ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 31 เจ้าหมาดื้อ ไปกันเลย!
ขณะที่อันหลินกำลังทะลวงขั้นเข้าสู่กายแห่งมรรคขั้นเก้า พลังประหลาดบางอย่างก็ไปกระตุ้นพลังภายในร่างกายของต้าไป๋เข้า
จากนั้น ต้าไป๋ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดปานจะขาดใจจากภายในร่างกาย
‘พับผ่าสิ อันหลินเจ้าทำอะไรข้า!’
ต้าไป๋ตวาดในใจไม่หยุด เสียดายที่มันพูดไม่ได้ ทำได้แค่เห่า ‘โฮ่ง’ ไม่กี่ที
พายุหมุนปราณลูกใหญ่ก่อตัวกลางอากาศ จากนั้นก็หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของต้าไป๋อย่างป่าเถื่อน
ต้าไป๋น้ำตารื้นชื้น มันไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน
ภายในความเจ็บปวดเช่นนี้ การเตะของจางเฉินแลดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที
พลังชีวิตจำนวนมหาศาลรวมตัวในร่างกายของต้าไป๋ หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังจิตของสรรพสิ่งที่หลั่งไหลเข้ามา
พลังที่สองเริ่มหลอมรวมกัน เชื่อมต่อกัน สุดท้ายกลายเป็นขุมพลังสัตว์ส่องแสงสีทองระยิบระยับ
ในชั่ววินาทีนั้น ต้าไป่เริ่มสัมผัสได้ว่าในร่างกายของมันมีพละกำลังและพลังชีวิตมหาศาล
ความเจ็บปวดค่อยๆ จางหายไป มันลุกขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายแวววาว
อันหลินเองก็ลุกขึ้นมาอย่างเหงื่อที่เปียกโชก ขยับตัวยืดเส้นยืดสาย อุทานว่า “ทะลวงขั้นครั้งนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
“นั่นสิ ข้าเจ็บจะตายแล้ว!” เสียงหนึ่งพูดอย่างคล้อยตาม
อันหลินได้ฟัง ก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง “นั่นสิ เจ็บจะตายแล้ว!”
เพียงชั่วพริบตา เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ…
“คุณพระ ใครคุยกับข้าน่ะ!”
อันหลินขนลุกขนชัน มีคนเข้าใกล้ตัวเองอย่างไม่มีสุ้มไม่มีเสียงได้อย่างไร ยอดฝีมือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณหรือ!
“ตรงนี้ ข้าอยู่นี่!” เสียงดังขึ้นข้างกายเขาอีกครั้ง
อันหลินกวาดสายตามองรอบๆ อย่างหวาดกลัว มีคนที่ไหนกัน “บัดซบ เจอผีงั้นเหรอ”
“ข้าอยู่ตรงนี้ เจ้าดูถูกสุนัขหรือไง โฮ่ง!”
อันหลินชะงักไป ก้มหน้ามองลงไป พบว่าต้าไป๋กำลังมองตัวเองอย่างมีชีวิตชีวา กระดิกหาง แลบลิ้น
“ต้าไป๋?” อันหลินลองถามหยั่งเชิง
“ข้าเอง โฮ่ง!” ต้าไป๋ยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มมีเลศนัย
ใครจะไปรู้ว่าอันหลินรู้สึกได้อย่างไรว่า รอยยิ้มของต้าไป๋นั้นมีเลศนัย อย่างไรเสียก็คือมีเลศนัยแบบที่สมจริงมาก
“ต้าไป๋ เจ้าพูดภาษามนุษย์ได้ เจ้ากลายเป็นภูตแล้ว!” อันหลินไม่อาจสงบจิตสงบใจได้ สุดท้ายก็ตะโกนลั่นขึ้นมา
“ถุย เป็นภูตบ้าบออะไรกัน ข้าทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณต่างหาก!” ต้าไป๋พูดเชิงเหยียดหยาม
ประโยคนี้น่าตะลึงยิ่งกว่าต้าไป๋ยอมรับว่าตัวเองเป็นภูตแล้วเสียอีก อันหลินได้ฟังก็ยืนเหม่อกับที่ทันที
ล้อกันเล่นหรือเปล่า!
ต้าไป๋ที่อ่อนแอยิ่งนัก ทะลวงขั้นเป็นยอดฝีมือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณงั้นหรือ
เมื่อเห็นความตกใจและความสงสัยของอันหลิน ต้าไป๋ก็พูดว่า “การทะลวงขั้นของเผ่าพันธุ์สัตว์ของเรา กับวิธีทะลวงขั้นของมนุษย์อย่างพวกเจ้าไม่ค่อยเหมือนกัน อย่างไรเสียน่าจะต้องขอบคุณเจ้า พันธนาการบางอย่างในตัวข้าถูกทำลาย จากนั้นก่อตัวเป็นขุมพลังสัตว์ เข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณได้สำเร็จ หากก่อตัวเป็นขุมพลังสัตว์แล้ว ข้าก็จะกลายเป็นสัตว์ภูต สามารถพูดภาษาภูตได้”
อันหลินมองต้าไป๋ที่อิ่มอกอิ่มใจ ในใจก็ผ่อนคลายลง ยอมรับความจริงประการนี้
แม้จะไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรของตัวเอง ที่ทำให้ต้าไป๋บรรลุเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ
แต่มันเปลี่ยนจากสภาพใกล้ตาย เป็นสุขกายสบายดีเช่นตอนนี้ ก็ทำให้อันหลินรู้สึกปลาบปลื้มใจมากแล้ว
จู่ๆ ต้าไป๋ก็ระเบิดพลังอำนาจอันน่าตะลึงออกมาในพริบตา
ต่อมา ร่างของมันก็ขยายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นสุนัขตัวใหญ่ขนาดหนึ่งจั้ง
“คุณพระ ต้าไป๋สำแดงเดช!” อันหลินตาลุกวาว
ตอนนี้ขนทั่วทั้งตัวของต้าไป๋เป็นสีขาวสะดุดตา ดูอ่อนนุ่มเรียบลื่นอย่างยิ่ง ดวงตาคู่นั้นสุกใส บวกกับเขี้ยวแหลมคมของมัน ให้ความรู้สึกทั้งน่าเกรงขามและน่ารักในเวลาเดียวกัน
“หึ แน่นอน” ต้าไป๋กระดิกหาง กระหยิ่มยิ้มย่อง พูดต่อว่า “เจ้าช่วยข้าไว้ไม่น้อยเลย คราวนี้ข้าจะพาเจ้าไปเชือดนักเรียนคนอื่นเอง!”
อันหลินได้ยินก็ดีใจ แต่ก็เกิดลังเลในเวลาต่อมา “เหมือนกิจกรรมนี้จะมีกติกาว่า ห้ามร่วมมือกันต่อกรศัตรู ข้ากับเจ้าเคลื่อนไหวพร้อมกัน มันผิดกฎนะ!”
“อันหลิน เจ้าควรจะไปเสริมสติปัญญาหน่อยนะ…กติกากำหนดว่า อนุญาตให้ต่อสู้เพียงลำพังเท่านั้น แต่ข้าเป็นหมานี่นา! โฮ่ง!”
ต้าไป๋แลบลิ้น
อันหลินถูกสุนัขดูถูกไอคิว ในใจไม่มีความไม่ชอบใจเลยสักนิด กลับหน้าชื่นตาบานเสียอย่างนั้น
เขามองต้าไป๋ราวกับค้นพบดินแดนผืนใหม่ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ต้าไป๋ พาข้าวางมาดและโบยบินที!”
“หึ ใช้คำศัพท์ได้เยี่ยม ข้าจะพาเจ้าบินเดี๋ยวนี้แหละ!” ต้าไป๋หมอบลงกับพื้นแล้วพูดว่า “ขึ้นมาเลย โฮ่ง!”
คุณพระ ต้าไป๋บินได้จริงเหรอ!
แม้อันหลินจะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็กระโดดขึ้นคร่อมร่างกายอันสูงใหญ่ของต้าไป๋โดยไม่ลังเลอยู่ดี ลูบขนนุ่มลื่นของมันแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “เจ้าหมาดื้อ ไปกันเลย!”
“หมาดื้ออะไรกัน ข้าคือต้าไป๋ โฮ่ง!” ต้าไป๋เถียง
จู่ๆ ก็มีพลังแห่งสายลมอันบริสุทธิ์ก่อตัวใต้ร่างของมัน
จากนั้น มันก็เหยียบพายุ เหาะขึ้นฟ้าทันที!
บนเขตแดน เซียนกระบี่มิ่งหยวนมองหนึ่งคนหนึ่งสุนัขที่เหาะเหินเวหา จากนั้นก็เหาะไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ
สุดท้าย เขาก็รู้แจ้งจากเรื่องนี้ พูดอย่างเบิกบานใจว่า “นี่แหละคือชะตาชีวิต!”
เป็นดังที่คาด เมื่อสิ้นประโยคนี้ ความอัดอั้นตันใจของเซียนมิ่งหยวนก็ได้รับการปลดปล่อย จิตใจของเขาก็สงบลง…
เซียนมิ่งหยวนพยักหน้าเบาๆ ประโยคนี้มันช่างมีประโยชน์จริงๆ สามารถใช้อธิบายทุกเหตุการณ์ที่โชคร้ายได้!
…
บนท้องฟ้าห่างไกล
“ยะฮู้ว สุดยอด!”
อันหลินตะโกนอย่างสุขใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความสุขของการเหาะเหิน
ตัวของต้าไป๋ใหญ่โตมโหฬาร ซ้ำยังมีอุณหภูมิร่างกายอันอบอุ่น ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเขาอย่างยิ่ง
นั่งอยู่บนหลังของต้าไป๋ เขารู้สึกว่าโรคกลัวความสูงและโรคกลัวความเร็วของตัวเอง ได้รับการบำบัดอย่างใหญ่หลวง
กระบี่เหินเวหาอะไรพรรค์นั้นไปตายเสียเถอะ!
ต่อไปเขาจะขี่หมาเหาะเหินเท่านั้น!
อันหลินมีความสุขมาก เขากำลังครุ่นคิดแล้วว่าต่อไปจะเลี้ยงสัตว์โบยบินอะไรดี…
จากนั้น เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ลูบหัวของต้าไป๋เบาๆ พูดเสียงอ่อนโยนว่า
“ต้าไป๋ เจ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าดีไหม”
ต้าไป๋ “…”
“อันหลิน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้ายังพอว่า โฮ่ง!” ต้าไป๋เห่า
อันหลินได้ยินก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย บ่นอุบอิบว่า “จ้าวหวายหยินโชคดีเสียจริง มีต้าไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงด้วย”
ต้าไป๋ฉีกยิ้ม “หา อย่างจ้าวหวายหยินคู่ควรจะเป็นนายข้าด้วยหรือ เขาเป็นแค่คนเก็บอึของข้าก็เท่านั้น โฮ่ง!”
“หา” อันหลินทำหน้าตะลึง ดูต้าไป๋พูดเข้าสิ มันทำให้เขาตกใจ
“เจ้ารู้จักสำนักสัตว์เทพไหม” ต้าไป๋พูด
อันหลินส่ายหน้า
“สำนักสัตว์เทพเป็นสำนักขนาดใหญ่ที่เผ่าพันธุ์สัตว์ของเราก่อตั้งในแคว้นจิ่วโจว สมาชิกในสำนักก็มีเผ่าพันธุ์สัตว์เป็นหลัก ในขณะที่สัตว์น้อยยังไม่กลายเป็นขุมพลังสัตว์ ส่วนใหญ่แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประจำตัว และจ้าวหวายหยิน ก็คือคนดูแลข้า เรียกกันทั่วไปว่าคนเก็บอึ โฮ่ง!”
ราวกับอันหลินได้ยินข้อมูลไม่ธรรมดาบางอย่าง “งั้นคนที่มาเล่าเรียนที่สำนักแห่งนี้ที่จริงแล้วคือ…”
“ถูกต้อง ข้านี่แหละ! ข้าสนใจสำนักแห่งนี้ จึงให้จ้าวหวายหยินพาข้ามา! ดูจากตอนนี้แล้วได้ประโยชน์ไม่น้อยเลย อย่างน้อยในความบังเอิญ ข้าก็ก่อตัวเป็นขุมพลังสัตว์ได้สำเร็จ โฮ่ง!”
พูดไปพูดมา ต้าไป๋ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกแล้ว หางสีขาวกระดิกไปมาอย่างสุขอุรา
อันหลินพยักหน้า ไม่คิดว่าจ้าวหวายหยินจะเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลประจำตัวต้าไป๋
แต่เขาคิดว่าในใจของต้าไป๋ จ้าวหวายหยินไม่ใช่แค่คนเก็บอึอย่างปากมันพูดแน่นอน แต่เห็นจ้าวหวายหยินเป็นเหมือนเพื่อนแล้ว
มิเช่นนั้นต้าไป๋คงไม่กระโจนเข้าไปแก้แค้นแทนจ้าวหวายหยินอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่จ้าวหวายหยินถูกจางเฉินจัดการจนสาหัสปางตายหรอก
“โฮ่ง! ข้าพบลมปราณแล้ว! ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความเก่งกาจของข้า” ต้าไป๋พูดอย่างฮึกเหิม
สีหน้าของอันหลินเคร่งขรึมขึ้นมาทันที รู้ดีว่าสงครามครั้งต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
………………………….