ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 251 ผู้บัญชาการรบ
ชายผมแดงได้ยินคำพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ มุมปากก็กระตุก
“ให้ตายสิ ไม่ใช่ชายชาตรี!” ชายผมแดงอยากจะซัดคนเหลือเกิน
“ต๋าอี ต๋าเอ้อร์ ไปเลย!” อันหลินตะโกนลั่น
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ได้ยินคำสั่ง ระเบิดพลังแล้วพุ่งใส่ชายผมแดง
ชายผมแดงก้าวเท้า มังกรเพลิงสีแดงนับร้อยตัวปรากฏกายกลางอากาศ กระโจนใส่ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์พร้อมกับอุณหภูมิอันร้อนระอุอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์คล่องแคล่วปราดเปรียวยิ่งนัก กลายเป็นภาพติดตาสีเงินเป็นระลอกๆ หลบหลีกการจู่โจมของมังกรไฟ
หลังกันดั้มตัวหนึ่งเข้าประชิด ก็ปล่อยวงแสงสีม่วงออกมาแผ่คลุมชายผมแดงทันควัน ปล่อยสนามแรงโน้มถ่วงอันยิ่งใหญ่ออกมา
ครืน! แผ่นดินทรุดตัวทันที
ร่างของชายผมแดงถูกพลังที่แผ่กระจายอยู่ทุกหนแห่งกำราบ ประหนึ่งถูกภูเขาขนาดใหญ่บดเบียด
“นี่มัน…แรงโน้มถ่วง!” ชายหนุ่มหน้าถอดสี
ขณะที่จิตใจของเขาว้าวุ่น กันดั้มอีกตัวก็ถือดาบเลเซอร์จะฟันใบหน้าของเขาแล้ว
ชายหนุ่มคำรามลั่น พลังเขตอาคมแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว เปลวไฟสีแดงดุจคลื่นซัดสาดแผ่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์เกราะยักษ์
เกราะเปลวไฟสมจริงยิ่งนัก ประหนึ่งเป็นของจริง
เมื่อประจันหน้ากับดาบเลเซอร์ที่ตวัดลงมาของกันดั้ม มนุษย์เกราะเปลวไฟไม่หลบหลีก ปล่อยหมัดออกไปโจมตี
โครม! หมัดกับดาบเลเซอร์ชนกันจนเปลวไฟระเบิด ดาบเลเซอร์ของกันดั้มก็ฟันกำปั้นของมนุษย์เปลวไฟ แต่ร่างของกันดั้มกลับถูกพลังอันยิ่งใหญ่ของเปลวไฟสะเทือนจนถอยหลัง
“นี่มันทำจากวัสดุอะไรกันแน่ ถึงทำลายได้แม้แต่เกราะของข้า…” ชายผมแดงตะลึงกับพลังที่หุ่นสีเงินสองตัวนี้ใช้เป็นอย่างมาก
ชั่วขณะที่กันดั้มล่าถอยนั้น เจ้าอัปลักษณ์ก็อาศัยโอกาสกระโดดไปยืนข้างชายผมแดง
“ตอนนี้แหละ ตีเข่าเขาเลย!” อันหลินที่ใช้วิชาญาณทิพย์ตะโกนก้อง
เจ้าอัปลักษณ์ระเบิดพลังทั้งหมด เงื้อกระบองแล้วฟาดไปที่เข่าของมนุษย์เกราะเปลวไฟเข้าอย่างจัง
กระบองเงินชนกับเกราะด้วยพลังมหาศาล เสียงดังสนั่นกระจายไปรอบทิศพร้อมกับคลื่นพลัง
กรอบ… เกราะบริเวณเข่าแตก
มนุษย์เกราะงอเข่า สูญเสียการทรงตัว เอียงตัวล้มลงไป
ชายผมแดงสะดุ้งในใจเมื่อเห็นดังนั้น เขาไม่ได้เตรียมใจกับสัตว์ที่ไม่บรรลุระดับแปลงจิตอย่างเจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋ด้วยซ้ำ ถึงทำให้เจ้าอัปลักษณ์ฉวยโอกาสได้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า การโจมตีกะทันหันของเจ้าอัปลักษณ์ จะฟาดเข้าที่จุดสำคัญที่สุดของเขา
เป็นไปไม่ได้ มันรู้ช่องโหว่ของเกราะเราได้อย่างไร…บังเอิญหรือ
ชั่ววินาทีที่ชายผมแดงใช้ความคิด จู่ๆ หมอกสีขาวก็ลอยขึ้นมา แผ่คลุมไปทั่วพื้นที่
“เมฆแห่งหมาป่าสีคราม!” ต้าไป๋สำแดงพลังเซียนขวางกั้นทัศนวิสัย
ในขณะที่มนุษย์ชุดเกราะเปลวไฟของชายชุดแดงล้มลง จู่ๆ แรงโน้มถ่วงก็ทวีความน่ากลัวมากขึ้น
เดิมทีเป็นเพียงแรงโน้มถ่วงที่กระทบต่อการต่อสู้ของเขา ตอนนี้กลายเป็นแรงโน้มถ่วงมวลมหาศาลที่กดดันจนเขาเคลื่อนไหวไม่ได้
“เป็นไปไม่ได้ มีควันหลงด้วยหรือ” ชายผมแดงพูดด้วยความตกใจ
พลังของหุ่นพวกนี้เหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างยิ่ง
เขาสละแขนของมนุษย์เกราะเปลวไฟข้างหนึ่งอย่างเด็ดขาด แขนข้างนี้กลายเป็นกระบี่เปลวไฟ พุ่งไปหากันดั้มที่ปล่อยแรงโน้มถ่วง
การมองเห็นถูกบดบัง เขายังสามารถใช้พลังจิตตรวจสอบตำแหน่งของศัตรูได้
กระบี่เปลวไฟรวดเร็วอย่างยิ่ง ทิ่มแทงกันดั้มที่ปล่อยแรงโน้มถ่วงเข้าเต็มเปาโดยไม่เอนเอียง
กระบี่เปลวไฟที่มีพลังมหาศาลและอหังการพากันดั้มลอยขึ้นสูงร้อยจั้ง หลุดออกนอกอาณาเขตของตำหนักเหลือง
ทว่าในเวลาเดียวกัน กันดั้มที่ถือดาบเลเซอร์ก็พุ่งไปอยู่ตรงหน้าเข่าของมนุษย์เกราะแล้วตวัดดาบฟัน
ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เข่าอีกข้างของมนุษย์เกราะแตก สองขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
ชายผมแดงที่อยู่ภายในเกราะเปลวไฟถูกพลังเขตอาคมแว้งกัดเสียการทรงตัว กระอักเลือดออกมา
ในตอนนั้นเอง กระบองเงินของเจ้าอัปลักษณ์ก็เริ่มโจมตีที่ศีรษะของมนุษย์เกราะเปลวไฟอย่างแรง
นี่เป็นช่องโหว่ที่อันหลินเห็นจากวิชาญาณทิพย์ ขอแค่กระบองเงินฟาดเข้าที่ศีรษะของมนุษย์เกราะอย่างจัง เขตอาคมเกราะก็จะแตกทลายอย่างสิ้นเชิง!
“โดนดูแคลนแล้วจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะถูกวานรกึ่งแปลงจิตตัวหนึ่งกระโดดมารังแกถึงหัว…”
นัยน์ตาของชายผมแดงพ่นไฟ พูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
บัดนี้ เขาตัดสินใจให้ชุดเกราะระเบิดด้วยตัวเอง
ตูม! การระเบิดของชุดเกราะเปลวเพลิง กลายเป็นเปลวไฟที่รุนแรงอย่างยิ่งกระจายตัวไปทั่วทุกสารทิศ นี่เป็นการโจมตีเต็มกำลังของนักพรตแปลงจิตขั้นปลาย อานุภาพที่แฝงเร้นในเปลวไฟน่ากลัวเป็นที่สุด
มันทำให้พสุธาละลาย กลืนกินตำหนัก ทำให้แผ่นดินลอยฟ้ากลายเป็นทะเลเพลิง
เจ้าอัปลักษณ์ถูกการระเบิดของเปลวไฟกระแทกจนลอยออกไป แม้แต่อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็โดนลูกหลงจากการระเบิดอันรุนแรงทำให้ลอยออกไปกระแทกกับพื้น
ชายผมแดงเดินออกจากทะเลเพลิง ย่างเยื้องไปหาอันหลินทีละก้าว แม้จะมีเลือดไหลออกจากมุมปาก แต่ฝีก้าวกลับหนักแน่นอย่างยิ่ง ความโกรธเกรี้ยวเป็นล้นพ้นทำให้เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าปีศาจ ใบหน้าฉายความกระหายเลือด
“ใช้ได้ บีบข้าถึงขั้นระเบิดเขตอาคมของตัวเองได้…”
“แต่พลังของตัวเจ้าเองนั้นอ่อนแอเกินไป อ่อนแอถึงขั้นไม่มีแม้แต่ความกล้าจะสู้กับข้าซึ่งๆ หน้า”
“ถ้าไม่มีหุ่นสองตัวนั้น คนอย่างเจ้า ข้าจัดการได้เป็นร้อย!”
ชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าอันหลิน เปลวไฟสีชาดที่เจือกลิ่นอายกระหายเลือดและบ้าระห่ำไหลเวียนรอบกาย
“ในเมื่อเลือกจะสู้ ก็ควรจะตระหนักรู้ว่า หากแพ้ต้องชดใช้ด้วยชีวิต” ชายผมแดงจ้องอันหลินที่กองอยู่บนพื้น นิ้วกลายเป็นกระบี่จะแทงหัวใจของอันหลิน “ตอนนี้ได้เวลาเอาชีวิตเจ้าแล้ว”
มีเลเซอร์สีขาวพุ่งมาประชิดแต่ไกล
ตูม! เลเซอร์ทะลวงหน้าอกของชายผมแดง ทำให้เขากระเด็นออกไป
“พรืด…”
ชายผมแดงถ่มเลือดออกมา หน้าอกถูกเลเซอร์โจมตีจนเป็นแผลเหวอะหวะ
ไฟเวหาของกันดั้มอีกตัวพุ่งมาจากด้านหลัง แผ่คลุมร่างเขาไว้โดยพลัน
เปลวไฟที่ชอนไชทุกซอกทุกมุมกัดกินร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มร้องครวญคราง แม้จะเป็นร่างระดับแปลงจิต ภายใต้การใช้พลังมากเกินไป พลังป้องกันก็ลดลงได้เช่นกัน ไฟเวหาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าสร้างความเสียหายให้เขาเป็นอย่างมาก
เหมือนอันหลินจะเตรียมการไว้นานแล้ว นัยน์ตาขาวโพลน ปีกวายุสีขาวกางออก พุ่งไปประชิดชายผมแดงด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
รวดเร็วนัก! ชายผมแดงเบิกตากว้าง ภัยคุกคามจากความตายแผ่คลุมทั่วร่าง
เขาตอบสนองฉับไว ปล่อยหมัดออกไปตรงหน้าอันหลินตามสัญชาตญาณ
แต่อันหลินตอบสนองไวยิ่งกว่า เขาเบี่ยงศีรษะหลบหมัดของชายผมแดง
ยื่นกระบี่พิชิตมารที่มีสายลมแผ่คลุมจะแทงชายผมแดง ตำแหน่งที่จะแทงไม่ใช่หัวใจ ไม่ใช่ศีรษะ แต่เป็นสะดือของชายผมแดง
ชั่ววินาทีนั้น ชายผมแดงก็รู้ว่าตนประเมินศัตรูต่ำไป
ชายหนุ่มตรงหน้าระเบิดพลังในพริบตา เหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ อันหลินรู้จุดอ่อนที่มีผลต่อชีวิตของเขาชัดเจนแจ่มแจ้ง…
กระบี่สีดำแทงทะลุร่าง ทะลวงสะดือของชายผมแดง
ชายผมแดงขยับเขยื้อนไม่ได้ประหนึ่งถูกพันธนาการ ควันขาวผุดออกมาตามร่างกาย
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไป…” ชายคนนั้นพูดเอื่อยๆ
อันหลินยิ้มบางๆ สะบัดผมเล็กน้อยแล้วพูดว่า “จำไว้ล่ะ เวลาสู้อย่าพูดพล่ามให้มาก ถ้าจะทำเท่ สู้ให้จบแล้วค่อยเก๊ก”
ใบหน้าของชายผมแดงกระตุก ตนชอบวางมาดเวลาต่อสู้ เกี่ยวกับเขาด้วยหรือ
“ที่จริงเจ้าตายไปนานแล้วสินะ” อันหลินโพล่งขึ้นมา
ชายผมแดงสั่นไปทั้งตัว จ้องชายคนตรงหน้าไม่พูดไม่จา
“สัตว์เลี้ยงในกระเป๋าข้าบอก มันบอกเจ้าไม่มีแหล่งพลังชีวิตแล้ว มีชีวิตด้วยการอาศัยประคำปราณอัคคี” อันหลินพูดต่อ
“สัตว์เลี้ยงของเจ้าร้ายกาจจริงๆ…”
ร่างของชายชุดแดงค่อยๆ ละลาย ผิวหนังกลายเป็นหินหนืดสีแดงหยดลงพื้น
อันหลินเห็นเขาเริ่มละลายแล้ว จึงรีบถามทันทีว่า “ผู้เฝ้าสุสานอีกสามคนที่เหลือเป็นเหมือนเจ้าหรือไม่”
“หึ…เจ้าลองเดาสิ” ร่างของชายผมแดงละลายเร็วยิ่งขึ้น แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มแห่งการหลุดพ้น
ผลุบ ร่างกายของเขากลายเป็นหินหนืดร้อนระอุร่วงลงพื้น
อันหลิน “…”
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์วิ่งออกมา พวกมันสูญเสียพลังงานอย่างแสนสาหัส กลับเข้าไปกินหินวิญญาณในแหวนมิติแล้ว
เจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋ก็เดินเข้ามา พวกมันต่างก็บาดเจ็บทั้งคู่ โดยเฉพาะเจ้าอัปลักษณ์ที่ถูกระเบิดจนขนไหม้เกรียม
อันหลินให้ยาบำรุงเลือดลมแก่พวกมัน ยาวิเศษที่เรียกกำลังบำรุงเลือดแบบนี้ เขาเตรียมไว้ไม่น้อยเลย
หลังศึกใหญ่ผ่านไป เขาก็ได้ของรางวัลมาสมดังใจ
ประคำปราณอัคคีบริเวณหัวใจของชายผมแดงกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และส่องแสงสีแดง
สวีเสี่ยวหลานก้าวเข้ามา กำประคำปราณอัคคีแล้วตรวจสอบพลังภายในด้วยความสงสัย
“ช่างเป็นพลังไฟที่เข้มข้นยิ่งนัก แทบจะเทียบเท่าประคำประจำสำนักข้าแล้ว ถึงว่าเป็นศูนย์กลางของนักพรตแปลงจิตขั้นปลาย ยามเจ้าใช้มันต้องระวังตัวหน่อยนะ หากควบคุมไม่ดีจะระเบิดได้…” สวีเสี่ยวหลานยื่นประคำปราณอัคคีให้อันหลินแล้วเอ่ยเตือน
“ระเบิดได้ด้วยหรือ”
ไม่พูดยังดี เมื่อพูดแล้วอันหลินก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที
เขากำประคำปราณอัคคีไว้ พูดด้วยความว้าวุ่นไม่เป็นสุขว่า “เช่นนั้นเจ้าอยู่ห่างข้าหน่อย ถือโอกาสเตรียมวิชารักษาไว้ด้วย…”
“เจ้าจะทำอะไร” สวีเสี่ยวหลานวิตกกังวล
“ตอนนี้ข้าจะดูดพลังไฟของประคำปราณอัคคีให้เกลี้ยง” อันหลินพูดอย่างจริงจัง
สวีเสี่ยวหลานเบิกตากว้าง “ดูดซึมแบบนี้เลยหรือ”
อันหลินพยักหน้า “ทำไมหรือ”
มุมปากของสวีเสี่ยวหลานกระตุก “ข้าจะบอกให้นะ เจ้าเล่นไฟแบบนี้ จะตายได้นะ”
“ข้าคิดว่าข้าเตรียมโลงศพให้เจ้าจะดีกว่า…”