ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 326 ผู้กล้าอันหลินพลีชีพอย่างกล้าหาญ
เขาซินจิ้ง เขาเทวะที่เลื่องชื่อลือชาในแผ่นดินปราณสงคราม
แร่หินล้วนเกลี้ยงเกลาเป็นพิเศษ ประหนึ่งหยกที่มีคุณภาพที่สุด
กลางขุนเขามีทะเลสาบใสสะอาดเป็นสีคราม มองไกลๆ ดุจเพชรสีน้ำเงินที่งดงามก็ไม่ปาน
สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ ที่นั่นมีปราณสงครามหนาแน่นอย่างยิ่ง ระดับความเข้มข้นสูงกว่าด้านนอกถึงสิบกว่าเท่า ที่นี่จึงกลายเป็นเขตหวงห้ามสำหรับการบำเพ็ญเพียรของจักรพรรดิซวีหมิง คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์เข้า
ราตรีกาลดวงดาวพร่างพราย รอบข้างเงียบสงัด
ร่างสีดำหกร่างค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้เขาเทวะอันมโหฬารช้าๆ
“เอาละ ที่นี่เป็นรอบนอกของเขตหวงห้ามแล้ว พวกเรารอกันที่นี่แหละ”
เมื่อมาถึงบริเวณรอบนอก แววตาของอันหลินยังคงขาวโพลน แผ่กระแสพลังงานออกไปสามทาง แบ่งออกเป็นสามตำแหน่งกลางอากาศที่ต่างกันออกไป มิติเริ่มเกิดริ้วคลื่นเป็นระลอกๆ จากนั้นก็แตกออกเป็นรู
พรึ่บ…
มวลน้ำก่อตัวกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นร่างของอันหลิน
พวกซูเฉี่ยนอวิ๋นเพิ่งเคยเห็นคาถาวารินแยกร่างของอันหลินเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นร่างที่เหมือนราวกับแกะ ใบหน้าก็อดตกตะลึงไม่ได้
“ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย จะใช้คาถาวารินแยกร่างได้ครึ่งชั่วยาม มีพลังหนึ่งในสิบของร่างจริง” อันหลินหมายเลขสองฉีกยิ้มแล้วพูดกับทุกคน
เซวียนหยวนเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็สวมแหวนมิติวงหนึ่งใส่นิ้วของอันหลินหมายเลขสอง กำชับว่า “ต้องยืนยันเป้าหมายแล้วค่อยเข้าใกล้ จากนั้นจู่โจม อุณหภูมิของศูนย์กลางการระเบิดน่ากลัวที่สุด”
อันหลินหมายเลขสองยิ้มอย่างมั่นใจ “ข้าจัดการ ทุกคนไม่ต้องห่วง รอข่าวดีจากข้าได้เลย!”
จากนั้นเขาก็ขี่กระบี่ไม้เหาะเข้าไปในเขาซินจิ้ง แผ่นหลังยรรยงเด็ดเดี่ยว
สวีเสี่ยวหลานเผลอท่องกลอนออกมาว่า “วายุเอ๋ยพัดโบกเย็นเยียบ สายธาราอันหนาวเหน็บ ถึงกาลคราวผู้กล้าจากไปพลัน ดวงชีวันคงลาลับไม่กลับเอย”
หูก้วนกับเหยาหมิงซีดวงตาเป็นประกาย “ไม่คิดเลยว่าร่างแยกของพี่อันก็ยังเท่เหมือนเดิม ชอบจังเลย!”
อันหลินสะดุ้งโหยงโดยพลัน เปลี่ยนประเด็นทันที “พวกเราเว้นระยะห่างไว้หน่อยดีกว่า ตรงนี้อันตรายเกินไป”
ทุกคนต่างก็คิดว่ามีเหตุผล อาวุธสังหารระดับทำลายล้างโลกาเช่นนี้ หลบให้ไกลหน่อยก็ไม่เสียหาย
ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักเก่าแก่หลังหนึ่งริมทะเลสาบอันงดงามของเขาซินจิ้ง
ชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา มีจุดสีแดงกลางหน้าผากกำลังนั่งอยู่บนเบาะนั่งที่สานด้วยหญ้าศักดิ์สิทธิ์
พลันก็มีลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งกะพริบกลางนภาประหนึ่งฝนดาวตก
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น มือหนึ่งกดฝักกระบี่บนหน้าตักไว้ หากว่าเกิดเหตุไม่คาดฝัน กระบี่แสงนิลหนึ่งในห้าอาวุธเทวะจะออกจากฝัก เขมือบทุกสรรพสิ่งโดยไม่ปรานี
สิ่งที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าของชายหนุ่ม เป็นชายวัยกลางคนที่รูปโฉมค่อนข้างสง่างาม สวมชุดสีม่วง
“ฮ่าๆ ๆ น้องซวีหมิง ไม่พบกันเสียนาน” ชายชุดม่วงหัวเราะร่า ทักทายชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสนิทสนม
ชายหนุ่มเบิกตาเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบว่า “จื่อหยาง เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“ข้ามาชมศึกไม่ได้หรือ” ชายชุดม่วงหย่อนตัวนั่งลงอย่างไม่ยี่หระ นั่งตรงหน้าชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
จักรพรรดิซวีหมิงขำเบาๆ “ชมศึกที่คาดเดาผลลัพธ์ได้ มันไม่ใช่นิสัยของเจ้านี่นา หรือ…เจ้าคิดว่าข้าจะแพ้”
“เหอะ น้องซวีหมิง นี่เจ้าพูดอะไรกัน ข้าเพียงกลัวว่าเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะพลั้งมือสังหารสองคนนั้นต่างหาก” จักรพรรดิจื่อหยางรีบแย้งเป็นพัลวัน
“เอ๊ะ พวกเขาไม่สมควรตายหรือ” จักรพรรดิซวีหมิงมองชายคนตรงหน้า เสียงค่อยๆ ต่ำลง
จักรพรรดิจื่อหยางโบกมือปัดๆ เก็บสีหน้าเหลาะแหละ พูดอย่างจริงจังว่า “พวกเขาอยู่ในจักรวรรดิอ้าวซินนี่แหละ ข้าไม่เชื่อว่าข้อมูลที่ข้ารู้ เจ้าจะไม่รู้ พวกเขาอาจจะเป็นคนต่างแดน รอดย่อมมีประโยชน์กว่าตาย อีกอย่าง…เจ้าไม่อยากก้าวไปอีกขั้นหรือ”
จักรพรรดิซวีหมิงยังคงนิ่งเฉย พูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “หากข้าต้องการข้อมูล ค้นจิตโดยตรงก็สิ้นเรื่อง หากไม่ใช่พวกเดียวกัน จิตใจย่อมแตกต่าง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะกำเริบเสิบสาน ทำอะไรตามใจชอบได้ ข้าควรทำให้พวกเขารู้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ที่นี่!”
จักรพรรดิจื่อหยางหวนคิดถึงบุคคลเมื่อพันปีก่อน จิตใจก็พลันเลื่อนลอยขึ้นมาชั่วขณะ สุดท้ายก็ทำได้เพียงทอดถอนใจ “เฮ้อ ตามใจเจ้า หวังว่าพลังค้นจิตของเจ้าจะไม่ล้มเหลว ล้วงข้อมูลอันเป็นประโยชน์ที่เจ้าต้องการออกมาได้…”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นโดยพลัน “เอ่อ ข้ารบกวนทั้งสองท่านคุยกันหรือไม่”
จักรพรรดิซวีหมิงกับจักรพรรดิจื่อหยางหันขวับพร้อมกัน จ้อมชายหนุ่มที่เดินอาดๆ เข้ามาอย่างผ่าเผย
ชายหนุ่มคนนี้มีรูปโฉมงดงาม เก็บงำพลัง ประดุจสายน้ำไหลหลั่ง กลืนไปกับทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติ ทำให้จิตสัมผัสของทั้งคู่ตรวจจับล่วงหน้าไม่ได้
สีหน้าของจักรพรรดิซวีหมิงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย แม้ในใจจะรู้สึกว่าเหลือเชื่อ แต่ก็เอ่ยถามอย่างสนเท่ห์ว่า “เซียนกระบี่อันหลินหรือ”
อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ “ข้าเอง เจ้าคือจักรพรรดิซวีหมิงหรือ”
จักรพรรดิซวีหมิงที่ได้ฟังคำตอบหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ข้าเอง ไม่ทราบว่าเจ้ามาเยือนดึกดื่นค่ำคืน มีธุระอะไรหรือ แต่อย่าบอกนะว่าเจ้ารอพบเจอในอีกสองวันไม่ไหว อยากประลองกับข้าก่อน”
จักรพรรดิซวีหมิงในตอนนี้พูดจาประหนึ่งสนทนากับเพื่อนเก่า มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเขาจะปลิดชีพอันหลินในอีกสองวันข้างหน้า จากนั้นทำการค้นจิต
อันหลินไม่ตอบ กลับเบนสายตามองอีกคนแล้วถามอย่างสงสัยว่า “ไม่ทราบว่าท่านนี้เป็นใครหรือ”
จักรพรรดิจื่อหยางหัวเราะ ยกมือขึ้นคำนับ “ข้าจื่อหยาง วันนี้โชคดีที่ได้เห็นตัวจริงของเซียนกระบี่อันหลินผู้มีชื่อก้องปฐพี เลิศล้ำเหนือผู้ใด องอาจไร้พ่ายอย่างแท้จริง!”
อันหลินแอบยิ้มในใจ ‘เห็นตัวจริง’ อะไรกัน ฉันเป็นร่างแยกต่างหากเล่า!
แต่เลิศล้ำเหนือผู้ใด องอาจไร้พ่ายนั้นพูดไม่ผิด ถือว่าสายตาเฉียบแหลม…
จื่อหยางคงจะเป็นจักรพรรดิจื่อหยางแห่งจักรวรรดิรุ้งอุดรสินะ จักรพรรดิสงครามสองคนเคลื่อนไหวพร้อมกัน เป็นภัยคุกคามยิ่งกว่าเดิม ยังดีที่ไม่ฝากความหวังกับสองวันข้างหน้า ไม่อย่างนั้นจะตายอย่างไรก็ไม่รู้เลย
ซวีหมิงกับจื่อหยางเห็นอากัปกิริยาของอันหลินไม่เปลี่ยนแปลงหลังรู้ว่ามีจักรพรรดิสงครามสองคนอยู่ที่นี่ จึงอดจ้องเซียนกระบี่คนตรงหน้าไม่ได้
“อืม ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง คุ้มจริงๆ” อันหลินพึมพำเบาๆ
“ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอะไร เจ้าพูดอะไรกันแน่” จักรพรรดิซวีหมิงสัมผัสได้ว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด จึงจ้องอันหลินเขม็ง
“อ้อ ก็คือยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ข้ามาเพื่อมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับพวกเจ้า” แหวนมิติของอันหลินสว่างวาบ ระเบิดไฮโดรเจนขนาดใหญ่มหึมาปรากฏกลางตำหนัก ค่ายกลสลับซับซ้อนแผ่คลุม
“นี่เป็นระเบิดไฮโดรเจนสิบล้านตัน ถ้าระเบิดละก็ อานุภาพของมัน…”
ปุ๊ง อันหลินยังพูดไม่ทันจบ มิติก็บิดเบี้ยว ร่างของเขาแหลกสลายกลายเป็นหยดน้ำ
จักรพรรดิซวีหมิงชิงลงมือแล้ว หลังเขาเห็นอันหลินกลายเป็นหยดน้ำ ใบหน้าก็ถอดสี “ตัวปลอมหรือ!”
ทั้งคู่หันมองระเบิดไฮโดรเจนลูกยักษ์ ความเย็นผุดวาบขึ้นในใจ
จักรพรรดิจื่อหยางฉับไว ลูกไฟที่ร้อนระอุพุ่งทะลักออกจากฝ่ามือ แฝงด้วยอานุภาพมหาศาล พุ่งชนวัตถุที่เป็นอัปมงคลชิ้นนั้น
ตูม
ลูกไฟระเบิด
ตูม
ระเบิดทั้งผืนแผ่นดิน!
แรงระเบิดเอ่อท่วมตำหนัก เขมือบทะเลสาบในพริบตา
เขาซินจิ้งที่ทอดตัวยาวนับสิบกว่ากิโลเมตรก็ถูกแสงและความร้อนปกคลุม แหลกเป็นเถ้าธุลีในเสี้ยววินาที!
แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นกระแทกอันบ้าคลั่งฉีกทำลายแผ่นดินผืนนี้ เสียงที่น่าสะพรึงดุจเสียงคำรามของอสูรบรรพกาล ประชาชนในรัศมีหลายร้อยเมตรต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน!
ค่ำคืนนี้ เมืองซินจิ้งสว่างโร่เป็นทิวากาล
ชาวบ้านและผู้แข็งแกร่งแต่ละหนแห่งที่เดินทางมาเพื่อชมศึกเป็นการเฉพาะ จับจ้องทิศทางของเขาซินจิ้งอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ที่นั่นมีพระอาทิตย์ดวงใหม่ พระอาทิตย์ที่ทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน เหนือพระอาทิตย์เป็นเมฆรูปเห็ด เมฆรูปเห็ดที่กำลังแสยะยิ้มใส่พวกเขา!