ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 285 เขาชื่ออันหลิน
เมื่อเห็นภารกิจนี้ในระบบแล้ว อันหลินก็นึกดีใจ
ฟ้าฝ่างั้นเหรอ เขาไม่กลัวหรอก!
แต่มีวิชายุทธ์ให้ศึกษา เขาก็เต็มใจจะทำมัน
“ต้องฆ่าจอมปีศาจ…แต่จอมปีศาจถูกเสิ่นอิงผนึกไว้บนเกาะแล้วไม่ใช่หรือ”
“ค่ายกลสังเวยเลือดสิบวิญญาณของพวกเจ้าไม่สำเร็จ มันจะทลายพันธนาการได้หรือ”
อันหลินงุนงงเมื่อเห็นเงื่อนไขในระบบ จากนั้นก็เบนสายตามองปีศาจมังกร เอ่ยถามด้วยความสงสัย
มังกรเพลิงพยักหน้า “การผนึกของเสิ่นอิงยาวนานเหลือเกิน ตอนนี้หละหลวมเปราะบางแล้ว พวกเราใช้ค่ายกลสังเวยเลือดสิบวิญญาณ เพียงเพื่อให้จอมปีศาจฟื้นคืนชีพได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ฟื้นฟูพลังได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แม้จะไม่มีค่ายกล เมื่อดาวหยางบนฟากฟ้าอยู่บนระนาบเดียวกัน อาศัยพลังฟ้าดิน จอมพลังก็สามารถทลายพันธนาการได้เช่นเดียวกัน!”
“สิ่งเดียวที่เราทำได้ในตอนนี้คือ ทำลายค่ายกลสังเวยเลือดสิบวิญญาณให้สิ้นซาก เช่นนั้นเมื่อจอมปีศาจคืนชีพ จะไม่มีต้นกำเนิดของพลัง ร่างกายของมันจะอ่อนแรงอย่างยิ่ง นั่นแหละเวลาที่ดีที่สุดในการเอาชนะมัน”
ตอนนี้มังกรปีศาจลงเรือลำเดียวกับอันหลินแล้ว มันย่อมไม่ปิดบังข้อมูลอื่นๆ
“จอมปีศาจถูกผนึกไว้ที่ใด ฉวยโอกาสจัดการมันในตอนที่ถูกผนึกไม่ได้หรือ” อันหลินพูดอย่างฉงนใจ
เขาจำได้ว่าเสิ่นอิงผนึกมันไว้บนเขาสีม่วงลูกหนึ่ง แต่ตอนนี้ภูเขาลูกนั้นหายไปเสียแล้ว
มังกรปีศาจยิ้มอย่างระอาใจ “จอมปีศาจหลอมรวมกับพสุธาไปพร้อมกับเขาจื่อเหมิง กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกาะไปนานแล้ว ด้วยเพราะเหตุนี้ มันถึงสามารถดูดซึมพลังงานของดาวหยางได้อย่างมหาศาล”
อันหลินกวาดตามองแผ่นดินกว้างใหญ่โดยรอบแล้วนวดขมับ “งั้นก็ช่วยไม่ได้ ปล่อยจอมปีศาจไปไม่ได้ จำต้องรอให้จอมปีศาจทลายพันธนาการแล้วค่อยสังหารมัน”
มังกรปีศาจกล่าวว่า “อีกสามวัน ดาวหยางก็จะมาอยู่บนระนาบเดียวกันแล้ว”
อันหลินพยักหน้า “ได้ งั้นสามวันนี้เราก็เตรียมตัวกันให้พร้อมหน่อย!”
…
ในตอนนั้นเอง ใต้ทะเลลึกแห่งหนึ่งของทะเลบูรพา
มีเมืองแห่งแสงที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ประดุจไข่มุกหนึ่งเดียวท่ามกลางความมืด เปล่งแสงเจิดจ้าประหนึ่งกลางวัน
เมืองแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเมืองมังกร มีประชากรเผ่าพันธุ์มังกรร่วมร้อยล้าน ขณะเดียวกันก็มีสิ่งมีชีวิตจากแต่ละเผ่าพันธุ์ของทะเลบูรพาอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน เป็นเมืองที่เปิดกว้างไม่ปิดกั้น
วังมังกร อิทธิพลอันดับหนึ่งแห่งทะเลบูรพา ตั้งอยู่ที่เมืองมังกรแห่งนี้
หากบอกว่าเมืองมังกรเป็นไข่มุกที่เจิดจ้าที่สุดในทะเลบูรพา เช่นนั้นวังมังกรก็คงเป็นเพชรที่แพรวพราวที่สุดในไข่มุกแห่งนี้
ราชวังของวังมังกรเรียกได้ว่าประณีตงดงาม ทุกหนแห่งล้วนเผยให้เห็นความหรูหรา แม้แต่อิฐบนพื้น ก็ถูกฉลุโดยช่างฝีมืออย่างประณีตบรรจง
นี่คงจะเป็นรสนิยมของเผ่าพันธุ์มังกร พวกมันล้วนมีความชอบนิยมสะสมสมบัติและโอ้อวดสมบัติ
ตอนนี้ เจ้ามังกรแห่งวังกรที่อยู่ในตำหนักหลักกำลังจ้องผู้หญิงที่คุกเข่าบนพื้นด้วยใบหน้าที่โกรธขึ้ง
ขุนนางและเหล่าราชนิกุลแห่งเผ่าพันธุ์มังกรยืนขนาบข้าง ใบหน้าเจือความเสียใจ ไม่เข้าใจ บ้างก็เป็นอากัปกิริยาที่สะใจ
บรรยากาศภายในท้องพระโรงเคร่งเครียดยิ่งนัก บรรยากาศหนักอึ้งจนหายใจไม่ออก
แต่ศูนย์กลางของเรื่อง หญิงสาวสวมชุดสีน้ำเงินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกลับมีสีหน้านิ่งเฉย
เจ้ามังกรจ้องหญิงสาวคนนั้นด้วยท่าทางผิดหวัง “เจ้าเป็นถึงคนที่มีพรสวรรค์ที่สุด เลือดบริสุทธิ์ที่สุดในหมู่หนุ่มสาวแห่งวังมังกร และเป็นอัจฉริยะที่มีความหวังจะเข้าสู่ระดับรวมมรรคามากที่สุดคนหนึ่งด้วย”
“เจ้า…สังเวยเลือดของตัวเอง เพื่อช่วยเผ่าพันธุ์มุกดาในเมืองนั่น เพื่อช่วยนักพรตมนุษย์ที่ประหลาดพวกนั้นงั้นหรือ!”
“สู้ไม่ไหวแล้วหนีไม่เป็นหรือ อย่าว่าแต่เผ่าพันธุ์มุกดาทั้งเมืองนั่นเลย ต่อให้จักรวรรดิมุกดาพินาศสิ้น ก็ไม่ควรค่าจะทำให้เลือดของเจ้าด่างพร้อย!”
“โง่งม! โง่เง่าสิ้นดี!”
ร่างของเจ้ามังกรสั่นระริก ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ไม่คิดเลยว่า ลูกสาวที่เขาตั้งความหวังไว้มากที่สุดจะตัดอนาคตของตัวเอง
แม้จะอยู่ต่อหน้าเบื้องสูงของวังมังกร เขาก็อดด่าทอไม่ได้อยู่ดี
หญิงสาวก้มหน้าน้อยๆ น้ำเสียงเย็นเยือกและเรียบเฉย “นี่เป็นการตัดสินใจที่เป่ยเหลียนยินยอมเอง ผลลัพธ์ทั้งหมด เป่ยเหลียนยินดีรับไว้แต่เพียงผู้เดียว”
“เจ้าจะรับไว้แต่เพียงผู้เดียวหรือ สิ่งที่เจ้าแบกรับเป็นภาระการกอบกู้อนาคตของวังมังกร ข้ามอบต้นทุนบำเพ็ญเพียรที่ดีที่สุดให้เจ้ามาโดยตลอด ตอนนี้เจ้ากลับทำลายอนาคตเสียแล้ว ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร!” เจ้ามังกรจ้องหญิงสาวที่ก้มหน้าเงียบงันตรงหน้า โมโหจนมือเริ่มสั่นเทา
“นับจากนี้ไป เพิกถอนสิทธิ์ตัวแทนแห่งวังมังกรของอ้าวเสี่ยวเชี่ยน ต้นทุนบำเพ็ญเพียรทั้งหมดของนางมอบให้อ้าวคง!” เจ้ามังกรกล่าวอีกครั้ง
“ขอบพระทัยที่เสด็จพ่อทรงเมตตา”
ชายผมสีชาดเดินมายืนข้างเป่ยเหลียน คุกเข่าให้เจ้ามังกรด้วยความซาบซึ้ง
ทุกคนก้มหน้า ไม่มีใครเห็นต่าง เกิดคำตัดสินเช่นนี้ไม่น่าแปลกแต่อย่างใด มองจากเหตุผลบางประการ ธิดามังกรน้อยที่เคยถูกยกย่องเป็นความหวังแห่งวังมังกรและเป็นที่จับจ้องคนนั้นตกอับไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
เผ่าพันธุ์มังกรมีสายเลือดเป็นมรรคา เมื่อเลือดมีมลทิน เกรงว่าการบำเพ็ญเพียรในชีวิตนี้คงไม่อาจก้าวหน้าแล้ว
ซึ่งก็หมายความว่า เป่ยเหลียนตกอับกลายเป็นขยะที่บำเพ็ญเพียรไม่ได้อีกแล้ว ชะตากรรมนับจากนี้สามารถทำนายได้ คงจะกลายเป็นเครื่องมือในการเกี่ยวดองสมรส
เจ้ามังกรระเบิดโทสะกลางท้องพระโรง เป่ยเหลียนกลับนิ่งเฉยราวกับยอมจำนนในโชคชะตา คาดเดาอารมณ์ไม่ได้
เป่ยเหลียนออกจากท้องพระโรง มาถึงริมทะเลสาบเขียวมรกต เด็ดกิ่งไม้อย่างครุ่นคิด
“น้องสิบเอ็ด ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำเรื่องที่โง่งมเช่นนี้” ชายผมแดงเดินเข้ามา ใบหน้ามีแต่ความเสียใจและเสียดาย
เป่ยเหลียนโค้งตัวอย่างแช่มช้อย “พี่เก้า ข้าไม่คิดว่าทำไม่ถูกต้อง”
“เหอะ ข้าว่าแล้วเชียว นิสัยอย่างเจ้า ต่อให้มีพรสวรรค์ก็ไปได้ไม่ไกลแน่ๆ”
“ข้าพูดไม่ผิดหรอกใช่ไหม ตอนนี้อย่าว่าแต่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าเลย เกรงว่าชีวิตนี้คงไปไม่ถึงแปลงจิตขั้นปลายแล้วกระมัง”
ชายผมแดงส่ายหน้า ใบหน้าเริ่มฉายความเย้ยหยัน
เขาไม่อยากจะแสดงละครแล้วด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเป่ยเหลียนบดบังรัศมีของเขา ต้นทุนบำเพ็ญเพียรทั้งหมดของวังมังกรล้วนเอนเอียงไปทางเป่ยเหลียน แต่เขากลับไม่มีใครเคยถามไถ่ เพราะอะไรกัน เพราะสายเลือดพรสวรรค์ของเป่ยเหลียนงั้นหรือ
ตอนนี้เล่า เพื่อช่วยเหลือไข่มุก นักพรตมนุษย์อะไรนั่น แม้แต่เลือดของเป่ยเหลียนก็ด่างพร้อยแล้ว ช่างน่าขันสิ้นดี
“หึๆ…ช่างเป็นน้องสาวที่น่ารักจริงๆ” ชายผมแดงคร้านจะคุยกับคนพรรค์นี้ หัวเราะเบาๆ แล้วจากไป
เป่ยเหลียนไม่พูดอะไร แต่หักกิ่งไม้จากลำต้น ย่อตัวนั่งลงข้างทะเลสาบมรกต หยอกล้อปลาทองก้นทะเลสาบ
ปลาทองเหล่านี้เกาะกันเป็นกลุ่ม เมื่อถูกนางกวนจึงแตกกระเจิงทันที
ปลาทองรวมตัวกันอีกครั้ง
นางเผยอปากเล็กน้อย เป่าจนเกิดริ้วคลื่นบนผิวน้ำ เหล่าปลาทองตกใจว่ายหนีอีกครั้ง
“พี่สิบเอ็ด เมื่อครู่ข้าเห็นชื่ออูหัวเราะผ่านทางนี้ไป เจ้างั่งนั่นไม่ได้ว่าอะไรท่านใช่ไหม”
“เสด็จพ่อทำเกินไปแล้วจริงๆ ด่าท่านต่อหน้าคนมากมายปานนั้น ไม่ให้แม้แต่ต้นทุนบำเพ็ญเพียร ยังใช่ลูกในไส้อยู่หรือไม่!”
หญิงชุดขาวที่มีรูปโฉมงดงามคนหนึ่งเดินมาหาเป่ยเหลียน พูดฉอดๆ ด้วยความโมโห
เป่ยเหลียนส่ายหน้าเบาๆ “เสด็จพ่อทำเช่นนี้ข้าเข้าใจ เขาฝากความหวังไว้ที่ลูกๆ หวังว่าวังมังกรจะมีมังกรรวมมรรคา อาศัยสิ่งนี้กลายเป็นอิทธิพลชั้นหนึ่งแห่งแผ่นดินบรรพกาลในพริบตา”
หยินอวี่เบะปาก พูดอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ เพื่อความฝันที่จะได้ปกครองทะเลบูรพาและร้อยเผ่าพันธุ์ แทบจะกลายเป็นการขยายพันธุ์มังกรแล้ว หาเมียมากมาย คลอดลูกเป็นก่ายเป็นกอง ปฏิบัติกับครอบครัวด้วยการแบ่งว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ข้าได้ยินเจ้าพิธีพูดว่า เจ้ามังกรคิดจะยกเจ้าให้กับเซี่ยเจ๋อ ฉวยโอกาสดึงเขามาเป็นพวก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…”
มือของเป่ยเหลียนสั่นเทา กิ่งไม้ตกลงผิวทะเลสาบ ทำเอาปลาทองทั้งบึงตกใจหนี
หยินอวี่มองเป่ยเหลียนด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เซี่ยเจ๋อเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์วังมังกร หลงรักเป่ยเหลียนนานแล้ว ตอนนั้นเป่ยเหลียนเป็นธิดามังกรน้อย ฐานะสูงศักดิ์อย่างยิ่ง ปฏิเสธเซี่ยเจ๋อเมื่อสองปีก่อนต่อหน้าธารกำนัล ก็ไม่มีผู้ใดว่าอะไร
แต่ตอนนี้ฐานะของเป่ยเหลียนตกฮวบลงมา เจ้ามังกรตัดสินใจจะจัดพิธีสมรสให้เช่นนี้ ต่อให้เป็นหยินอวี่ก็รู้สึกเสียใจอยู่มากเช่นกัน
ต้องรู้ว่าพี่เป่ยเหลียนไม่มีแม่แล้ว หมดสิ้นหนทางบำเพ็ญเพียร ตอนนี้แม้แต่ความสุขสุดท้ายก็จะถูกพรากไปแล้วหรือ…
เป่ยเหลียนตื่นจากภวังค์ ดวงตาฉายความอ้างว้างที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก
นางเปลี่ยนประเด็นว่า “จริงสิ ไยเมื่อครู่เจ้าถึงเรียกชื่ออูว่า ‘เจ้างั่ง’ ล่ะ เมื่อก่อนเจ้ากับเขาสนิทกันมากไม่ใช่หรือ”
หยินอวี่ได้ฟังก็ชะงักไปเล็กน้อย นางนึกถึงเรื่องที่นางกับชื่ออูเลือกที่จะเงียบด้วยกันทั้งคู่
นางไม่พูดเพื่อปกป้องชายคนนั้น ชื่ออูไม่พูดเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
หยินอวี่คิดๆ ดูแล้วก็คิดว่าควรบอกเป่ยเหลียนดีกว่า “ข้าแอบบอกอะไรสักอย่างกับท่าน ท่านห้ามบอกใครเด็ดขาดนะ ในสนามรบบรรพกาลของวังมังกร ข้าหลงเข้าไปในแดนหมื่นผี เพราะชื่ออูกลัวอันตราย ทิ้งข้าไว้กับพวกภูตผี ส่วนตัวเองก็หนีไป หากไม่มีนักพรตมนุษย์คนหนึ่งมาช่วยข้า เกรงว่าข้าคงตายอยู่ที่นั่นแล้ว”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ แล้ว…นักพรตที่ช่วยเจ้าไว้เป็นใคร นี่มันหนี้ชีวิตเชียวนะ เจ้าปล่อยเขาไปทั้งอย่างนั้นหรือ” เป่ยเหลียนพูดพลางแค่นยิ้ม
หยินอวี่นึกถึงความเลวร้ายของนักพรตคนนั้น ก็พลันแน่นหน้าอกขึ้นมา
“เอ่อ เขาชื่ออันหลิน จะมาหาข้าที่วังมังกร ถึงตอนนั้นท่านก็จะได้เจอเขา”
“เขา…ชื่ออันหลินหรือ”
เป่ยเหลียนชะงัก น้ำเสียงที่เรียบเฉยเจือความสั่นเครือ