ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 292 คุยโวโอ้อวด
นี่เป็นช่วงปิดเทอมที่เต็มอิ่ม อันหลินได้สัมผัสความหลากหลายของโลกอีกครั้ง
ดูสิธิดามังกรงดงามเพียงใด
องค์หญิงหยินอวี่งดงามปานใด
ฉีฉีงดงามแค่ไหน
โลกยังคงสวยงามอยู่ดี!
อันหลินขี่ต้าไป๋ ร้องเพลง กลับสำนักด้วยความเริงร่า
รั้วสำนักอันคุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และผู้คนที่มักคุ้น
ในเขตวารินมรกตของชั้นปีที่สาม คนผิวดำคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา
“นี่! อันหลิน ไม่พบกันนานเลยนะ!” ชายที่มีผิวดำดุจถ่าน ริมฝีปากแดงก่ำ มีเพียงดวงตาที่เป็นสีขาวเดินมา ทักทายอย่างเป็นมิตร
มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ เพ่งมองชายคนตรงหน้าอยู่นานกว่าจะพ่นออกมาว่า “หลิวต้าเป๋า เจ้าไปตากแดดอีกแล้วหรือ!”
หลิวต้าเป๋าได้ฟังก็ตื่นเต้น ปรี่เข้ามากุมมือแล้วพูดว่า “อันหลิน เจ้าเป็นคนแรกที่จำข้าได้ หลังจากที่ข้าทักทายมาหลายครั้งหลายคราแล้ว!”
“อืม…อันที่จริงข้าจำเสียงได้น่ะ” อันหลินพูดอย่างจริงจัง
หลิวต้าเป๋า “…”
นี่เป็นความในใจของอันหลิน ตอนนี้หลิวต้าเป๋าดำชนิดที่แยกเครื่องหน้าไม่ออกแล้ว
มองหน้าแล้วจะจำได้งั้นเหรอ ล้อกันเล่นหรือไง!
ไม่รู้ว่าได้รับการกระทบกระเทือนมากี่ครั้งแล้ว ครู่เดียวหลิวต้าเป๋าก็สงบจิตสงบใจลง ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม “อย่าเห็นว่าข้าดำ การทุ่มเทก็ได้รับการตอบแทนเหมือนกัน ข้าไปดูดซึมพลังแห่งตะวันที่เกาะพระอาทิตย์ตอนปิดเทอม ตอนนี้วิชาสุริยันประสบผลสำเร็จในขั้นต้นแล้ว! แม้แต่พลังยุทธ์ก็บรรลุถึงกายแห่งมรรคขั้นแปดแล้ว!”
หลิวต้าไป๋ใช้เวลาสองปีในการเลื่อนจากกายแห่งมรรคขั้นสี่ถึงขั้นแปด คำนวณจากความเร็ว นับว่าน่าตะลึงมากแล้ว
“ยินดีด้วยนะ!” อันหลินยินดีกับหลิวต้าไป๋ด้วยใจจริง จากนั้นกล่าวว่า “ปิดเทอมเจ้าก็ไปทะเลบูรพาเหมือนกันหรือ บังเอิญจัง ปิดเทอมข้าก็ไปเที่ยวทะเลบูรพาเหมือนกัน”
หลิวต้าเป๋าตาลุกวาว “ไปทำอะไรล่ะ เจอนางเงือกที่ลึกลับหรือไม่ หรือเจอสมุทรเทพผู้สูงส่งนั่นไหม ได้ไปจักรวรรดิไอมายาหรือจักรวรรดิสุ่ยหยางแห่งร้อยเผ่าพันธุ์หรือไม่ หญิงที่นั่นงามยิ่งนัก!”
“เอ่อ…” อันหลินทำหน้ากระอักกระอ่วน
ที่แท้สถานที่น่าท่องเที่ยวของทะเลบูรพาคือพวกนี้เหรอ เขาไม่เคยไปเลยสักที่!
“ข้าไปเที่ยวที่จักรวรรดิมุกดากับหมู่เกาะรอบข้างเป็นหลักน่ะ” อันหลินตอบตามความจริง
“รอบๆ จักรวรรดิมุกดาหรือ ตรงนั้นใกล้กับแดนเจ็ดภูตผีมากนะ มีเจ็ดจักรพรรดิปีศาจที่มีชื่อฉาวโฉ่ทั่วทะเลบูรพา ไปที่นั่นไม่ค่อยปลอดภัยเท่าใดนัก อาจเจอปัญหาได้” หลิวต้าเป๋าพูดเสียงเข้มเมื่อได้ฟัง
อันหลินพยักหน้าบ่นกระปอดกระแปดว่า “นั่นน่ะสิ ปัญหาเยอะทีเดียว ฆ่าจักรพรรดิปีศาจหกตัวอย่างยากลำบาก มีจอมปีศาจโผล่มาอีกตน ปัญหามีไม่หยุดหย่อนจริงๆ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว”
เมื่อหลิวต้าไป๋ได้ยินประโยคนี้ ก็เกือบจะหายใจไม่ออก “คุณพระ! จักรพรรดิปีศาจทั้งเจ็ด เจ้าฆ่าไปหกงั้นหรือ!”
“ก็ใช่น่ะสิ มีอีกตัวสวามิภักดิ์แด่ข้า แต่สุดท้ายมันก็พลีชีพอย่างอาจหาญในศึกที่สู้กับจอมปีศาจ!” ใบหน้าของอันหลินเจือความเสียใจ ส่ายหน้าเบาๆ
หลิวต้าเป๋านิ่งงัน
ฆ่าจักรพรรดิปีศาจไปหกตน แถมยังมีอีกตนยอมสวามิภักดิ์ ซ้ำยังต่อสู้กับจอมปีศาจที่แค่ได้ยินชื่อก็สุดยอดแล้วนั่นด้วยหรือ
บัดซบ! นี่มันปิดเทอมอะไรกันแน่! แดนเจ็ดภูตผีถูกเจ้ากวาดล้างเป็นหน้ากลองแล้ว!
หลิวต้าเป๋าจ้องอันหลิน มุมปากกระตุกยิกๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ช่วงปิดเทอมของทั้งสองแตกต่างกันมากเหลือเกิน ในขณะที่เขาเป็นปลาเค็มตากแดด อันหลินก็ไปปกป้องพิทักษ์โลกแล้ว
“สหายอันหลินใจพะวงแผ่นดินจริงๆ ช่วงปิดเทอมก็ยังไม่ลืมขจัดความชั่วร้าย…” หลิวต้าเป๋าอัดอั้นอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเค้นคำนี้ออกมาได้
“แหะๆ เรื่องเล็กน้อย ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง” อันหลินยิ้มน้อยๆ โบกมืออย่างถ่อมตัว
หลิวต้าเป๋าจะกระอักเลือดแล้ว ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเจ้าจะพูดออกมาทำไมเล่า! ไยต้องทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องเช่นนี้ด้วย จงใจแน่ๆ!
“ต้าเป๋า ข้าไม่ได้โม้นะ ข้าไปทะเลบูรพาครั้งนี้ไม่ใช่แค่ไปรบกับปีศาจทะเลทั้งหลายแหล่เท่านั้นนะ ได้เจอสาวสวยด้วย! ธิดามังกรน้อยเจ้ารู้จักไหม องค์หญิงหยินอวี่แห่งวังมังกรล่ะรู้จักหรือไม่ ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร ข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังช้าๆ…”
ใบหน้าดำเมี่ยมของหลิวต้าเป๋าดำยิ่งกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เป็นวันที่แสงแดดสดใส ไยเขาถึงรู้สึกอัดอัดใจกันน่ะ นั่งฟังอันหลินคุยโวโอ้อวดอยู่ครึ่งค่อนวัน
พออันหลินโม้จนหนำใจแล้ว ก็บอกลาหลิวต้าเป๋า มุ่งหน้าไปที่หอพักของตน
ไม่คิดว่าเดินไปได้ครู่เดียว ก็มีชายหนุ่มรูปงามที่สง่างาม สวมชุดขาวพลิ้วไหวเดินสวนมา
ใบหน้าของชายหนุ่มมีรอยยิ้มเสมือนอาบสายลมวสันต์ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดี
“สหายอันหลิน! ไม่พบกันนานเลยนะ!” เสียงอ่อนโยนดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม
“ฮ่าๆ พี่เฉิง ยินดีด้วยที่เจ้าบำเพ็ญเพียรสำเร็จแล้ว!” อันหลินก็ทักทายอย่างเบิกบานใจเช่นกัน
พี่เฉิงปรากฏตัวตรงหน้าเขาในตอนนี้ เท่ากับว่าพี่เฉิงบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!
เซวียนหยวนเฉิงหัวเราะ ส่ายหน้าพูดว่า “เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ายินดีหรอก ข้าเบื่อหน่ายกับการบำเพ็ญเพียรแล้ว จึงได้ตัดสินใจกระตุ้นตัวเอง เพียรพยายามตามฝีเท้าพวกเขาให้ทัน”
จากนั้นเขาก็พูดให้กำลังใจว่า “อันหลินเจ้าพยายามอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางแล้ว”
อันหลินเกาหัว “คือว่า…ที่จริงข้าเพิ่งบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางไปเมื่อช่วงปิดเทอมนี่เอง”
เซวียนหยวนเฉิงได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นพูดอย่างประหลาดใจว่า “สหายอันหลินยอดเยี่ยมจริงๆ! เชื่อว่าขั้นปลายก็คงอีกไม่นานแล้ว!”
“อืม…ความจริงตอนนี้ข้าก็อยู่ในขั้นปลายแล้ว” อันหลินยิ้มอย่างกระดากอาย
เซวียนหยวนเฉิงนิ่งอึ้ง “ฮะ”
“คือว่า ข้าพบเจอเรื่องมหัศจรรย์ช่วงปิดเทอม จึงบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว” อันหลินอธิบายอย่างตั้งใจ
ใบหน้าของเซวียนหยวนเฉิงกระตุก สูดหายใจเข้าดังเฮือก
บัดซบ! เรื่องมหัศจรรย์แบบไหนทำให้คนทะลวงขั้นได้ในระยะเวลาไม่ถึงเดือนกัน!
เขาพยายามแทบล้มประดาตายเก็บตัวบำเพ็ญเพียรตลอดทั้งปิดเทอม กว่าจะเลื่อนจากหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางมาขั้นปลายได้ อันหลินกลับใช้เวลาเพียงปิดเทอมเดียว เลื่อนจากหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้นไปขั้นปลายแล้วงั้นหรือ
ทุกคนล้วนเข้าเรียนด้วยจดหมายแนะนำของผู้เที่ยงแท้ ไยจึงต่างราวฟ้ากับเหวเช่นนี้
ต่อมาเซวียนหยวนเฉิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้โดยพลัน เขาเข้าเรียนด้วยระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้น เพียรพยายามอยู่สองปีกว่าจะบรรลุถึงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย ส่วนอันหลินเข้าเรียนด้วยระดับกายแห่งมรรคขั้นศูนย์ เพียรพยายามอยู่สองปีในที่สุดก็บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย…
เซวียนหยวนเฉิงตกอยู่ในความเงียบ
เขาเพิ่งรู้สึกครั้งแรกว่าพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเซียนของตนเป็นแค่ก้อนขี้หมา ไยต้องภาคภูมิใจ ไยต้องคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะด้วย ไยบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้วต้องดีใจขนาดนี้ด้วย…
“พี่เฉิง ทำไมตาแดงเสียล่ะ!” อันหลินสะดุ้งโหยง
“เอ๊ะ จริงหรือ สงสัยลมแรงไปหน่อย ทรายเข้าตากระมัง” เซวียนหยวนเฉิงขยี้ตา
อันหลิน “…”
ข้ออ้างเชยๆ แบบนี้ คนในแดนมนุษย์ใช้กันเกลื่อนแล้ว!
จากนั้นเซวียนหยวนเฉิงก็ตาเป็นประกายราวกับปลงตกแล้ว ความเศร้าและการโทษตัวเองหายเป็นปลิดทิ้ง
นั่นสิ! ไยข้าต้องเปรียบเทียบกับคนวิปริตแบบนี้ด้วย อันหลินเป็นพวกวิปริตที่สังหารยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าได้ตั้งแต่ระดับกายแห่งมรรค เทียบกับคนแบบนี้มันเป็นการสร้างความทุกข์ให้ตัวเองไม่ใช่หรือ
เซวียนหยวนเฉิงปล่อยวางแล้ว ยิ้มหวานละมุนให้อันหลิน ตบไหล่เขาปุๆ “ยินดีด้วยนะสหายอันหลิน พลังยุทธ์เพิ่มพูน!”
อันหลินตกใจกับความแปรปรวนของเซวียนหยวนเฉิงอย่างมาก คิดในใจว่าทำไมพี่เฉิงปรวนแปรขนาดนี้แล้ว แต่เขาก็ยังโม้ประสบการณ์ท่องทะเลบูรพาให้พี่เฉิงฟังอย่างเบิกบานใจอยู่ดี
ทว่า สิ่งที่ทำให้อันหลินสงสัยก็คือ ไม่ว่าเขาจะเล่าว่าสังหารปีศาจทะเล หรือระเบิดจอมปีศาจ ปฏิกิริยาของพี่เฉิงก็ล้วนแต่นิ่งเฉย ไม่แสดงสีหน้าตกใจอะไรเลย ทำท่าเหมือนมันควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
อันหลินผิดหวัง
ให้ตายสิ นี่มันเป็นวีรกรรมที่รุ่งโรจน์ของเขาเชียวนะ พี่เฉิงนายช่วยแสดงอาการตกใจหน่อยได้ไหมเล่า!
ชมว่า ‘สหายอันหลินแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ’ ก็ได้นี่นา!
สุดท้ายอันหลินก็บอกลาเซวียนหยวนเฉิงอย่างห่อเหี่ยว โม้ให้พี่เฉิงฟังไม่มีความหมาย