ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 218 กิจวัตรประจำวันของราชินี
ในจัตุรัสฟ้าคราม แทบจะทุกคนที่จ้องมองฉากตรงหน้าอึ้งๆ
โดยเฉพาะยามที่อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนค้อมตัวเอ่ยปากแสดงความภักดีต่อเด็กผู้หญิง พวกเขารู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดแสกกลางหน้า แพะนับหมื่นตัวร้องดังระงมในใจ
“บ้าบิ่นเหลือเกิน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
“เป็นผู้พิทักษ์ของจอกศักดิ์สิทธิ์หรือ นี่จะเปลี่ยนศึกชิงจอกศักดิ์สิทธิ์เป็นศึกพิทักษ์จอกศักดิ์สิทธิ์หรือ…”
“ไม่สิ! นี่มันปกป้องอะธีนาชัดๆ!”
“ทำเช่นนี้เพราะมีเป้าหมาย เมื่อกลายเป็นผู้พิทักษ์ของหญิงสาว เช่นนั้นขอเพียงศัตรูทั้งหมดแพ้พ่าย สรวงสวรรค์ก็เป็นผู้ชนะเลิศแล้ว”
“เป็นเพราะตงเยี่ยนแห่งหอสร้างโลกอำมหิตเกินไป มิเช่นนั้นเทพอันกับเทพหลิวก็คงไม่ใช้แผนนี้!”
“แต่ข้ากลับคิดว่าแผนนี้ดีทีเดียว”
“ข้าอาจจะกำลังดูการประลองปลอม…”
…
ทุกคนในจัตุรัสฟ้าครามเริ่มวิจารณ์กันอย่างดุเดือดหลังเงียบงันไปชั่วขณะ
ตัวแทนอย่างหวังเสวียนจ้าน หงโต้วและอาเธอร์ที่ถูกหมัดฮุคกระแทกรัวๆ จนดูแลตัวเองไม่ได้ จดจ้องหน้าจอผลึกหินด้วยความรู้สึกเหมือนปางตาย คิดว่าถูกโลกใบนี้หลอกลวง
บนไหล่เขาของภูเขาสูงแห่งหนึ่งในเทือกเขาจงหลง
อันหลิน หลิวเชียนฮ่วนและเด็กหญิงกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟ
อันหลินเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย หลิวเชียนฮ่วนเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา
ในฐานะผู้พิทักษ์ของราชินี พวกเขาโชคดีได้รับเนื้อหมูป่า
“หากมองจากสภาพการณ์ตอนนี้ ศัตรูด้อยกว่าเรา หากจะพูดด้วยหนึ่งประโยคนั่นก็คือ ไม่มีใครที่สู้ได้!” อันหลินแทะหมูย่างพลางวิเคราะห์อย่างจริงจัง
“หากปะทะกันซึ่งๆ หน้า พวกเขาสู้พวกเราไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ อย่าเผลอไปตกหลุมพรางของพวกเขา ความสามารถอย่างองค์ราชินี บอกตามตรง…ต่อให้มีกับดักอะไรก็คงจะจัดการได้กระมัง…” หลิวเชียนฮ่วนพูดไปพูดมา ก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้วิเคราะห์แล้ว
เพียงชั่วครู่ พวกเขาก็ได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง
ใช่แล้ว นั่นก็คือ ความสามารถของฝั่งพวกเขาแข็งแกร่งเหลือเกิน!
เอาชนะด้วยกำลัง
เมื่ออยู่ต่อหน้าพละกำลังอันสมบูรณ์ อุปสรรคใดๆ ล้วนเป็นเพียงเมฆเลื่อนลอย!
ฮ่าๆ ๆ…ประจบถูกคนจริงๆ
ทั้งคู่อดอุทานในใจอีกครั้งไม่ได้
ทั้งสามจึงเริ่มกินเนื้อหมูป่าอย่างสบายใจเฉิบด้วยประการละฉะนี้
คนที่ก่อกวนบีบคั้นให้พวกเขาต้องแสดงตัว ภายหลังตรวจสอบละแวกนี้แล้วแต่ก็ไม่เจอ พวกเขาก็คร้านจะตามหาแล้ว อย่างไรเสียในสถานการณ์เช่นตอนนี้ ก็ไม่ได้ย่ำแย่มากนัก
หลังมื้อค่ำ เด็กหญิงรับมือถือของหลิวเชียนฮ่วนมา นั่งพิจารณาอยู่อีกมุม
นางไม่ได้สนใจสิ่งที่หลิวเชียนฮ่วนเรียกว่ามือถือมากนัก กลับกันนางสนใจแอปพลิเคชันและฟังก์ชันอื่นๆ ไม่น้อยเลย เช่น…เหมยถู[1]
“โอ้โฮ…ตาข้าโตจังเลย…”
เด็กหญิงเซลฟี่ เมื่อเห็นดวงตาสดใสของตัวเองในมือถือก็หัวเราะออกมา
“เปลี่ยนเป็นหน้าวีเชฟ หน้ากลม หน้าแบนได้ด้วย…”
นางใช้ฟังก์ชันทั้งหลายไม่หยุด พร้อมกับหัวเราะไปด้วย เหมือนเด็กหญิงที่ได้ของเล่นใหม่ยิ่งนัก
…
บนเวหาเหนือยอดเขาสูง ตรงหน้าของออกัสกับเชอรีลมีกระจกสีขาวโปร่งใส พวกเขาเห็นภาพตรงไหล่เขาที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างชัดเจนผ่านกระจกบานนั้น
เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาต่างก็งงเป็นไก่ตาแตกอยู่นานกว่าจะได้สติ
ออกัสพึมพำว่า “สองคนนั้นคืออันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนใช่ไหม”
เชอรีลผงกศีรษะด้วยใบหน้าเรียบเฉย “อืม”
ออกัสสูดหายใจเข้าลึก “พวกเขานั่งอยู่กับปีศาจจอกศักดิ์สิทธิ์ทองอย่างมีความสุขงั้นหรือ”
เชอรีลมองเด็กหญิงในกระจกที่หันหน้าคุยกับสองคนนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่บ่อยครั้ง พยักหน้าอย่างแข็งทื่อ “อืม”
ทั้งคู่ยังคงมองอยู่เนิ่นนาน
ออกัสถอนหายใจยาวเหยียด ใบหน้าฉายความสิ้นหวัง “พลังต่อสู้ของปีศาจจอกศักดิ์สิทธิ์ทองก็แทบจะจนปัญญาแล้ว ตอนนี้มีตัวแทนของสรวงสวรรค์เพิ่มอีกสองคน…เหอะ พวกเขาช่างโหดเหี้ยมจริงๆ”
ตรงไหล่เขา ราชินีตัดสินใจพาสองคนนี้ไปที่วังของนาง
ทั้งสามเหาะขึ้นไปตามภูเขาสูง เห็นเด็กหญิงโบกมือ ราวกับว่ามีของบางสิ่งถูกพลิกออก ภูเขาหิมะมลายหายไป เผยให้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของมัน
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนต่างก็เบิกตากว้าง พวกเขาเห็นชั้นหินสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนยอดเขา หากจะให้บรรยาย ก็เหมือนกับยอดเขาสวมมงกุฎสี่เหลี่ยมเหนือศีรษะอย่างไรอย่างนั้น!
“ยินดีต้อนรับสู่ถิ่นของข้า ยอดเขาราชินี!”
ทั้งสามคนทะยานลงยอดเขา เด็กหญิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ยอดเขากว้างขวางมาก มีพืชพรรณประปรายและบ่อน้ำกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ ตรงกลาง มีตำหนักสีขาวหลังหนึ่ง มันเล็กกะทัดรัด แต่กลับประณีตมากเป็นพิเศษ
อันหลินมองทัศนียภาพรอบข้าง เอ่ยอย่างฉงนสนเท่ห์ว่า “ที่นี่มองไม่เห็นจากภายนอก นอกจากค่ายกลบังตาแล้ว มีค่ายกลพิทักษ์อะไรอีกหรือไม่”
เด็กหญิงส่ายหน้า “ข้าแข็งแกร่งปานนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลเหลวไหลพวกนั้น อีกอย่าง ระยะร้อยปีมานี้ ก็ไม่มีผู้มาเยือนคนใดชิงมงกุฎของข้าไปได้เลยแม้สักคนเดียว”
ทั้งคู่ได้ยินก็ตกใจ หลิวเชียนฮ่วนเอ่ยถามอย่างพรั่นใจว่า “ผู้มาเยือนที่ท่านพบพาน ประเภทเดียวกับพวกเราหรือไม่”
เด็กหญิงหลุดขำพรืด “แน่นอน เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรเลยหรือ แม้ปีศาจจอกศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราจะเป็นภูตที่เกิดจากการผสานระหว่างสายเลือดมังกรและจอกศักดิ์สิทธิ์ จะถือกำเนิดใหม่หลังดับสูญ แต่นานมากแล้วที่ข้าไม่เคยได้ลิ้มลอมรสชาติของความพ่ายแพ้…”
ขณะที่พูด นางก็แสดงท่าทางอ้างว้างที่อยู่บนจุดสูงสุดเพียงลำพัง ใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใยเชิดขึ้นเล็กน้อย ถอนหายใจแผ่วเบา “คนที่ถูกข้ากำจัดกับมือมีนับร้อย เคยพบเจอผู้แข็งแกร่งมาทุกรูปแบบแล้ว…”
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนไม่กล้าปริปากเมื่อได้ฟัง พวกเขารู้ว่าเบื้องหลังของตัวเลขเหล่านี้หมายถึงอะไร มันเป็นตัวเลขที่สั่งสมมาจากความปราชัยของตัวแทนจากอิทธิพลที่มีพลังแก่กล้านับไม่ถ้วน
ตอนแรกอันหลินอยากถามเด็กหญิงว่าครั้งล่าสุดที่จอกศักดิ์สิทธิ์ถูกชิงคือเมื่อใด เป็นฝีมือใคร แต่ก็กลัวว่าคำถามแบบนี้จะยั่วโทสะนาง ถึงตอนนั้นปล่อยกำปั้นออกมาจะทำอย่างไร
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงสะกดกลั้นความสงสัยทันที
พวกเขาเข้าไปในตำหนัก มองจากภายนอกราชวังงามวิจิตร แต่ภายในกลับเรียบง่ายอย่างยิ่ง มีเพียงของตกแต่งและเครื่องเรือนเรียบๆ ไม่มีแม้แต่ของล้ำค่าที่ดูสะดุดตาเลยด้วยซ้ำ
“พวกเจ้านั่งก่อน ข้า…ข้าจะชงชาให้” หลังเด็กหญิงเห็นทั้งสองนั่งลงแล้ว ก็เริ่มค้นอุปกรณ์ชงชาไปทั่ว
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนสบตากัน เห็นความแปลกใจของอีกฝ่าย ราชินีชงชาให้พวกเขางั้นเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกันอีกละเนี่ย
เด็กหญิงไม่มองพวกเขา แต่กำลังจัดวางอุปกรณ์ชงชา ล้างชา ชงชาและรินชาอย่างงุ่มง่าม
จากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าขาวผ่องแดงเรื่อ ชี้ถ้วยชาที่รินชาเรียบร้อยแล้ว พูดเสียงเข้มว่า “พวกเจ้าดื่มสิ!”
“อ้อ…”
อันหลินพยักหน้า ยกถ้วยชาขึ้นแล้วจิบหนึ่งคำ
รสชาติฝาดมาก ราวกับชงด้วยใบไม้ที่เด็ดมาจากต้นไม้ส่งๆ อย่างไรอย่างนั้น
เห็นทั้งคู่ต่างก็ดื่มกันคนละคำ เด็กหญิงก็ยิ้มบางๆ ดวงตาสุกใสกะพริบปริบๆ ถามเสียงไพเราะว่า “ชาที่ข้าชงเป็นอย่างไรบ้าง”
“อร่อย!”
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อย่าหลอกข้าเลย ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดปด”
อันหลิน “…”
หลิวเชียนฮ่วน “…”
“แต่ว่า…ข้าก็ยังอยากให้พวกเจ้าลองชิมอยู่ดี เพราะนานแล้วที่บ้านข้าไม่มีแขก ข้าก็อยากทำเรื่องที่เจ้าบ้านพึงกระทำเหมือนกัน”
ความจริงเธอเลือกจะเสิร์ฟน้ำแทนได้นะ…ประโยคนี้อันหลินไม่ได้พูดออกไป
หลิวเชียนฮ่วนมองเด็กหญิงด้วยความเห็นใจ “เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดคงจะเบื่อมากสินะ”
“ไม่เบื่อนะ ข้าออกไปล่าสัตว์ กินเนื้อที่อร่อยทุกวัน ตกกลางคืนยังชมจันทร์ชมดาวได้ ทุกๆ ห้าปี เมื่อชาวต่างแดนอย่างพวกเจ้ามาเยือน ก็ยังต่อสู้ได้ น่าสนุกจะตาย…” เด็กหญิงพับนิ้วขาวดุจต้นหอม นับเรื่องที่นางคิดว่าสนุก
อันหลิน “…”
หลิวเชียนฮ่วน “…”
ไม่พูดยังดี พอพูดแล้ว ชีวิตแบบนี้ทำให้รู้สึกน่าเบื่อมากต่างหากเล่า!
เพื่อไม่ให้เด็กหญิงเบื่อขนาดนั้น หลิวเชียนฮ่วนจึงยัดมือถือเครื่องหนึ่งให้เด็กหญิง ถือเป็นเครื่องบรรณาการ
เด็กหญิงไม่ปฏิเสธ แต่รับไว้ด้วยความตื้นตันใจ
นางประคองมือถือด้วยสองมือ พูดอย่างซาบซึ้งว่า “หากผู้มาเยือนรู้ความเช่นพวกเจ้าทุกคนก็คงดี…”
ในมุมมองของนาง มือถือเครื่องนี้ก็เหมือนของล้ำค่าที่เลอค่าเป็นอย่างยิ่ง จดจ้องด้วยแววตาสุกใส ใบหน้าฉายรอยยิ้มอย่างปิดไม่มิด
ทั้งสามจึงพูดคุยสรวลเสเฮฮา รอคอยศึกสุดท้ายด้วยประการละฉะนี้
……………
[1] เหมยถู แอปพลิเคชันแต่งภาพยอดฮิตของจีน