ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 296 กลับโลกอีกครั้ง
จู่ๆ อารามหลังเล็กที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาก็สาดแสงสีขาวสว่างไสวโดยพลัน
นักพรตสองคนยืนอยู่ข้างค่ายกลด้วยอากัปกิริยาที่นอบน้อม
หลังแสงสีขาวมอดดับ นักพรตแปดคนเริ่มปรากฏกายบนผืนแผ่นดินนี้
นักพรตที่นำหน้าคนหนึ่งขี่สุนัขสีขาวตัวเขื่องด้วย กลิ่นอายทรงพลัง ดูน่าเกรงขาม
“ข้าน้อยหลี่ฉ่างเซิง”
“ข้าน้อยหลี่อวี้”
“ยินดีต้อนรับท่านทูตเซียนมาเยือนแดนมนุษย์!”
เมื่อนักพรตทั้งสองได้พบทั้งแปดคน ก็โค้งคำนับอย่างพินอบพิเทาทันที
อันหลินที่ขี่ต้าไป๋สูดอากาศที่คุ้นเคยอย่างสบายอุรา พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ต้องมากพิธีหรอก พวกคุณไปทำธุระของตัวเองเถอะ เรื่องอื่นเดี๋ยวผมจัดการเอง”
นักพรตทั้งสองผละออกไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขารู้เพียงว่าจะมีทูตเซียนมาที่นี่ แต่มาทำอะไรนั้น พวกเขายังไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้
“นี่น่ะหรือแดนมนุษย์ พลังปราณฟ้าดินเบาบางไปหน่อยจริงๆ ด้วย แต่ไม่นับว่าแตกต่างกันมาก” หูก้วนมาแดนมนุษย์ครั้งแรก รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งอย่างบนโลก
ในตอนนั้นเอง มีเพียงสองคนที่รีบร้อนล้วงมือถือออกมา
คนหนึ่งคืออันหลิน อีกคนคือหลิวเชียนฮ่วน
อันหลินเปิดแผนที่นำทาง “อืม ตอนนี้เราอยู่ในอำเภอห่างไกลแห่งหนึ่งของมณฑลกว้า ห่างจากสระสวรรค์คนละโยชน์เลย”
หลิวเชียนฮ่วนกะพริบดวงตาสีม่วงสุกใส พูดอย่างตกใจว่า “คุณพระ มีฮีโร่เพิ่มมาอีกสิบตัวเลยหรือ ข้ารู้สึกเหมือนถูกยุคสมัยทอดทิ้ง!”
“สามปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้สหายเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” ชายหนุ่มที่มีบุคลิกสุขุมลุ่มลึกคนหนึ่งก็พูดอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน
เขาคือถังซีเหมินจากชั้นปีที่สี่ หวนคิดถึงครั้งแรกที่มาเยือนแดนมนุษย์ มันตั้งแต่สมัยปีหนึ่งแล้ว ครานั้นได้รู้จักเพื่อนๆ ในแดนมนุษย์เหมือนกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเหมิน อันหลินก็นึกขึ้นได้เช่นกัน จึงเปิดวีแชทในมือถือไม่ได้ใช้มาเนิ่นนาน เข้าสู่กลุ่มนักพรตทั่วโลกร่วมมือกันพิทักษ์โลก
ส่วนใหญ่จะเป็นรายชื่อที่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนว่าจำนวนคนในกลุ่มจะเพิ่มขึ้นสิบกว่าคน น่าจะเป็นสมาชิกใหม่ในสองปีนี้
ตอนนี้มีคนกำลังร้องขอความช่วยเหลือ
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘คนของลัทธิกาฬเวทซ่อนตัวในเขาเบญจรงค์กันหมดแล้ว ค่ายกลพิทักษขุนเขาแข็งแกร่งเกินไป พวกเราทลายไม่ได้’
เทียนหลิงหลิง ‘จะบ้าตาย ในกลุ่มจะมีคนมาช่วยหรือเปล่าเนี่ย ไอ้งั่งพวกนั้นมนุษย์กู่นับร้อยตัว ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี จะปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด!’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาที่แม้แต่เซียนกระบี่ชิงเหอยังทำลายไม่ได้ พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้นี่นา คงจะต้องเชิญเจ้าสำนักทั้งสี่ออกโรง’
จินอวี่จื่อ “ฉันจะลองถามดู”
อันหลินอ่านถึงตรงนี้ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏให้เห็น นี่มันบีบคั้นให้เราโอ้อวดต่อหน้าสาธารณชนชัดๆ!
บัญชีที่เงียบงันไปร่วมสองปีก็พลันโผล่หัวออกมาด้วยเหตุนี้เอง
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘เถียนหลิงหลิง ส่งพิกัดของเธอมา ฉันจะไปช่วยเธอเอง’
กลุ่มนักพรตที่พูดคุยกันอย่างดุเดือดเมื่อครู่เงียบลงทันควัน
สิบกว่าวินาทีต่อมา
เทียนหลิงหลิง ‘คุณพระ!’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘คุณพระ!’
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘คุณพระ!’
เซียนหญิงหยวนจื่อต้าน ‘คุณพระ! เกิดอะไรขึ้น’
เซียนหญิงจิ้งซิน ‘ฉันตาลายไปหรือเปล่า’
จินอวี้จื่อ ‘โผล่มาแล้วเหรอ’
ผู้พิทักษ์โลก ‘ถูกแฮคบัญชีหรือเปล่า’
…
กลุ่มนักพรตแตกฮือในพริบตา นักพรตนับไม่ถ้วนที่ซ่อนตัวโผล่หัวออกมาแล้ว ราวกับตกใจกันถ้วนหน้า
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘…’
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘ฉันเพิ่งจากไปสองปี ทุกคนเว่อร์ไปหรือเปล่า’
เทียนหลิงหลิงตื่นเต้นอย่างยิ่ง ‘อ๊าก…นักพรตจอมปลอม! นายจริงๆ เหรอ ฉันจะส่งพิกัดให้เดี๋ยวนี้เลย!’
ไม่นานพิกัดก็ปรากฏให้เห็นในกลุ่ม
นักพรตมู่หนิว ‘สหายอันหลินมั่นใจไหมว่าจะทำลายค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา มันเป็นถึงค่ายกลที่แม้แต่เซียนกระบี่ชิงเหอที่อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางยังทำลายไม่ได้เลยนะ’
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา’
ผู้พิทักษ์โลก ‘มู่หนิว คนแก่อย่างนายลืมสงครามในทิเบตไปแล้วเหรอ’
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘ฮ่าๆ ในที่สุดเจ้าแห่งพิษก็จะสำแดงเดชแล้ว!’
ในตอนนั้นเอง ก็มีนักพรตมากมายในกลุ่มเริ่มประจบอันหลิน เพราะศึกในวันนั้นเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินจริงๆ เป็นสงครามใหญ่ที่นักพรตมากเหลือคณานับยกให้เป็นตำนาน
พญางูขาว ‘เอ่อ รุ่นพี่ทุกคน รุ่นพี่นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอันที่พี่ๆ พูดถึงเป็นใครเหรอ’
น้องใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งเข้ากลุ่มได้ไม่นานเห็นว่ากลุ่มฮือฮาขึ้นมาอย่างไม่ปี่มีขลุ่ย มิหนำซ้ำสาเหตุก็เป็นเพราะสหายที่ไม่เคยพูดอะไรมาก่อนเลย จึงอดสงสัยไม่ได้
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘ฮ่าๆ งูน้อยเพิ่งเข้ากลุ่ม ไม่รู้ว่ามีเทพซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มของพวกเรา ฉันจะเล่าวีรกรรมของเขาให้ฟังเอง’
ไม่นานวีรกรรมเรื่องแล้วเรื่องเล่าก็ถูกบอกเล่าโดยเทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ พญางูขาวน้องใหม่ในกลุ่มตะลึงงันกับวีรกรรมของนักพรตจอมปลอมอย่างสิ้นเชิง
พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หลังอันหลินได้พิกัดจากเถียนหลิงหลิง ก็สั่งให้ทีมของเขาไปบริหารร่างกาย
อันหลิน “ไป ข้าจะพาทุกคนไปเจอนักพรตนอกรีตของแดนมนุษย์หน่อย!”
ถังซีเหมิน “ฮ่าๆ ๆ อยากบริหารร่างกายตั้งนานแล้ว หวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
หลิวเชียนฮ่วน “มีธุระก็รีบจัดการ ข้ายังต้องไปเล่นอินเตอร์เน็ตที่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่อีก!”
เหยาหมิงซีกับหูก้วน “พี่อันชี้ตรงไหน ข้าก็ตีตรงนั้น!”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นหน้าแดงเรื่อ พูดอย่างหวั่นวิตกว่า “สหายอันหลิน อีก…อีกเดี๋ยวข้าไม่ขอคุยกับใครนะ”
สวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงเป็นคนเก่าคนแก่แล้ว ย่อมไม่คัดค้าน
ทั้งเจ็ดคนจึงกระวีกระวาดไปยังเขาเบญจรงค์ภายใต้การนำของอันหลิน
เขาเบญจรงค์เป็นภูเขาชื่อดังในมณฑลกว้า ห่างจากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่สองร้อยกว่ากิโลเมตร
สองร้อยกิโลเมตรฟังดูค่อนข้างไกลทีเดียว แต่สำหรับนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว สามารถไปถึงในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
อันหลินที่ขี่ต้าไป๋เปิดมือถือแล้วเข้ากลุ่มนักพรตอีกครั้ง
พบว่ามีคำขอร่วมเป็นเพื่อนจาก ‘พญางูขาว’ แนบข้อความมาว่า ‘รุ่นพี่เจ้าแห่งพิษ พี่หล่อจังเลย ฉันนับถือพี่กริ๊ดดดดดด’
อันหลินเมินข้อความฉบับนี้เงียบๆ แค่มองก็รู้ว่าเป็นแฟนคลับเสียสติ เขาไม่มีทางรับเป็นเพื่อนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงจะถูกก่อกวนทั้งวันแน่
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘เถียนหลิงหลิง ฉันจะถึงในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า!’
เทียนหลิงหลิงตอบทันควันว่า ‘ได้ พวกเรากำลังล้อมค่ายกลอยู่ แต่เหมือนว่าลัทธิกาฬเวทจะเรียกกำลังเสริมเหมือนกัน พวกนายไวๆ หน่อยนะ ไม่อย่างนั้นถ้ากองหนุนของลัทธิกาฬเวทมาต้องแย่แน่’
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘ไม่มีปัญหา รอให้กองทัพของฉันไปถึง ทำลายล้างทุกอย่างแน่!’
เทียนหลิงหลิงส่งสติ๊กเกอร์ ‘ดูถูก’ มาแล้วไม่ตอบอะไรอีกเลย
เขาเบญจรงค์ มณฑลกว้า มีบาเรียที่ก่อตัวจากหมอกห้าสีปกคลุมทั่วขุนเขา
ชายที่สวมชุดสีเขียวพลิ้วไหวสะพายกระบี่กำลังยืนตระหง่าน จ้องค่ายกลที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หญิงผมสั้นสีมารูนวางมือถือลง หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดว่า “สหายของแต่ละด่านจงฟัง กำลังเสริมของลัทธิกาฬเวทอาจจะกำลังเดินทางมา หากมีอะไรให้รีบรายงานทันที”
“โธ่ พี่หลิงหลิง กำลังเสริมที่พี่ว่าไม่มีปัญหาจริงๆ เหรอ พวกเราเดิมพันด้วยชีวิตแล้วนะ” เสียงน่าฟังของผู้หญิงดังมาจากวิทยุสื่อสาร
เถียนหลิงหลิงเบะปากน้อยๆ “เขาน่ะน่าจะพอมีปัญญาอยู่ แถมยังระเบิดพลังได้เป็นครั้งคราวด้วย ถ้าเป็นสภาพปกติ เก่งกว่าฉันนิดหน่อยละมั้ง”
“ว้าว! งั้นฉันก็วางใจแล้ว!” หญิงสาวปลายสายถอนหายใจ นิสัยที่ทะนงตนอย่างเถียนหลิงหลิง ถ้าบอกว่าเก่งกว่านิดหน่อย แสดงว่าเก่งกว่าเยอะแน่นอน
ขณะเดียวกัน ภายในเขาเบญจรงค์ นักพรตที่สวมชุดมีสีสันสิบกว่าชีวิตกำลังจ้องบุรุษตรงใจกลางด้วยความหวั่นวิตก นั่นคือเจี่ยงเผิง ประมุขลัทธิกาฬเวทของพวกเขา
“ท่านประมุข อีกนานแค่ไหนกว่าคนของลัทธิเพลิงพิษจะมาถึง” ชายชราคนหนึ่งอดถามไม่ได้
เจี่ยงเผิงแสยะยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ลัทธิเพลิงพิษอยู่ละแวกนี้นี่แหละ อย่างมากสิบนาทีก็ถึงแล้ว ถึงตอนนั้นเราบุกออกไปในอึดใจเดียว โจมตีขนาบสองข้าง สังหารนักพรตที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพวกนั้นให้เหี้ยน!”
เหล่านั้นพรตได้ฟังก็ฮึกเหิม พวกเขาถูกนักพรตมนุษย์นอกภูเขาไล่กวดจนอึดอัดเต็มทนแล้ว สำคัญที่เซียนกระบี่ชิงเหอแข็งแกร่งเกินไป เจี่ยงเผิงต้านทานเพียงลำพังไม่ไหว จึงร่นถอยไม่หยุด
แต่หากลัทธิเพลิงพิษมาถึง สถานการณ์จะไม่เหมือนเดิม ประมุขแห่งลัทธิเพลิงพิษก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเช่นกัน ทั้งสองร่วมมือกัน อาจจะจัดการนักพรตพวกนี้ได้
เพียงครู่เดียว ดวงตาของเจี่ยงเผิงก็เปล่งประกาย
ไกลออกไป ร่างที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟหมอกพิษก็พุ่งทะยานมา มีนักพรตที่สวมชุดสีแดง กลิ่นอายยิ่งใหญ่อีกสิบกว่าชีวิตตามมาด้านหลัง
“ฮ่าๆ ๆ คนจากลัทธิเพลิงพิษมาแล้ว! พวกเราบุก ฆ่านักพรตเหล่านั้นให้ดับดิ้น!” เจี่ยงเผิงโบกมือตะโกนก้อง นักพรตรอบทิศมีขวัญและกำลังใจ พากันโห่ร้อง
เถียนหลิงหลิงกับเซียนกระบี่ชิงเหอก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามด้านหลัง ต่างก็หน้าถอดสี
“แย่แล้ว ไม่คิดเลยว่ากำลังเสริมของลัทธิกาฬเวทจะถึงก่อน พวกเขาจะปิดล้อมพวกเรา!” เถียนหลิงหลิงหยิบยันต์หลายแผ่นออกมา ใบหน้าฉายความเจ็บแค้น เตรียมจะสู้ตายแล้ว
ทว่าในตอนนั้นเอง เกลียวเมฆบนฟากฟ้าก็เคลื่อนไหว
สุนัขสีขาวตัวเขื่องทะยานลงจากฟ้า แรงดันลมมหาศาลทับนักพรตสิบกว่าชีวิตบนผิวดินจนแบนราบ
“ใครน่ะ!”
ร่างที่ถูกเปลวไฟหมอกพิษปกคลุมเพียงหนึ่งเดียวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วร้องเสียงหลง
ทว่าสิ่งที่เขาต้องเผชิญ กลับเป็นลำแสงสีดำเส้นหนึ่ง
เสี้ยววินาทีต่อมา อันหลินก็ปรากฏตัวด้านหลังเขา สะบัดกระบี่แล้วเก็บอย่างสง่างาม
เลือดสาดกระจาย ประมุขลัทธิเพลิงพิษเบิกตากว้าง ล้มลงอย่างไร้สุ้มเสียง
“แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี จัดการก่อนแล้วค่อยว่ากัน” อันหลินส่ายหน้า จากนั้นก็มองหญิงผมสั้นสีมารูนที่อยู่ไม่ไกล โบกมือทักทาย “ฮาย โลลิเถียน ถือว่าฉันมาทันใช่ไหม”
เถียนหลิงหลิงเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความอึ้ง
ลัทธิเพลิงพิษ หนึ่งในลัทธิใหญ่แห่งซีหนาน ถูกฆ่ายกกลุ่มในอึดใจเดียวงั้นเหรอ
ประขุมผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณถูกอันหลินฆ่าด้วยกระบี่งั้นเหรอ
หญิงสาวสบถออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“คุณพระ! นักพรตจอมปลอมทำไมนายเก่งขนาดนี้!”