฮ้อ เจ้านี่มันโง่จริงๆ ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะช่วยพวกเจ้าชิงแค่จอกโลหะ แย่งจอกโลหะหลายๆ ใบก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ” อันหลินส่ายหน้า พูดปลุกปั่นอยู่อีกมุม
น้ำเสียงของหงโต้วสะดุดกึก รู้สึกว่าไฟโทสะสุมทรวง ไม่ระบายออกมาไม่ได้
ตอนนี้มันฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง จำต้องจัดการนักบวชคนตรงหน้าจึงจะหายอัดอั้น
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ แฝดวายุสายฟ้าที่เงียบไปพักใหญ่ก็เหาะเหินมาช้าๆ ยื่นสองมือออกมาประกบกัน ปากพึมพำ เสียงเย็นเยือกเวิ้งว้างดังขึ้น
“ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ไปหรือ พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะหนีไปได้”
“ค่ายกลทำลายล้างวายุสายฟ้า ไป!”
…………….
[1] ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น หมายถึง ตนทุ่มเทพยายาม แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ผลตอบแทน