ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 30 ทะลวงขั้นแล้ว!
เมื่อเจอกับหมัดแสงทองระลอกสอง จางเฉินไม่มีโล่กำบังแล้ว ทำอย่างไรดี
กำปั้นสีทองที่มีอานุภาพน่ากลัวแฝงเร้นอยู่ ความเร็วยิ่งยวด มาถึงตรงหน้าเขาในเสี้ยววินาที
จางเฉินชักกระบี่ข้างเอวออกมา ใช้เพลงกระบี่เปลวอัคคี ลูกไฟอุณหภูมิสูงรายล้อมกระบี่ พุ่งไปหาหมัดสีทองพร้อมกับอานุภาพที่รุนแรงยิ่งนัก
ตูม!
กระบี่เปลวอัคคีกับหมัดสีทองชนกัน พลังงานน่ากลัวระเบิด
การม้วนตัวไปทั่วของเปลวไฟทำให้แผ่นดินห้าจั้งไหม้เกรียมในพริบตา ซ้ำร้ายพลังของหมัดสีทองยังทำให้ผืนพสุธาแตกร้าว ทำให้แผ่นดินทรุดลงไป
จางเฉินที่อยู่ตรงศูนย์กลางของระเบิด กำบังหมัดสะเทือนขุนเขาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว
คลื่นพลังของระเบิดพุ่งชนร่างกายของเขา ทำให้เขาถอยหลังกรูด
บาดแผลของเขาถูกฉีกจนเหวอะหวะในตอนนั้นทันที เลือดเริ่มไหลไม่หยุด
จางเฉินไม่คิดเลยว่า เขาจะถูกอันหลินบีบคั้นจนถึงขั้นนี้
มองจากลมปราณของอีกฝ่ายแล้ว ทั้งที่เป็นแค่นักพรตกายแห่งมรรคขั้นแปดเท่านั้น แต่พลังเซียนที่รุนแรงจนน่ากลัวของเขามันเรื่องอะไรกันแน่!
ขณะที่จางเฉินกำลังตะลึงงัน หมัดสีทองอีกระลอกก็โผล่เข้ามาในการมองเห็นของเขา
“หมัดสะเทือนขุนเขา!”
อันหลินคำรามลั่น ปล่อยหมัดสีทองออกไปทันใด…
“ไอ้เซียนบ้า! เจ้าใช้พลังเซียนวิชานี้ไม่ต้องพักหรือไง!” จางเฉินผรุสวาท
เขารู้สึกเหมือนมีแพะนับหมื่นเหยียบย่ำผ่านร่างกายไป ทั้งหมดคำพูดและสิ้นหวัง!
อันหลินก็อยากจะหยุดพักเช่นกัน…
อันที่จริงเขาปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาสองครั้งติดต่อกัน ก็ใช้พละกำลังแทบจะหมดทั้งร่างกายแล้ว
แต่เขารู้ว่าในเวลาคับขันแบบนี้ เขาจะหยุดไม่ได้ ให้โอกาสอีกฝ่ายได้หายใจหายคอไม่ได้
ดังนั้น เขาจะใช้พลังเสี้ยวสุดท้ายในร่างกายจนหมด ปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาครั้งที่สาม!
หมัดสีทองที่สาม ทำให้จางเฉินเกิดความรู้สึกไร้ความหวัง
เขาพยายามใช้กระบี่ขัดขวางสุดชีวิต ทว่าแรงมหาศาลกลับทะลุผ่านกระบี่ระเบิดบนตัวเขา
ตูม!
จางเฉินรู้สึกถึงความเจ็บปวดปานจะขาดใจ ราวกับร่างกายของเขาถูกหมัดกระแทกจนแตกสลายแล้ว ไม่มีที่ใดที่ไม่ปวด ไม่มีจุดไหนไม่สั่นเทิ้ม
ตุบ
ร่างกายของเขาล้มลงไป การมองเห็นเริ่มเลือนราง แสงทองคุ้มกันปรากฏขึ้นรอบตัวเขา
จางเฉินรู้สึกว่าช่างลวงโลกเหลือเกิน เขาเป็นลูกศิษย์อัจฉริยะแห่งสำนักเขาเปลวอัคคี พรสวรรค์ล้ำเลิศ ครองสุดยอดวิชาของสำนักหลายชนิด แต่ไหนแต่ไรมามีแค่เขาที่จัดการผู้อื่นข้ามขั้น เคยแพ้คนอื่นข้ามขั้นที่ไหนกัน
แต่วันนี้ เขาแพ้ข้ามขั้นแล้วจริงๆ แถมยังแพ้ให้กับศิษย์น้องกายแห่งมรรคขั้นแปดคนหนึ่ง
ระดับพลังยุทธ์แตกต่างกันถึงสองขั้นเชียวนะ…
หลังอันหลินปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาที่สามออกไป ก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างหมดแรง
เมื่อเขาเห็นแสงทองคุ้มกันบนตัวจางเฉิน ก็โล่งใจได้สักที ใบหน้ามีรอยยิ้มกระหยิ่มอิ่มใจปรากฏขึ้น
“ต้าไป๋ ข้าแก้แค้นให้เจ้าแล้ว!” อันหลินวิ่งไปหาต้าไป๋แล้วพูดขึ้น
ต้าไป๋นอนอยู่บนก้อนหินที่แตกกระจาย ดวงตาดำขลับจ้องมองอันหลิน ร้องครวญครางเสียงเบา
อันหลินสังเกตเห็นว่าอาการของต้าไป๋ผิดปกติ ลมหายใจของมันเบาบางยิ่งกว่าเดิม ซ้ำยังมีเลือดทะลักออกจากปากของมัน
“ต้าไป๋ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!” อันหลินอุ้มต้าไป๋ขึ้นทันที เพื่อตรวจสอบอาการของมันให้ละเอียด
ไม่รู้เพราะอะไร อันหลินไม่สามารถตรวจสอบสภาพภายในร่างกายของต้าไป๋ได้ ราวกับมีอะไรบางอย่างปิดกั้น
ทำยังไงดี…
ลมหายใจของต้าไป๋รวยรินลงทุกที หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมันต้องตายขึ้นมาจริงๆ แน่!
อันหลินกระวนกระวายใจยิ่งนัก เขาใช้พลังเซียนสายรักษาไม่เป็น ทำได้แค่ใช้เศษผ้าช่วยปิดผ้าให้ต้าไป๋ลวกๆ เท่านั้น
แต่หลักๆ แล้วต้าไป๋ช้ำใน ทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้อาการบาดเจ็บของมันคลี่คลายลงมากนัก
“อาจารย์! สุนัขตัวนี้จะไม่ไหวแล้ว ช่วยมันหน่อยได้ไหม หรือไม่ก็ส่งมันกลับไปรักษา!”
อันหลินตะโกนต่อเขตแดนเหนือฟ้าสูง เขารู้ว่ามีอาจารย์กำลังจับตามองสถานการณ์ในสนามรบอยู่ตรงนั้น ฉะนั้นจึงทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับอาจารย์
แต่ช่างน่าเสียดาย ไม่มีการตอบกลับใดๆ จากเขตแดนกลางอากาศ
อันหลินผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง อุ้มต้าไป๋อย่างไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
“ต้าไป๋ เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียไหม”
อันหลินมองต้าไป๋ที่สะบักสะบอมในอ้อมอก เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ต้าไป๋ “…โฮ่ง!”
อันหลิน “…”
อันหลินไปล่ากระรอกมาอีกตัว ยื่นมันให้ต้าไป๋
“ต้าไป๋ กินกระรอกบำรุงร่างกายสักหน่อยเถอะนะ!”
ต้าไป๋ “…”
ต้าไป๋แยกเขี้ยว สะบัดหน้าหนี มันไม่อยากเห็นอันหลินก่อนตายแล้ว
แมวต่างหากที่กินหนู โยนหนูให้มันกิน นี่มันหยามเกียรติสุนัขไม่ใช่หรือไง!
อาจารย์เซียนกลางอากาศ เป็นเซียนกระบี่สวมชุดขาว เหน็บกระบี่ไว้ข้างเอว
เขาชื่อเซียนกระบี่มิ่งหยวน เชื่อว่าสรรพสิ่งสรรพสัตว์ย่อมมีชะตาเป็นของตัวเอง ฝืนไม่ได้ แก้ไขไม่ได้
แน่นอนว่าเซียนกระบี่มิ่งหยวนได้ยินคำอ้อนวอนของอันหลิน แต่ในเมื่อสุนัขตัวนี้มาถึงป่าพันยอดโดยที่ไม่มีใครอธิบายได้ เช่นนั้นนี่ก็คือชะตาของมัน เขาจะไม่ฝืนเปลี่ยนแปลงชะตาเด็ดขาด
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นชะตาฟ้าลิขิต” เซียนกระบี่มิ่งหยวนพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง
ข้อมูลสถิติของอันหลินที่อยู่ข้างๆ ถูกเขาแก้ไขใหม่แล้ว
อันหลิน ค่าพลัง 205 ค่าความดี 380
…
จากนั้น อันหลินก็เจอกับนักเรียนกายแห่งมรรคขั้นเก้าอีกครั้ง
เขาตามมาจากคลื่นของการต่อสู้ อันหลินกับเขาเปิดศึกครั้งใหญ่ ปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาติดต่อกันสองครั้ง ในที่สุดก็เอาชนะนักเรียนคนนั้นได้
ติ้ง!
เสียงกังวานดังสะท้อนก้องในสมอง มันเป็นเสียงแจ้งเตือนว่าเขาทำภารกิจสำเร็จ
เพียงครู่เดียว อันหลินก็รู้สึกได้ว่ากระดูกทั่วร่างดังกรอบแกรบ เจ็บปวดรวดร้าว
ความเจ็บปวดแบบนี้ราวกับจะฉีกร่างของเขาให้เป็นชิ้นๆ เขาหยัดยืนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงนอนกอดตัวเองบนพื้น
พลังปราณฟ้าดินหลั่งไหล หล่อหลอมร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
เจ็บจังเลย! ทำไมเจ็บขนาดนี้!
ในใจอันหลินสับสนอลหม่าน ทั้งๆ ที่ตอนเลื่อนจากขั้นเจ็ดเป็นแปด ความเจ็บปวดไม่ได้รุนแรงขนาดนี้
ขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีพายุหมุนปราณขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันเป็นเหมือนกรวย ปกคลุมรัศมีหนึ่งร้อยจั้ง แฝงด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่
บนท้องนภา เซียนกระบี่มิ่งหยวนจ้องพายุหมุนปราณนั่นไม่วางตา ตะลึงพรึงเพริด
“คลื่นพลังชีวิตที่รุนแรงปานนี้ แถมยังแฝงลมปราณของจิตวิญญาณแห่งสรรพสิ่งอีกด้วย เป็นความผันผวนยามกายแห่งมรรคทะลวงขั้นไปสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ! จริงหรือนี่ นักเรียนอันหลินจะทะลวงขั้นงั้นหรือ”
เซียนกระบี่มิ่งหยวนเบนสายตาไปที่พื้นดิน จดจ้องชายหนุ่มที่กลิ้งไปกลิ้งด้วยความเจ็บปวดคนนั้น
ศูนย์กลางของพายุหมุนปราณบนท้องฟ้า อยู่เหนือตำแหน่งที่อันหลินอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่สิ! แม้อันหลินจะทะลวงขั้น แต่ตอนนี้เขาเป็นกายแห่งมรรคขั้นแปดเลื่อนสู่ขั้นเก้า ทำไมถึงได้มีปรากฏการณ์ทะลวงขั้นของระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเกิดขึ้นเล่า”
เซียนกระบี่มิ่งหยวนไม่เข้าใจ พายุหมุนปราณลูกนี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย…
หรือจะมีพวกตัวประหลาด สามารถเลื่อนขั้นทีเดียวได้ถึงสองขั้นอยู่จริงๆ
พายุหมุนปราณกับพลังแห่งสรรพสิ่ง เริ่มรวมตัวกันบริเวณที่อันหลินอยู่
พลังลูกนี้บ้าระห่ำอย่างยิ่ง มหาศาลอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นสิ่งที่จะมีเฉพาะในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเท่านั้น
เซียนกระบี่มิ่งหยวนเพ่งมองข้างล่าง พูดตะกุกตะกักว่า “เป็น…เป็นไปไม่ได้…”
เป้าหมายของพลังเหล่านี้เป็นต้าไป๋ ที่เจ็บปวดจนกลิ้งไปกลิ้งมาข้างๆ อันหลิน…
……………………..