ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 329 ควันหลงหลังรบ
อันหลินเห็นอาวุธเทวะสองชิ้นที่กระสับกระส่าย ในใจก็ท่องไม่หยุดว่า
‘เด็กดีรีบมาให้ไว พี่จะพานายเท่พี่จะพานายบิน…’
กระจกเอกภพเคลื่อนไหวแล้ว!
มันพุ่งเข้าไปหาเลือดหยดหนึ่งพร้อมกับลำแสงขาวดำสองเส้น จากนั้นกลืนลงไป!
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มกว้าง “ในเมื่อกระจกเอกภพยอมรับข้าแล้ว เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
ภายใต้สายตาอิจฉาริษยาของทุกคน เซวียนหยวนเฉิงขับกล่อมกระจกเอกภพด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง จากนั้นก็สอดเก็บเข้าไปในสาบเสื้อ
ต่อมากระบี่แสงนิลก็ขยับแล้วเช่นกัน!
มันพุ่งไปหาเลือดหยดหนึ่งดังฟิ้วแล้วส่งเสียงร้องดีใจออกมาเบาๆ
เหยาหมิงซีมองทุกคนด้วยความกระดากใจ กำกระบี่ไว้ในมือ “ศิษย์พี่ทุกคน…เช่นนั้นข้าขอรับไปละนะ…”
“เอาไปเถอะๆ มันเป็นวาสนาของเจ้าอยู่แล้ว”
อันหลินโบกมืออย่างใจโต แต่ในใจกลับเจ็บปวดรวดร้าว
ให้ตายเถอะ เขาไม่มีวาสนากับของมีค่าเลยใช่ไหม!
เขาพบว่าของมีค่าของตัวเอง นอกจากเจ้าพวกที่แย่งชิงมาได้แล้ว ไม่มีชิ้นไหนที่เป็นฝ่ายยอมรับเขาเลย!
แม้แต่เสี่ยวเสียที่อยู่ในหม้อ ก็ทำท่าไม่สนใจใยดีเขา
หลังแบ่งอาวุธเทวะกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็มองหาสถานที่พักผ่อน รอการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
ลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งผ่านม่านรัตติกาล มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ชายขอบเมืองซินจิ้ง
ลู่เจ๋ออวี่ที่กำลังชงชาเห็นประตูถูกผลักออกมาดังผลัวะ
เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายเปลือยกายล้อนจ้อน เนื้อหนังถูกไฟลวกจนแดงและเกรียม ตั้งสติไม่ทัน
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม เสื้อผ้าเล่า!” จักรพรรดิจื่อหยางตวาดลั่น
ราชครูลู่เจ๋ออวี่ที่สุขุมลุ่มลึกเสมอมาเพิ่งตื่นจากภวังค์ หัวเราะร่าแล้วพูดว่า “สภาพเจ้าเป็นแบบนี้แล้ว อย่างแรกที่ควรทำไม่ใช่ทำแผล แต่เป็นใส่เสื้อผ้างั้นหรือ”
“เลิกพล่ามสักที! รีบเอาเสื้อผ้ามา!” แม้ทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้จักรพรรดิจื่อหยางไม่มีอารมณ์มาเล่นกับลู่เจ๋ออวี่ จึงตะโกนเร่งเร้าทันที
ลู่เจ๋ออวี่หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมอ่องกับยารักษาแผลออกมาแล้วยื่นให้จักรพรรดิจื่อหยาง
“จิ๊ๆ ๆ คิดไม่ถึงเลยว่า สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินปราณสงครามจะแพ้ย่อยยับจนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว…จนข้าไม่กล้าถามเจ้าแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ราชครูมองจักรพรรดิจื่อหยางอย่างเห็นอกเห็นใจ
จักรพรรดิจื่อหยาง “…”
ลู่เจ๋ออวี่ “กระจกเอกภพก็ไม่อยู่แล้วหรือ”
จักรพรรดิจื่อหยาง “…”
ลู่เจ๋ออวี่นวดหว่างคิ้วแล้วพูดต่อว่า “ข้าไม่รู้สึกถึงพลังของเพลิงเทวะจากกายเจ้าเลย แม้แต่เพลิงสุริยะก็ถูกชิงไปแล้วหรือ”
จักรพรรดิจื่อหยาง “…”
ลู่เจ๋ออวี่กะพริบตาปริบๆ พูดอย่างสงสัยว่า “ไยกางเกงในยังอยู่เล่า”
จักรพรรดิจื่อหยางน้ำตาคลอหน่วย “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดไปหยกๆ ไม่ใช่หรือว่า ไม่กล้าถามข้าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ”
ลู่เจ๋ออวี่ถอนหายใจอีกครั้ง “เพราะข้าแท้ๆ หากไม่ใช่เพราะพลังของข้ายังไม่ฟื้นฟู เจ้าคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
จักรพรรดิจื่อหยางไม่พูดอะไร
“ระเบิดนั่นเป็นฝีมือของเซียนกระบี่อันหลินหรือ” ลู่เจ๋ออวี่ถามอีกครั้ง
จักรพรรดิจื่อหยางผงกศีรษะ
“จักรพรรดิซวีหมิงตายแล้วหรือ” ลู่เจ๋ออวี่ถาม
“อืม” จักรพรรดิจื่อหยางพยักหน้า
เขาเห็นจักรพรรดิซวีหมิงถูกระเบิดอันน่ากลัวกลืนกิน กลายเป็นเถ้าธุลีต่อหน้าต่อตา ตอนนี้เมื่อย้อนคิดถึงภาพเหตุการณ์นั้นก็อดพรั่นพรึงใจไม่ได้
บรรยากาศหนักอึ้งในพริบตา
จู่ๆ ลู่เจ๋ออวี่ก็โพล่งขึ้นมาว่า “แต่เจ้ารอดกลับมาได้ แถมยังมีกางเกงในด้วย! อืม เป็นคนต้องมีบันยะบันยัง ท่าทางเซียนกระบี่อันหลินก็เป็นคนที่มีเหตุผลเหมือนกัน”
จักรพรรดิจื่อหยางได้ยินประโยคนี้ก็อ้าปากกว้าง รู้สึกว่าหัวใจที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบปวดหนึบขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นมนุษย์ต้องมีบันยะบันยัง…
สิ้นเนื้อประดาตัว เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวไว้ให้ ช่างเป็นคนดีจริงๆ…
จักรพรรดิจื่อหยางจะสติแตกแล้ว “ขอร้องเจ้าเลิกพูดมากสักทีได้ไหม ข้าอยากอยู่เงียบๆ!”
“ประโยคสุดท้าย เซียนสวรรค์โสว่หยางไม่ช่วยพวกเรา แต่เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้สามารถเจรจาได้ พวกเขาไม่อยู่ที่นี่แน่นอน เจ้าไม่คิดจะลองดูสักตั้งจริงๆ หรือ” อากัปกิริยาของลู่เจ๋ออวี่เคร่งขรึม เอ่ยถามด้วยนัยน์ตาที่วาวโรจน์
แสงเทียนวูบไหว แสงสว่างภายในห้องสลัวพร่ามัว
จักรพรรดิจื่อหยางตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
…
วันต่อมา ข่าวการตายของจักรพรรดิซวีหมิงแพร่กระจายด้วยความเร็วที่บ้าระห่ำ
แผ่นดินปราณสงครามเกิดการสั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยมีในประวัติกาล
มันเป็นข่าวที่ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนอย่างแท้จริง ผู้คนมากเหลือคณานับต่างก็ตะลึงงันเมื่อทราบข่าว
จักรพรรดิซวีหมิงเป็นใคร นั่นมันหนึ่งในสามสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินปราณสงคราม เป็นเสาค้ำฟ้าของแผ่นดินเชียวนะ! มันพังครืนลงมาเช่นนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน!
ไม่นานเซียนกระบี่อันหลินก็ป่าวประกาศจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ลั่นวาจาหากใครไม่พอใจ ก็ยินดีให้มาประมือที่เมืองซินจิ้ง ไม่ปฏิเสธใครทั้งนั้น
ข่าวนี้พ่วงด้วยข่าวการตายของจักรพรรดิซวีหมิง สะเทือนแผ่นดินจนสนั่นหวั่นไหว!
ทั้งผืนแผ่นดินแตกฮือในพริบตา ตั้งแต่วัยชราอายุหลายร้อยปี ไปจนถึงเด็กวัยไม่กี่ขวบ ล้วนแต่รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าข้างหูเมื่อได้ยินชื่อของเซียนกระบี่อันหลิน
“เดาได้แต่แรกแล้วว่า การตายของจักรพรรดิซวีหมิงเกี่ยวข้องกับเซียนกระบี่อันหลิน เป็นฝีมือเขาจริงๆ ด้วย!”
“คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเซียนกระบี่อันหลินจะมีความสามารถที่น่ากลัวปานนี้”
“ศึกระหว่างพวกเขาจัดขึ้นพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ ไยถึงได้ตัดสินชะตากันตั้งแต่เมื่อวาน”
“รอไม่ไหวแล้วละสิ ข้าได้ยินคนในเหตุการณ์เล่าว่า เซียนกระบี่อันหลินโยนดวงอาทิตย์ออกไปเมื่อไม่พอใจ ทำให้เขาซินจิ้งราบเป็นหน้ากลองทันที จักรพรรดิซวีหมิงก็สิ้นชีพในบัดดล!”
“โอ้โฮ! นี่มันเป็นพลังที่มนุษย์ทำได้จริงๆ หรือ”
“พลังแบบนี้มันเกินขอบเขตที่พวกเราจะเข้าใจได้แล้ว เซียนกระบี่อันหลินน่ากลัวจริงๆ!”
“ตอนนี้ควรจะเรียกว่าจักรพรรดิอันหลินแล้ว ต่อไปจักรวรรดิอ้าวซินคงจะเปลี่ยนมือแล้วละ…”
…
ขณะที่ทั่วทั้งแผ่นดินกำลังแตกตื่นกันอยู่นั้น
ภายในราชวังอ้าวซิน มีหกชีวิตกำลังเดินเตร่อยู่ในวังประหนึ่งเดินชมสวนดอกไม้
เหล่าราชนิกุลและขุนนางต่างก็ตัวสั่นงันงก ด้วยเกรงว่าจะทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้พิโรธ
พวกเขาป่าวประกาศไปทั่วแผ่นดินตามเงื่อนไขที่ร้องขอแล้วว่า ‘ข้ารอพวกเจ้าที่นี่’
เห็นได้ชัดว่า ถ้อยคำที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยประโยคนี้เป็นข้อความ ลูกทีมที่แยกจากกันได้ยินย่อมเข้าใจได้
ทั้งหกคนกระทำการอย่างเงียบเชียบภายในวังหลวง ไม่ได้เข่นฆ่าสังหาร เพียงแค่เรียกขุนนางชั้นสูงกับเหล่าราชนิกุลรวมตัวเพื่อสอบถามข้อมูล จากนั้นก็ขลุกอยู่ในหอตำราเพื่อค้นหาข้อมูล
หนังสือประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วรยุทธ์ วิชาความรู้…
“แผ่นดินปราณสงครามแห่งนี้อายุน้อยมาก ประวัติศาสตร์ที่บันทึกมีอายุเพียงหมื่นกว่าปี สมญานามของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือ จักรพรรดิสงคราม ต่อให้รวมจักรพรรดิซวีหมิงแล้ว จักรวรรดิอ้าวซินก็มีจักรพรรดิสงครามเพียงสี่คน” เรียวนิ้วขาวหยวกของสวีเสี่ยวหลานพลิกตำราอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอ่านเนิบนาบไปด้วย
“จักรพรรดิสามคนที่เหลือไปไหนเสียแล้วล่ะ” อันหลินถามอย่างสงสัย
สวีเสี่ยวหลานตอบว่า “จักรพรรดิสงครามคนแรกเสียชีวิตเพราะชราภาพ คนที่สองยังหาบันทึกที่เกี่ยวข้องไม่เจอ คนที่สามตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดินีปี้ฉง”
อันหลินพยักหน้าแล้วพลิกอ่านตำราความรู้ทั่วไป หมายค้นหาเบาะแสของสุสานโสว่หยาง
สามวันผ่านไปในพริบตา
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุสานโส่วหยาง สิ่งที่พวกอันหลินหาเจอเพียงประโยคเดียวนั่นก็คือ เซียนสวรรค์โส่วหยางได้พบกับจักรพรรดิสงครามในแผ่นดินนี้สามคน จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าทางเหนือ
ข้อมูลนี้น้อยกว่าที่จักรพรรดิจื่อหยางให้มาด้วยซ้ำ ช่างน่าผิดหวัง
แต่ทางด้านการวิจัยวรยุทธ์กลับได้ประโยชน์ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะด้านการใช้ปราณสงครามขั้นสุดยอด มีจุดที่เชื่อมโยงกับการใช้พลังปราณอยู่มากทีเดียว หลังทุกคนได้อ่านก็กระจ่างใจขึ้นมาก
ขณะที่พวกอันหลินกำลังอ่านตำราอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีข่าวหนึ่งถูกส่งต่อมาจากจักรวรรดิทีฆชาติ
‘จักรพรรดินีปี้ฉงขอเชิญเซียนกระบี่อันหลินไปพบที่วังทีฆชาติ’