ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 330 จักรพรรดินีปี้ฉง
“จักรพรรดินีปี้ฉงเรียกหาข้าทำไม”
อันหลินงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อทราบข่าวนี้
สวีเสี่ยวหลานเบะปากพูดว่า “จะเพราะอะไรได้อีกล่ะ อยากชื่นชมความสง่างามของเซียนกระบี่อันหลินน่ะสิ”
“อืม มีเหตุผล” อันหลินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
สวีเสี่ยวหลาน “… หนังหน้าเจ้าหนากว่าเปลือกโลกหรือไง”
เซวียนหยวนเฉิงทำท่าครุ่นคิด “จู่ๆ นางก็เชิญเจ้า หรือจะเกี่ยวข้องกับพวกศิษย์พี่หลิว”
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้า “มีเหตุผล พลังต่อสู้ของศิษย์พี่หลิว น้อยคนในแผ่นดินนี้จะต่อกรกับนางได้ ไม่มีทางเงียบเชียบทั้งที่ผ่านมาหลายวันเช่นนี้ ข้าคิดว่าสี่คนที่เหลือน่าจะมีอะไรบางอย่างทำให้ต้องอยู่ที่จักรวรรดิทีฆชาติ”
“ไปกันเถอะ อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราไปจักรวรรดิทีฆชาติ ไปดูเผ่าพันธุ์ภูตงูในตำนานสักหน่อย!” อันหลินสงสัยในเผ่าพันธุ์ภูตงูของแผ่นดินนี้นานแล้ว ฉวยจังหวะนี้เปิดหูเปิดตาสักหน่อย
หลังทุกคนปรึกษาหารือกันแล้ว ก็ตัดสินใจเดินทางทันที ถือโอกาสถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียนสวรรค์โส่วหยางกับจักรพรรดินีด้วย
ทั้งห้าร่างเหาะออกจากวังหลวง มุ่งหน้าสู่จักรวรรดิทีฆชาติ
จากนั้นพวกเขาก็เจอคนรู้จักคนหนึ่งกลางเวหา
ชายวัยกลางคนสวมชุดสีม่วงคนหนึ่ง มีรอยยิ้มอ่อนโยนดุจลมวสันต์โค้งคำนับทุกคนอย่างงามสง่า
พูดกันว่า ไม่พบสามวันกลายเป็นอื่น ท่าทางจะเป็นความจริง
พวกอันหลินแทบจะจำชายคนตรงหน้าไม่ได้แล้ว
จักรพรรดิจื่อหยางไม่น่าจะหล่อขนาดนี้นะ!
เขาไม่ควรจะเป็นเจ้าวิปริตที่สวมแค่กางเกงใน เนื้อตัวทั้งแดงและเกรียมคนนั้น
จะหล่อไปแข่งกับใคร
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของทุกคน มุมปากของจักรพรรดิจื่อหยางก็กระตุกยิกๆ
“แหะๆ บังเอิญนักที่ได้พบเจอทุกคนที่นี่” จักรพรรดิจื่อหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนทำหน้าระอาใจ พี่ชายอย่าโกหกหน้าด้านๆ ได้ไหม ตัวตลกที่ไหนกันนะที่รีบรุดเหาะเข้ามาขวางหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย!
“นั่นสิ บังเอิญจังเลย สหายจื่อหยางมีธุระอะไรหรือ” อันหลินตัดสินใจไว้หน้าจักรพรรดิจื่อหยาง เพราะตอนนั้นถูกเขารังแกจนอนาถปานนั้น ก็รู้สึกผิดอยู่มากเหมือนกัน
“อืม ข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้า” จักรพรรดิจื่อหยางพูดอย่างจริงจังว่า “ขอแค่พวกเจ้าพาข้าไปจากโลกใบนี้ ทำให้ข้ามีโอกาสก้าวหน้าไปอีกขั้น ข้ายอมช่วยพวกเจ้าในโลกใบนี้สุดความสามารถ”
กำลังเสริมระดับจักรพรรดิสงคราม ทำให้พวกอันหลินหวั่นไหวแล้ว
อันหลินมองจักรพรรดิจื่อหยางแล้วพูดว่า “ทางออกที่พวกเราหาเจอ เจ้าอาจจะไม่มีสิทธิ์ผ่านก็ได้”
สีหน้าของจักรพรรดิจื่อหยางหนักแน่น “ไม่เป็นไร ข้ายินดีจะลองดู!”
“อีกอย่างโลกภายนอกไม่มีพลังเช่นปราณสงครามนะ” อันหลินพูดเสริม
ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิจื่อหยางนิ่งไปแล้ว
เขาอาศัยระบบพลังงานของปราณสงคราม กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ประโยคนั้นของอันหลินกลับบ่งบอกว่า หากเขาไปยังอีกโลก จำต้องละทิ้งปราณสงคราม เริ่มต้นบำเพ็ญเพียรใหม่…
เช่นเดียวกับปลาที่จากผืนทะเลไปยังทะเลทราย มันไม่กลายเป็นปลาตายก็ต้องเป็นปลาเค็ม!
“ผู้อาวุโสจื่อหยาง การทะลวงขั้นของมรรควิถี ใช่ว่าจะบรรลุได้ด้วยการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญเพียร ในแผ่นดินปราณสงคราม ก็ก้าวหน้าได้เช่นกัน เจ้าต้องมั่นใจในตัวเอง” แม้เซวียนหยวนเฉิงจะต้องการความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสงคราม แต่เขาก็ไม่สนับสนุนให้จื่อหยางเสี่ยงอันตรายเดินทางไปอีกโลกหนึ่ง
ไม่คิดว่าจักรพรรดิจื่อหยางจะยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น “พลังยุทธ์ของข้าหยุดนิ่งมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่เจอทางออกเลยแม้แต่นิด…ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าอยากลองดูสักตั้ง!”
เมื่อเห็นจักรพรรดิจื่อหยางยังคงยืนหยัด พวกอันหลินก็ไม่เกลี้ยกล่อมอีก พาจักรพรรดิสงครามคนนี้เดินทางไปด้วยก็ไม่เลวเหมือนกัน
ส่วนความภักดีนั้น จักรพรรดิจื่อหยางสาบานต่อสวรรค์แล้ว พวกอันหลินก็ไม่กังวลแล้ว
ลำแสงเจ็ดเส้นมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ข้ามน้ำข้ามทะเล
ทุกคนเข้าสู่เขตของจักรวรรดิทีฆชาติโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดอันหลินก็ได้เห็นเผ่าพันธุ์ภูตงูในตำนานแล้ว รูปร่างลักษณะของพวกเขาคล้ายคลึงกับมนุษย์ หางงูร่างมนุษย์ บ้างก็มีปีกงอกออกจากแผ่นหลัง สีผมก็มีหลากหลายสีสัน เต็มเปี่ยมด้วยความเฉพาะตัว
“พรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรของเผ่าพันธุ์ภูตงูใกล้เคียงกับมนุษย์ แต่พื้นฐานทางกายภาพของพวกเขากลับแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ประมาณสามเท่า อายุขัยก็มากกว่ามนุษย์สองเท่า” จักรพรรดิจื่อหยางทอดมองเผ่าพันธุ์ภูตงูที่อยู่เบื้องล่าง เอื้อนเอ่ยด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
มาถึงระดับที่เขาอยู่ ไหนเล่าจะสนใจว่าพลทหารเป็นคนไร้ประโยชน์ระดับห้าหรือระดับสิบ
“เผ่าพันธุ์ภูตงูเหมือนงูเทวะในเผ่ามารของแผ่นดินเราเลย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอก หรือคุณสมบัติภายใน คล้ายคลึงกับงูเทวะอย่างยิ่ง” เซวียนหยวนเฉิงมองเผ่าพันธุ์บนพสุธา พูดด้วยความตกใจ
“มันแปลกมากเลยหรือ” อันหลินไม่เข้าใจ
สวีเสี่ยวหลานพูดยิ้มๆ ว่า “งูเทวะเป็นถึงเผ่าพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแม่หนี่วาอย่างใหญ่หลวง ในแผ่นดินบรรพกาลมีน้อยนัก ฐานะก็สูงส่งอย่างยิ่ง”
เซวียนหยวนเฉิงกล่าวว่า “แต่ว่าที่นี่ เผ่าพันธุ์ภูตงูกลับยึดครองเนื้อที่ไปกว่าหนึ่งในสาม”
อันหลิน “…”
เขาเริ่มเข้าใจอารมณ์ของพี่เฉิงแล้ว หากเผ่าพันธุ์ภูตงูกับงูเทวะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน มันก็น่าปวดหัวอยู่เหมือนกัน
ก็เหมือนกับที่คุณคิดว่าหมีแพนด้าน่าทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง ล้ำค่าที่สุดในโลก แต่จู่ๆ ก็มีหมีแพนด้าเพิ่มมาหลายร้อยล้านตัว มันจะเกิดความรู้สึกเฮงซวย ไม่แน่ว่าอาจเกิดสงครามหมีแพนด้าจะไม่เป็นทาสอีกต่อไปก็ได้
ราชวังทีฆชาติตั้งอยู่ใจกลางจักรวรรดิทีฆชาติ สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงล้วนสร้างจากหยกวิญญาณสีมรกต มองไปล้วนเป็นสีเขียวงามตา ให้ความรู้สึกแปลกใหม่อย่างยิ่งยวด
ลำแสงหกเส้นพุ่งตรงสู่ราชวังทีฆชาติโดยตรง ไม่มีอุปสรรคกีดขวางเลยแม้แต่นิด ประหนึ่งว่าเปิดทางไว้ก่อนแล้ว
อันหลินตื่นเต้นไม่น้อย เพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีปี้ฉง ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน
จากการตรวจดูตำราประวัติศาสตร์ เขาได้ทราบว่าจักรพรรดิสงครามที่ตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดินีปี้ฉงมีถึงสองคน
ต้องรู้ว่าศึกระหว่างจักรพรรดิสงคราม หากพลังใกล้เคียงกันสู้ไม่ไหวยังหนีได้ แต่นางก็ยังฆ่าไปได้ถึงสองชีวิต มันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่านางเป็นบุคคลที่อยู่สูงสุดบนห่วงโซ่อาหารของจักรพรรดิสงคราม! ในฐานะของอิสตรี นางสุดยอดมาก!
แม้จักรพรรดิจื่อหยางจะอยู่ข้างกายอันหลิน แต่ไม่ได้ลดแรงกดดันที่เขามีเลย เพราะความประทับใจแรกที่มีต่อจักรพรรดิจื่อหยางมันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
พวกอันหลินเหยียบย่างเข้าสู่ตำหนักหลักของราชวังอย่างนอบน้อม จดจ้องจักรพรรดินีที่สูงส่งยิ่งใหญ่แล้วยืนนิ่งอยู่กับที่
หญิงชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งแทะผลวิเศษที่หอมกรอบอร่อยอยู่บนบัลลังก์ แก้มขาวเปล่งปลั่งพองขึ้น ท่าทางน่ารัก
รูปโฉมของนางน่ารักสดใสเป็นอย่างมาก ใบหน้ารูปไข่น่าดูชม ผิวขาวดุจหยกไขมันแพะ รูปร่างอรชรปานก้านหลิวริมทะเลสาบ เส้นผมดำขลับพลิ้วไหวดั่งภาพวาดน้ำหมึก
“โอ้! ท่านเจ้าแห่งพิษ ในที่สุดคุณก็มาสักที!” นัยน์ตาสุกใสของหญิงสาวเปล่งประกาย วิ่งปรี่เข้าไปหาอันหลิน กอดเขาไว้ด้วยความดีใจ รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มน่าเอ็นดู
ทุกคนยังคงตกอยู่ในภวังค์ อันหลินกลืนน้ำลายดังเอื๊อกแล้วพูดว่า “พญางูขาว เธอ…เธอเป็นจักรพรรดินีปี้ฉงเหรอ”
ล้อกันเล่น ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งที่เลื่องชื่อลือชาในแผ่นดินปราณสงครามเป็นเด็กน้อยกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดคนนี้จริงๆ เหรอ
พวกอันหลินพยายามยอมรับความจริงข้อนี้ แต่พญางูขาวกลับถอยหลังหนึ่งก้าว
เธอส่ายหน้าอย่างยิ้มแย้ม “คุณพูดอะไรน่ะ ฉันไม่ใช่จักรพรรดินีปี้ฉงเสียหน่อย!”
ทุกคนต่างก็โล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ยังดีที่โลกใบนี้ยังเป็นปกติ
อันหลินก็ตบอกปุๆ แล้วเอ็ดว่า “ให้ตายสิ เธออย่าทำฉันตกใจสิ หัวใจจะวายเอา ครั้งหน้าอย่านั่งบัลลังก์ของจักรพรรดินีตามใจชอบ!”
จักรพรรดิจื่อหยางกลับทำหน้าฉงนสงสัย เขาเคยเห็นจักรพรรดินีปี้ฉงแล้ว รู้แต่แรกแล้วว่าพญางูขาวไม่ใช่จักรพรรดินี แต่เด็กคนนี้กลับนั่งบนบัลลังก์จักรพรรดินีได้ตามใจชอบ ชัดเจนว่ามันไม่ปกติ
“ฮี่ๆ ไม่เป็นไรซะหน่อย ฉันจะเรียกเสี่ยวชิงมาเดี๋ยวนี้เลย”
พญางูขาวยกมือขึ้นจรดริมฝีปากแล้วผิวปากดังกังวาน
เพียงชั่วครู่ก็เห็นหญิงชุดเขียวที่งามสะคราญเยื้องย่างเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เมื่อเห็นพญางูขาวก็แปลงกายเป็นงูสีเขียวตัวกระจิ๊ด พันเกี่ยวท่อนแขนขาวราวหิมะของพญางูขาวอย่างออดอ้อน
“ฉันขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับสัตว์เลี้ยงของฉัน เสี่ยวชิง อืม หรือก็คือจักรพรรดินีปี้ฉงที่ทุกคนว่านั่นแหละ” พญางูขาวลูบหัวสีเขียวอย่างภูมิใจ แนะนำด้วยรอยยิ้ม
ฮะ
ตำหนักเงียบลงทันตา
พวกเซวียนหยวนเฉิงมองพญางูขาวอย่างตะลึงพรึงเพริด นิ่งงันกับที่
อันหลินกุมหน้าอก จวนจะกระอักเลือดแล้ว
พญางูขาวไม่ใช่จักรพรรดินีปี้ฉง
แต่จักรพรรดินีปี้ฉงเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ…
เรื่องนี้น่าตกใจกว่าเสียอีก!
โกหกกันใช่ไหม ฝันไปใช่หรือเปล่า!
ส่วนจื่อหยางที่เคยพบเจอจักรพรรดินีปี้ฉงผู้อหังการไร้เทียมทานนั้น…
เขายอมศิโรราบ!