ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 247 ความล้มเหลวของไต้ซือกระบี่
อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ต่างก็ตกตะลึง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเซี่ยเหนียวที่เป็นมาโซคิสม์จะถูกสวีเสี่ยวหลานกำราบ
จะให้ชายชาตรีทั้งสามเอาหน้าไปไว้ที่ไหน…อยากเอาหัวชนกำแพงจริงๆ!
เซี่ยเหนียวบินมาหาสวีเสี่ยวหลาน พ่นพันธุ์ไฟสีทองออกมา “หลับตาแล้วเพ่งสมาธิ”
สวีเสี่ยวหลานหลับตาตามคำสั่ง พันธุ์ไฟสีทองเริ่มซึมลงไปในฝ่ามือของนาง
ครืน! จู่ๆ พลังปราณฟ้าดินก็กระเพื่อมขึ้นมา
“ข้ารู้สึกไปเองหรือ ข้ารู้สึกว่ากลิ่นอายของสวีเสี่ยวหลานเหมือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้น” อันหลินมองหญิงสาวที่ขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วพูดขึ้นมา
“ข้าก็สัมผัสได้เหมือนกัน รับมรดกช่วยเพิ่มพลังยุทธ์ได้ด้วยหรือ โฮ่ง!” ต้าไป๋เองก็ทำหน้างุนงงเช่นกัน
คราวนี้เซี่ยเหนียวยิ้ม “นี่เป็นเพราะใจของนางหยั่งรู้ยามรับมรดก อาศัยโอกาสนี้ กลั่นพลังแห่งเปลวเพลิงภายในร่างกาย ทำให้เปลวเพลิงของตัวเองบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น สามารถคว้าโอกาสนี้ได้ฉับพลันทันใด นางมีพรสวรรค์ทางด้านเปลวเพลิงเป็นอย่างมาก…”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ร่างของสวีเสี่ยวหลานก็ถูกลูกไฟห้อมล้อม สีของเปลวไฟเป็นสีเหลืองเจือสีทอง กระจายกลิ่นอายที่ร้อนระอุยิ่งนัก
นางลืมตาขึ้น ใบหน้าฉายความตื่นเต้น “สำเร็จแล้ว!”
เซี่ยเหนียวพยักหน้า “มอบมรดกสำเร็จ ข้าก็ควรจะไปจากที่นี่แล้ว แล้วพบกันใหม่ หากพบกันครั้งนี้ หวังว่าตัวผู้อย่างพวกเจ้าจะแรงกว่านี้หน่อยนะ โฮะๆ ๆ…”
เมื่อพูดจบ มันก็กางปีก เมื่อเปลวไฟม้วนตัว ร่างก็ทะยานขึ้นฟ้า บินไปทางประตูของสุสานมังกร
อันหลิน “…”
ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์กลับสู่เวอร์ชันมินิ ห่อเหี่ยวเหลือเกิน
หากว่าเป็นไปได้ พวกมันอยากจะแปลงร่างเป็นต้นหญ้าจริงๆ
“เอาละๆ เราไปตำหนักอีกหลังกันเถอะ!”
สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างมีชีวิตชีวา
ตอนนี้มีเพียงสวีเสี่ยวหลานที่สนุกสนาน มรดกทั้งสองที่มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของนางแล้ว
ตำหนักหลังที่สามชื่อว่า ตำหนักแห่งสารท
พวกเขาผลักประตูออกด้วยความหวั่นวิตก สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวที่นั่งสมาธิอยู่บนเบาะสาน
นางมีใบหน้างดงาม สวมชุดแดงดุจเพลิง มีกระบี่โบราณวางเหนือเรียวขายาว กำลังหลับตาพริ้มทำสมาธิอยู่
เมื่ออันหลินเห็นหญิงสาวคนนี้ ก็รู้สึกว่ามีระดับสูงมาก อืม…มีมาดของไต้ซือ!
พบเจอไต้ซือแบบนี้ ทุกคนห้ามรบกวนนางเป็นอันขาด มันเป็นการเสียมารยาทอย่างแรง วิธีการรับมือที่ดีที่สุดก็คือ ยืนรอเงียบๆ ให้ไต้ซือปลีกเวลามาเอง
เห็นได้ชัดว่าสวีเสี่ยวหลานก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ยืนอยู่อีกมุมกับอันหลินเงียบๆ จ้องหญิงสาวคนนั้นด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังเล็กๆ
เวลาผ่านไปช้าๆ
อันหลินคิดว่าด่านนี้อาจจะทดสอบความอดทนของพวกเขาก็เป็นได้ จึงไม่ได้ทำอะไรมากนัก
เวลาผ่านไปอย่างยาวนานโดยไม่รู้ตัว
หน้าอกของหญิงชุดแดงกระเพื่อมเล็กน้อย ศีรษะเอียงไปอีกทาง มีของเหลวแวววาวไหลลงจากมุมปาก
อันหลิน “…”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
“นางหลับไปแล้วหรือ” อันหลินส่งกระแสจิต
“น่าจะใช่ น้ำลายย้อยลงมาแล้ว เจ้าเคยเห็นใครนั่งสมาธิแล้วน้ำลายไหลบ้างไหม” สวีเสี่ยวหลานส่งกระแสจิตตอบ
“งั้นเราไปปลุกนางกันเถอะ” อันหลินพูดต่อ
“บุ่มบ่ามไปปลุกเช่นนี้ นางจะโมโหหรือไม่ เรื่องมรดกจะคว้าน้ำเหลวไหม” สวีเสี่ยวหลานกังวลใจ
อันหลินพยักหน้า คิดว่ามีเหตุผล เขาจึงโยนมินิป๋ายออกไป “ไปเลยต้าไป๋!”
“โฮ่ง! ไยจึงเป็นข้า!”
ต้าไป๋ที่ถูกทำร้ายจิตใจเมื่อครู่ยังไม่ทันหายดีโอดครวญ จากนั้นใบหน้าก็ชนกับใบหน้าของหญิงสาว…
ปึก!
ต้าไป๋กระแทกจนหญิงสาวถอยหลัง
สวีเสี่ยวหลาน “…”
อันหลินเบิกตากว้าง เขาคิดว่าตัวเองโยนแรงเกินไปหน่อย แต่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพราะไม่คิดว่าต้าไป๋จะเบาหวิวปานนี้
“อ๊าก! ใครน่ะ”
“อ๊าก! หมา!”
หญิงชุดแดงถูกชนจนล้มลงไป ตกใจจนร้องเสียงหลง จากนั้นก็เห็นใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูของต้าไป๋
นางเงยหน้ามอง เมื่อเห็นอันหลินกับสวีเสี่ยวหลาน รวมถึงวานรน่าเกลียดน่าชังตัวหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด กลิ่นอายดุดันระเบิดออกมา เป็นเหมือนกระบี่คมที่หลุดออกจากฝัก
“ผู้มีวาสนา ยินดีต้อนรับสู่ตำหนักแห่งสารท ต้องการมรดกแห่งกระบี่ของสุสานมังกรเหมันต์หรือไม่”
เสียงของนางไพเราะเสนาะหู แต่ก็แฝงด้วยความดุดันอันน่าสะพรึง ทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยง
อันหลินลิงโลดใจเมื่อได้ยิน มรดกแห่งกระบี่หรือ
มรดกชิ้นนี้เซียนกระบี่อันหลินคนนี้เอาแน่!
เขาที่มีหกกระบี่เทพสงครามอยู่แล้ว การชิงมรดกแห่งกระบี่ของตำหนักแห่งสารทจะยากอะไร
สวีเสี่ยวหลานชิงมรดกไปถึงสองชิ้น อันหลินรู้สึกว่าโงหัวไม่ขึ้น บัดนี้มาถึงศาสตร์ที่เขาถนัดแล้ว ไม่โชว์ความเท่สักหน่อยคงจะรู้สึกผิดกับตัวเองแน่
“การรับมรดกแห่งกระบี่ครั้งนี้ค่อนข้างง่าย พวกเจ้าชมเพลงกระบี่ของข้า เมื่อชมเสร็จแล้วให้พวกเจ้าฟื้นฟูเพลงกระบี่ของข้า ตามความรู้ของตน ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้ามีสิทธิ์รับมรดกของข้าหรือไม่” หญิงสาวพูดเสียงดังลั่น
อันหลินพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “ได้ขอรับผู้อาวุโสชิวหนี่!”
“เอ๊ะ รู้สึกข้ายังไม่ได้แนะนำชื่อของตัวเองนะ เจ้ารู้ได้อย่างไร” หญิงชุดแดงตาลุกวาว ใบหน้าฉายความแปลกใจ
อันหลินคิดในใจ จากเอกลักษณ์ของชุนหนานและเซี่ยเหนียว ขอแค่ไม่โง่ก็คาดเดาชื่อของเจ้าได้!
แต่แน่นอนว่าเขาไม่พูดแบบนี้ แต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม “นี่คงจะเป็นพรหมลิขิตกระมัง…”
ชิวหนี่ชะงักเมื่อได้ฟัง จากนั้นก็หัวเราะ “เจ้าน่าสนใจไม่หยอก”
อันหลินดีใจ สร้างความประทับได้แล้ว
สวีเสี่ยวหลานเบะปาก ไฟโทสะสุมทรวง อันหลินแทะโลมผู้หญิงต่อหน้านาง สุดยอดจริงๆ!
ชิวหนี่เริ่มรำกระบี่แล้ว
ชุดสีแดงและเรือนร่างอ่อนช้อยร่ายรำไปตามกระบี่ ดุจผีเสื้อที่เริงระบำใต้ต้นเมเปิ้ล งดงามชดช้อย แต่ก็เจือความเข้มแข็งและดุดันด้วย
อดพูดไม่ได้ว่า อันหลินตะลึงงัน ร่ายรำได้งดงามจริงๆ!
“ฟู่…ข้ารำเสร็จแล้ว ถึงตาพวกเจ้า”
เมื่อชิวหนี่รำกระบี่เสร็จก็หายใจหอบเล็กน้อย ดวงตาสุกใสจ้องมองผู้มีวาสนาตรงหน้า
แววตาของนางหยุดอยู่ที่อันหลินนานกว่าคนอื่น คงเพราะบทสนทนาก่อนหน้านี้ จึงมีความคาดหวังมากขึ้น
“เอ่อ”
อันหลินกลับงุนงงเมื่อได้ยิน ความรู้สึกอันตรายผุดขึ้นในใจทันที
ตอนนั้นเขาเอาแต่ชื่นชม คิดว่าชิวหนี่รำได้งดงามชดช้อย แต่เหมือนจะไม่มีอะไรให้หยั่งรู้…
มันไม่มีอะไรแต่แรกอยู่แล้ว หรือเขาไม่อาจหยั่งรู้ได้
หรือจะวาดน้ำเต้าเลียนแบบน้ำเต้า เคลื่อนไหวร่างกายตามแบบต้นฉบับดีละ
ตอนนี้สวีเสี่ยวหลานเริ่มร่ายรำแล้ว ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ถอดใจไปแล้ว
อันหลินไม่ยอม หยิบกระบี่พิชิตมารแล้วเริ่มร่ายรำเช่นกัน
ชิวหนี่พยักหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นเพลงกระบี่ของสวีเสี่ยวหลาน จากนั้นก็หันมองอันหลิน มุมปากกระตุก เขารำอะไรน่ะ
เพลงกระบี่สิ้นสุดลง
เม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผาขาวผ่องของสวีเสี่ยวหลาน
ส่วนอันหลินกลับเหมือนทำกายบริหาร ท่วงท่าแข็งกระด้าง ไร้ความรู้สึก
ชิวหนี่เดินไปหาอันหลิน ทำให้หัวใจของอันหลินเต้นระรัว
จะเลือกเราแล้วเหรอ เห็นพรสวรรค์แห่งศาสตร์กระบี่อันน่าตะลึงผ่านการร่ายรำของเราแล้วสินะ
“สงสัยจะไม่มีวาสนาต่อกันกระมัง…ไม่เป็นไร แม้พรสวรรค์ในวิถีกระบี่ของเจ้าจะย่ำแย่เหลือทน แต่ศาสตร์ในโลกมีมากมายก่ายกอง ย่อมมีสักทางที่เป็นของเจ้า…” ชิวหนี่ตบไหล่อันหลินปุๆ แล้วพูดปลอบใจ
อันหลินนิ่งงัน อ้าปากค้าง
ชิวหนี่เดินไปหาสวีเสี่ยวหลาน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเจิดจ้า “ผู้มีวาสนา เจ้ายอมรับมรดกกระบี่แห่งสุสานมังกรเหมันต์หรือไม่”
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้าอึ้งๆ
นางเคยเห็นเพลงกระบี่เหนือชั้นของอันหลินประจักษ์แก่ตา ไม่คิดเลยว่าชิวหนี่จะเลือกนาง อันหลินยอมอ่อนข้อให้นางหรือ
เพลงกระบี่เมื่อครู่ของอันหลินน่าเกลียดจริงๆ หรือเขาตั้งใจทำเช่นนี้…
เมื่อคิดได้ดังนั้น สวีเสี่ยวหลานก็มองอันหลินอย่างซาบซึ้งใจ คิดในใจว่า “ขอบใจนะ!”