ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 332 ฝีมือการแสดงอย่างข้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
เกาะเต่ายักษ์ มังกรบินสีน้ำเงินตัวหนึ่งบินผ่านไป พร้อมกับสายลมที่พัดกรรโชกพาต้นไม้บนธรณีให้หลุดลอยขึ้นมา
“เพลิงไตรวิสุทธิ์!”
เสียงตะโกนดังลั่น ลูกไฟสีทองพุ่งใส่มังกรบินทันที
ความเร็วของลูกไฟถึงขั้นทำให้มังกรบินระดับจักรพรรดิสงครามตั้งตัวไม่ทัน ก็ถูกมันแผ่เป็นวงกลมครอบคลุม ยากจะหลุดพ้นได้
ตูม! ลูกไฟระเบิดโดยพลันด้วยอุณหภูมิที่สูงจนน่ากลัว จากนั้นก็กลายเป็นฝนเพลิงกระหน่ำเทลงมา สวยงามอย่างยิ่ง
ร่างที่สุกได้ที่ร่วงหล่นจากท้องนภา ท่าทางดูยั่วยวนใจ
“สมกับเป็นจักรพรรดิจื่อหยาง วิชาเพลิงของเจ้า เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ข้าจริงๆ” อันหลินเอ่ยชมด้วยความดีใจพลางใช้ฝ่ามือดูดร่างของมังกรบินสีน้ำเงิน
จักรพรรดิจื่อหยางไม่อยากพูด เพียงถลึงตาใส่อันหลินก็เท่านั้น
เขาชินกับการใช้คาถาเพลิง ทว่าร่ายคาถาตอนนี้ ก็ทำได้เพียงแสร้งว่ามีเพลิงเทวะเท่านั้น ความอึดอัดใจเช่นนี้ใครเล่าจะเข้าใจ
อันหลินมองมังกรบินใต้ร่างแล้วเผลอเดาะปาก เขาสนใจอาหารในแผ่นดินปราณสงครามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสัตว์ระดับจักรพรรดิสงคราม อยากลิ้มลองมานานแล้ว
“มาๆ มากินด้วยกัน!”
เขากระชากปีกมังกรที่สุกแล้วมากินพลางพูดเชิญชวน
รสชาติของปีกมังกรอร่อยไม่หยอก หนังหอมเกรียมกรอบอร่อย เนื้อข้างในเหนียวนุ่ม มีรสหวานปะปน อร่อยจนถอนตัวไม่ขึ้น
จักรพรรดิจื่อหยางก็ไม่เกรงใจ ฉีกขามังกรแล้วลงมือสวาปามทันที
อสูรระดับจักรพรรดิสงคราม ต่อให้ค้นหาทั่วแผ่นดินปราณสงครามก็พบเจอได้ยาก ทั้งคู่กินอย่างอิ่มหนำสำราญ
พระอาทิตย์ค่อยๆ จมลับไปในผิวทะเล ดวงจันทร์ลอยเด่นกลางท้องฟ้ายามรัตติกาล
เกาะเต่ายักษ์เริ่มเงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่นซัดเป็นระลอกๆ ที่ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย
อันหลินเงยหน้ามองพระจันทร์บนเวหา มันขาวนวลกระจ่าง เปล่งแสงเย็นยะเยือก
คล้ายว่าหลายวันมานี้ ดวงจันทร์จะคล้ายคลึงกัน กลมกลึงไม่เว้าแหว่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“ไปกันเถอะ เราลงทะเลกัน” จักรพรรดิจื่อหยางโพล่งขึ้นมา
อันหลินพยักหน้า “เจ้านำทางไปเลย”
ฟิ้ว…ฟิ้ว
ลำแสงสองเส้นจมหายไปในท้องทะเล พร้อมกับละอองน้ำสาดกระเซ็น
จักรพรรดิจื่อหยางกระโดดลงน้ำเหมือนแม่หมู กระแทกผิวน้ำจนเกิดริ้วคลื่นลูกใหญ่
อันหลินกระโดดลงน้ำปานนกบินโฉบจิกแผ่วเบา ก่อให้เกิดริ้วคลื่นเบาบาง เห็นได้ชัดว่าใครเหนือกว่ากัน
“เพลิงจันทร์ภฤษฏ์เป็นลูกไฟสีน้ำเงิน การปรากฏและหายไปของมันรวดเร็วยิ่งนัก เจ้าจำต้องรีบกลืนมันให้ไว” จักรพรรดิจื่อหยางกล่าว
ตอนแรกเขาจะพูดว่า ‘ปราบพยศได้ยากยิ่ง’ แต่เมื่อหวนคิดถึงภาพที่อันหลินเขมือบเพลิงสุริยะ ก็กลืนลงท้องไป
อันหลินกวาดตามองรอบกาย ใต้ทะเลมืดมิด หากเปลวไฟปรากฏตัวต้องสะดุดตามากเป็นแน่
ทันใดนั้น ดวงตาของทั้งสองก็เพ่งมองบริเวณหนึ่งพร้อมกัน
ตรงนั้นมีแสงสีน้ำเงินสว่างเจิดจ้า แหวกความมืดมนอันไร้ที่สิ้นสุดของท้องทะเล แลดูโดดเด่นยิ่งนัก
“ไป!”
อันหลินกับจักรพรรดิจื่อหยางพุ่งใส่แสงสีน้ำเงินอย่างไม่ลังเล
ลำแสงสีน้ำเงินถอยกรูดทันใดราวกับสัมผัสได้
ขณะที่อันหลินกับจักรพรรดิจื่อหยางรีบพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วอย่างยิ่งยวดนั้น บริเวณนั้นก็เหลือเพียงควันของเพลิงสีเงินเบาบาง ไม่นานก็ถูกความมืดมิดกลืนกิน
“คุณพระ อันตรธานหายไปเช่นนี้จริงๆ หรือ!” อันหลินเบิกตากว้างมองไปรอบๆ ไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่นิด ราวกับมันเกิดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และหายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างไรอย่างนั้น
จักรพรรดิจื่อหยางถอนหายใจ “เพลิงจันทร์ภฤษฏ์กลมกลืนกับท้องทะเล เกิดดับตามใจชอบ ตอนนั้นจักรพรรดิซวีหมิงจับมันหลายร้อยครั้งก็ไม่เป็นผล อย่าว่าแต่ขับกล่อมมันเลย…”
อันหลินไม่ยอมแพ้ เพ่งพิศมองรอบกายอย่างถี่ถ้วน
จู่ๆ ก็มีฝ่ามือเพลิงสีน้ำเงินปรากฏข้างกายอันหลิน ตวัดฟาดลงมาพร้อมกับพลังเพลิงที่เย็นเยียบ!
อันหลินก็ตอบโต้ฉับไว อ้าปากกว้างพร้อมกับกระตุ้นวิชาปีกแห่งอัคคีโดยไม่ลังเล
ครืน
อึก
เปลวเพลิงถูกกลืนลงท้องไปพร้อมกับน้ำทะเลเค็มปี๋
“แค่กๆ…พับผ่าสิ! รสชาตินี้มัน…” อันหลินกุมท้องแผดเสียงดังลั่น
จักรพรรดิจื่อหยางสะดุ้งโหยง นึกว่าเกิดอุบัติเหตุ พูดอย่างร้อนใจว่า “เป็นอะไรไป เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
“รสชาติของมันออกหวาน คล้ายไอติม แต่เจือความเค็มของน้ำทะเล ทำเสียรสชาติอย่างแรงเลย!” อันหลินบ่นอุบอย่างไม่พอใจ
จักรพรรดิจื่อหยาง “…”
จักรพรรดิจื่อหยางเริ่มทนไม่ไหวแล้ว คนอื่นล้วนวิจารณ์ว่าเพลิงเทวะน่ากลัวปานใด ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่เจ้าอันหลินคนนี้กลับพูดว่ารสชาติเป็นอย่างไร จะคุยกันดีๆ หน่อยได้ไหม!
อีกอย่าง…ไอติมคืออะไร
“แต่เพลิงจันทร์ภฤษฏ์น่าสนใจจริงๆ เป็นฝ่ายจู่โจมได้ด้วย ไม่รู้ว่าแหล่งเพลิงอยู่ที่ใด…” ดวงตาอันหลินทอความตื่นเต้น พึมพำเสียงเบา
จื่อหยางส่ายหน้า “เพลิงเทวะมีปัญญาไม่มากนัก เจ้ามองว่ามันเป็นการตอบสนองตามสัญชาตญาณก็ได้ เมื่อครู่มันคงจะอยากขับไล่เจ้า หากเจ้าดูแข็งแกร่งเกินไป มันอาจจะถดถอย ไม่กล้าออกมา…”
“เจ้าหมายความว่าอ่อนข้อให้ศัตรูก่อนงั้นหรือ” นัยน์ตาของอันหลินเป็นประกาย
จื่อหยางพยักหน้า “ใช่ แต่อ่อนข้อเกินไปก็ไม่ได้ เพลิงจันทร์ภฤษฏ์ต้องการโจมตีอย่างยิ่งใหญ่ แหล่งเพลิงย่อมต้องปรากฏให้เห็นเป็นแน่ ถึงตอนนั้นเจ้าคอยฉวยจังหวะกินมันก็พอแล้ว!”
ไม่รู้ว่าจื่อหยางยอมรับแนวคิดของอันหลินตั้งแต่เมื่อใด ไม่พูดว่าครอบครองและขับกล่อมเพลิงเทวะอีกต่อไป แต่พูดว่ากินมันแทน!
“ก็คือเล่นละครตบตาสินะ ไม่ต้องห่วง ข้าถนัดเลยละ” อันหลินหัวเราะร่า มั่นใจเต็มเปี่ยม
เพลิงจันทร์ภฤษฏ์รังเกียจที่ทั้งคู่โผล่มาในทะเลลึกยิ่งนัก การโจมตีระลอกที่สองเริ่มขึ้นแล้ว
ครืน ครั้งนี้เป็นหมัดเพลิงสีน้ำเงินสิบทีในคราวเดียว
อันหลินไม่ใช้วิชาปีกแห่งอัคคีอีก แต่เลือกใช้กำลังกายแทน
หมัดแลกหมัด
พลังงานอันยิ่งใหญ่ปะทะกัน ทำให้ท้องสมุทรเกลือกกลิ้ง
ลูกไฟสีน้ำเงินกระแทกมือ ทำให้อันหลินรู้สึกถึงความเย็นเยือกจับขั้วหัวใจ ผิวหนังกลายเป็นสีแดง ชัดเจนว่าถูกไฟลวก
การจู่โจมอย่างรุนแรงทำให้อันหลินถอยกรูด พร้อมกับร้องโอดโอย
จักรพรรดิจื่อหยางก็ถูกหมัดเพลิงสีน้ำเงินโจมตีเช่นกัน ทักษะการแสดงของเขาดูงุ่มง่ามกว่าดาวรุ่งส่วนใหญ่เสียอีก ระหว่างที่ร้องเสียงหลง มุมปากกลับยกขึ้นเกินเหตุ การแสดงสีหน้าเอาไปเต็มสิบ แต่ฝีมือการแสดงศูนย์คะแนน
หลังหมัดเพลิงได้ผล ความมั่นใจของเพลิงจันทร์ภฤษฏ์ก็พุ่งทะยาน พลังงานที่น่ากลัวซัดสาดใต้ทะเลลึก
จากนั้นหมัดเพลิงขนาดใหญ่ราวๆ สามจั้งหลายร้อยลูกก็พุ่งใส่อันหลินกับจักรพรรดิจื่อหยางปานฝนดาวตก
หมัดฝนดาวเพลิงอาชาสวรรค์!
อันหลินมองหมัดเพลิงที่เนืองแน่นด้วยความรู้สึกที่ชาวาบ ตกใจกับความแข็งแกร่งของเพลิงจันทร์ภฤษฏ์
ตูม! หมัดเพลิงสีน้ำเงินหลายร้อยลูกพุ่งมาด้วยพลังมหาศาลอย่างบ้าคลั่ง ซัดจนอันหลินโหวกเหวกโวยวาย เจ็บปวดจนใบหน้าเหยเก
พลังเพลิงที่เย็นยะเยือก พละกำลังที่น่ากลัว การโจมตีที่ถี่กระชั้น…
ทุกอย่างทำให้อันหลินรับมือไม่ไหว ถูกโจมตีจนถอยกรูด
พับผ่าสิ! รุนแรงเกินไปแล้ว!
จักรพรรดิจื่อหยางที่ต้านหมัดเพลิงนับไม่ถ้วนหันหน้ามองอันหลิน พลันเกิดความชื่นชมในใจ
เซียนกระบี่อันหลินเป็นผู้วิเศษชัดๆ แม้แต่การแสดงยังทำได้ยอดเยี่ยมปานนี้ ดูสีหน้าที่หวาดกลัวเจ็บปวดนั่นสิ ไหนจะร่างกายที่ถูกโจมตีจนบิดเบี้ยว… จิ๊ๆ ๆ สมจริงเหลือเกิน เขาละอายใจยิ่งนัก!
อันหลินแทบจะร้องไห้แล้ว เล่นละครกับผีอะไร การโจมตีที่น่ากลัวขนาดนี้ นี่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของเขาต่างหาก!
ลูกไฟจำนวนมากในทะเลลึกกระหน่ำโจมตี อันหลินกับจักรพรรดิจื่อหยางไร้หนทางตอบโต้ แต่อาศัยพลังชีวิตปานแมลงสาบ จึงไม่ตาย
เพลิงจันทร์ภฤษฏ์ก็สู้จนเกิดโทสะแล้ว จู่ๆ กระแสน้ำใต้ทะเลลึกก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง
ตูม! มังกรเพลิงใหญ่โตมโหฬารเก้าสิบเก้าตัวปรากฏกายกลางทะเล
พวกมันก่อตัวเป็นค่ายกลสังหารขนาดใหญ่ยักษ์ แสงไฟสีน้ำเงินส่องก้นทะเลให้สว่างโร่ประหนึ่งทิวาวัน พลังเพลิงที่น่าสะพรึงม้วนตัวถาโถมเข้าหาอันหลินกับจักรพรรดิจื่อหยาง
ลูกไฟสีน้ำเงินที่พร่างพรายประดุจแสงดาวปรากฏอยู่ไม่ไกล มันคือร่างของเพลิงจันทร์ภฤษฏ์นั่นเอง
ชัดเจนว่ามันคิดจะเอาจริงแล้ว!
อันหลินที่ถูกโจมตีจนใบหน้าบวมปูดมีไฟโทสะอัดแน่นเต็มทรวงนานแล้ว
ตอนนี้เมื่อเห็นแหล่งเพลิงปรากฏตัว เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ระเบิดพลังทั้งหมดแล้วพุ่งใส่แหล่งเพลิงทันที!
วิชาญาณทิพย์!
กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่แห่งสายลม!
ปีกวายุ!
พลังปราณอนธการ!
ชั่วขณะที่พลังพุ่งทะยานนั้น ร่างกายของอันหลินก็รวดเร็วถึงขั้นมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ชนมังกรเพลิงตัวหนึ่งที่ขวางหน้าจนแหลกสลาย น้ำทะเลรอบกายถูกพลังที่น่ากลัวทำให้เกิดเขตสุญญากาศเป็นวงกว้าง
“คุณพระ! เร็วปานนี้เลยหรือ!” จักรพรรดิจื่อหยางก็สะดุ้งตกใจกับความเร็วอันน่ากลัวของอันหลินเช่นกัน สบถออกมาอย่างลืมตัว
เพลิงจันทร์ภฤษฏ์ยังไม่ทันตั้งตัว อันหลินก็เข้าประชิดตัวแล้ว
จากนั้นสิ่งที่มันเห็นก็คือปากที่อ้ากว้าง เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นความมืดมนอันเวิ้งว้าง…
“อึก”
อันหลินกลืนเพลิงจันทร์ภฤษฏ์เสร็จแล้วรีบยุติการใช้พลังปราณอนธการ จากนั้นก็กินยาบำรุงเลือดลม ถึงได้สงบลง
คำว่า ‘จันทร์’ ปรากฏเด่นชัดบนแถบวรยุทธ์ปีกแห่งอัคคี
รวบรวมเพลิงจันทร์ภฤษฏ์สำเร็จเสร็จสิ้น!