ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 334 ท่องแดนโบราณรกร้าง
แดนโบราณรกร้างเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแผ่นดินนี้
มันมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างมหันต์ สัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ห้าอาวุธเทวะ สี่เพลิงเทวะ ว่ากันว่าล้วนมาจากแดนโบราณรกร้างทั้งสิ้น
หมอกพิษสีดำที่ก่อตัวตามธรรมชาติตัดขาดแดนโบรารรกร้างแห่งนี้จากโลกภายนอก
ครืน
ลำแสงเก้าเส้นพุ่งทะลุหมอกพิษเข้าสู่แผ่นดินใหม่
ก้อนอิฐยักษ์ของอันหลินมีเถียนหลิงหลิงกับพญางูขาวนั่งอยู่
จักรพรรดินียังคงอยู่ในร่างของงูมรกต พันรอบท่อนแขนของพญางูขาวอย่างเอื่อยเฉื่อย ราวกับเป็นเครื่องประดับที่งามประณีตอย่างยิ่งยวด เพิ่มความงดงามอันเฉพาะตัวให้กับพญางูขาว
ในดินแดนที่เป็นสีดำแห่งนี้ มีพืชพรรณประหลาดล้นหลาม พวกมันล้วนเป็นพืชสีม่วงดำที่แฝงด้วยพิษร้ายแรง ส่วนใหญ่ยังเป็นฝ่ายจู่โจมสัตว์อสูรที่สัญจรผ่านมาอีกด้วย
สัตว์อสูรที่ถูกพืชเขมือบหลังจู่โจมด้วยพิษ ไม่ต่ำกว่าพืชที่ถูกสัตว์อสูรกินแน่นอน
พวกอันหลินถูกสัตว์อสูรนานาชนิดจู่โจมทันทีที่เข้าไป
มีฝูงผึ้งพิษที่มืดฟ้ามัวดินยกโขยงมา มีมังกรบินที่ยิ่งใหญ่อหังการ มีแม้กระทั่งดอกไม้ยักษ์ที่พ่นพิษขึ้นฟ้าประหนึ่งขีปนาวุธ
แต่พวกมันล้วนถูกแผดเผาไม่มีเว้น
จักรพรรดิจื่อหยาง สมุนอันดับหนึ่งแห่งทีมอันหลิน หาใช่คนที่มีดีเฉพาะชื่อไม่ เห็นศัตรูหนึ่งตนเผาหนึ่งตน เห็นหนึ่งคู่ก็เผาหนึ่งคู่ ทุกหนแห่งที่ผ่านโล่งเตียน อหังการยิ่งแล้ว
“แดนโบราณรกร้างแบ่งเป็นวงในและวงนอก วงนอกเป็นบริเวณที่สัตว์อสูรหลากชนิดทำกิจกรรม วงในกลับเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย กระบี่สมุทร ป้ายอาญาสิทธิ์อัสนี และเพลิงอนัตตา ว่ากันว่าอยู่ในวงในของแดนโบราณรกร้าง” จักรพรรดิจื่อหยางพูดขณะที่รบไปด้วย
อันหลินเกิดความสงสัยเมื่อได้ฟัง “ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ ขอบเขตของวงในคงจะไม่ใหญ่สินะ สถานที่แบบนี้ยังไม่ถูกจักรพรรดิสงครามอย่างพวกเจ้าขุดค้นทุกซอกทุกมุมอีกหรือ”
จื่อหยางเหลือบมองอันหลิน “เพราะที่นั่นอันตรายอย่างไรเล่า ต่อให้เป็นข้า เข้าไปก็อาจจะไม่รอดกลับมาก็ได้ ไยต้องเสี่ยงอันตรายด้วยเล่า ตอนนั้นข้ามีเพลิงสุริยะก็เพียงพอแล้ว”
พูดจบเขาก็มองอันหลินอย่างขุ่นเคืองอีกครั้ง
อันหลินหยุดพูด ยิ้มแหยแล้วเบนสายตามองทางอื่น กินลมชมวิว
หลังเหาะไปได้หลายชั่วยาม ก็มีหิมะโปรยอย่างหนาแน่นประดุจม่านที่ลู่ลงจากผืนฟ้าอยู่ไกลๆ เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
“ทะลุผ่านม่านพายุหิมะนี่ไป ก็จะถึงวงในของแดนโบราณรกร้างแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย!” จักรพรรดิจื่อหยางเตือนขึ้นมากะทันหัน
ยามอยู่วงนอก เขารับประดับความปลอดภัยของสมาชิกทุกคนได้ ถึงขั้นมองว่าเป็นการท่องเที่ยวก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่เมื่อเข้าสู่วงในของแดนโบราณรกร้างแล้ว เขาให้คำมั่นสัญญาอะไรไม่ได้เลย เพราะแม้จะเป็นเขา ก็อาจจะตายที่นั่นได้เหมือนกัน
ทุกคนต่างก็ตื่นตัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น อันหลินยกโล่แห่งชัยชนะให้เถียนหลิงหลิงพกติดตัวชั่วคราว
เพราะความปลอดภัยของโลลิน้อยต่ำที่สุด จำต้องปกป้องหากเจอกับสัตว์อสูรระดับอริยะสงคราม
ทางด้านพญางูขาว เด็กใหม่ที่เคยต้องการการปกป้องมากที่สุดคนนั้น ตอนนี้ขึ้นสวรรค์แล้ว จี้ห้อยงูมรกต ใครได้ใช้ย่อมรู้ดี
หลังแหวกม่านหิมะขาวโพลนแล้ว สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุเป็นโลกที่ขาวสว่าง
หิมะสีขาวกองสุมทั่วพสุธา ไกลออกไปเป็นภูเขาหิมะที่ทอดตัวยาว แม้แต่ท้องนภาก็เป็นสีขาวโพลน!
“ซิ๊ด…หนาวจังเลย!” พญางูขาวสั่นระริก
อุณหภูมิที่นี่ต่ำยิ่งยวด ราวกับอากาศแข็งตัวแล้วอย่างไรอย่างนั้น ปราศจากลม มีเพียงความเงียบสงัดอย่างสมบูรณ์
ลำแสงสีเขียวเส้นหนึ่งแผ่คลุมพญางูขาว เป็นฝีมือเสี่ยวชิง
“ขอบใจนะเสี่ยวชิง คลุมพี่หลิงหลิงด้วยสิ” พญางูขาวยิ้มไร้เดียงสา
“ข้าเอาด้วยๆ!” อันหลินที่อยู่ข้างๆ ก็อยากลองวัดความอดทนของจักรพรรดินีปี้ฉงเช่นกัน
ซิ่ว! ลำแสงสีเขียวอีกเส้นแผ่คลุมเถียนหลิงหลิง มองข้ามอันหลินไป
งูมรกตมองอันหลินด้วยสายตาไม่พอใจ แววตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ‘ไปให้พ้น!’
มุมปากของอันหลินกระตุก ถอนหายใจอย่างระอาใจ
พญางูขาวเห็นท่าทางห่อเหี่ยวข้องอันหลิน ก็อดป้องปากขำเบาๆ ไม่ได้ “ท่านเจ้าแห่งพิษ คุณกินเพลิงเทวะไปตั้งสามลูกแล้ว ยังหนาวอีกเหรอคะ”
“เหอะ ตอนที่เพิ่งกินก็อุ่นท้องอยู่หรอก แต่ตอนนี้ถ่ายออกไปหมดแล้ว เธอกินข้าวแล้วไม่ถ่ายหรือไง” อันหลินพูดอย่างจริงจัง
เสี่ยวชิง “…”
พญางูขาว “…”
บทสนทนาแบบนี้จะคุยต่ออย่างไรได้อีก!
“ที่นี่เงียบจนน่ากลัว พอไม่มีสัตว์ประหลาดโผล่มาไม่ค่อยชินเลย” หลิวเชียนฮ่วนนั่งเอียงบนคทาขนนก กล่าวด้วยเสียงอันไพเราะ
“สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดได้ในวงในมีน้อยอย่างยิ่ง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เลวร้าย อสูรดึกดำบรรพ์ก็อยู่ไม่ได้” จักรพรรดิจื่อหยางต่อบทสนทนา
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ บรรยากาศรอบข้างก็มืดสลัวลง
ความมืดมนอย่างสิ้นเชิงมาเยือน ปกคลุมทุกคนในพริบตา
“ระวัง นี่เป็นกล่องมิติ อย่าขยับตามใจชอบ!” จักรพรรดิจื่อหยางตะโกนลั่น
เหล่าสมาชิกทีมอันหลินก็ตอบสนองฉับไว ปล่อยพลังป้องกันตัวนานาชนิดออกมาทันที
“ต่อไปจะทำอย่างไรดี” อันหลินก็เพิ่งเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก กวาดตามองบรรยากาศมืดสนิทรอบกายแล้วพูดด้วยความหวั่นวิตก
“นี่เป็นพื้นที่ปิดผนึกที่ก่อตัวจากความวุ่นวายของมิติ มันต้องเป็นรอยแยกแน่ รอยแยกนั้นนั่นแหละเป็นสถานที่ที่พวกเราเข้ามา แต่เป็นเพราะความวุ่นวายของมิติ รอยแยกนั้นจึงโยกย้ายตำแหน่งไม่หยุด”
“สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือตั้งพิกัดก่อน จากนั้นใช้มันเป็นจุดเริ่มต้น มุ่งหน้าเหาะไปยังแต่ละตำแหน่งภายในรัศมีสามพันเมตร ก็จะออกไปจากกล่องมิตินี้ได้ ระวังอย่าใช้พลังเซียนที่รุนแรงเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจทำให้มิติตอบโต้ได้” จักรพรรดิจื่อหยางเอ่ยอย่างเคร่งขรึมด้วยท่าทางของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
จากนั้นเขาก็ทิ้งลูกไฟเจิดจ้าไว้ที่ตำแหน่งเดิมเพื่อแสดงจุดเริ่มต้น
“เราห้ามแยกกัน เช่นนี้หากเจอกับพายุปฐมกาล พวกเราจะร่วมมือกันจัดการได้” จักรพรรดิจื่อหยางพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ภายในรัศมีสามพันเมตร มันเป็นพื้นที่ที่กว้างมากเลยนะ พวกเราต้องเหาะไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน เช่นนั้นต้องลองไปถึงตอนไหน” อันหลินรู้สึกท้อแท้
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ต้องพึ่งดวง แต่สามชั่วยามกับสามเดือน สำหรับนักพรตอย่างเราแล้วมันต่างกันอย่างไร” จักรพรรดิจื่อหยางกลับมองโลกในแง่ดี พูดปลอบใจทันที
มุมปากอันหลินกระตุกชั่วครู่ ไม่ต่างสำหรับนาย แต่อีกสิบกว่าวัน ถ้าภารกิจของฉันหมดเวลา ต้องถูกไฟเผาสามวันเชียวนะ!
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสี่ยวชิงที่เงียบงันก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ยุ่งยากปานนั้นหรอก อุณหภูมิที่ต่ำอย่างยิ่งทำให้การโยกย้ายของรอยแยกที่เกิดจากความวุ่นวายของมิติหยุดนิ่งชั่วคราวได้ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าไหม”
ทุกคนต่างก็ชะงักงัน
เสี่ยวชิงไม่รอช้า แปลงร่างเป็นมนุษย์มีหางเป็นงูทันใด นี่เป็นร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง
“น้ำแข็งหมื่นทีฆชาติ!”
นางแผดเสียงเกรี้ยว ทันใดนั้น ริ้วคลื่นสีน้ำเงินก็แผ่ขยายอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นงูสีน้ำเงินมากเหลือคณานับก็กระโจนออกไปทั่วทุกสารทิศประหนึ่งเกลียวคลื่นก็ไม่ปาน
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ใช้พลังเช่นนี้จะทำให้มิติตอบโต้ได้นะ!” จื่อหยางอุทานอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อุณหภูมิต่ำก็ทำให้การตอบโต้ของกล่องมิติล่าช้าได้เช่นกัน” จักรพรรดินีปี้ฉงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้ามีความมั่นใจว่าจะควบคุมทุกอย่างได้
จักรพรรดิจื่อหยางถูกตอกจนพูดอะไรไม่ออก
“หาเจอแล้ว!” จักรพรรดิปี้ฉงชี้ตำแหน่งหนึ่งของมิติ มิติมืดมนที่อยู่ไกลออกไปสองพันเมตร งูสีน้ำเงินตัวหนึ่งเหลือเพียงครึ่งท่อน ส่วนหัวไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
“แช่แข็ง!” จักรพรรดินีปี้ฉงประสานอิน งูตัวนั้นก็ระเบิด แผ่ไอเย็นอันทรงอานุภาพ
นอกจากนี้แล้ว งูตัวอื่นๆ ก็เฮโลกันไปยังตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว แผ่กระจายไอเย็นภายในร่างกายอย่างบ้าระห่ำ
พวกอันหลินรู้ว่าจำต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้ เหาะไปยังทิศทางนั้นโดยไม่ลังเล พุ่งชนมิติที่มืดดำทันใด
ความรู้สึกที่พิลึกบางอย่างผุดวาบในใจของพวกเขา มันเป็นความรู้สึกที่บรรยากาศสว่างโร่ ได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง
“ฟู่! เป็นอิสระสักที!” อันหลินโห่ร้องอย่างดีใจ
จักรพรรดินีกลายร่างเป็นงูมรกต พันเกี่ยวท่อนแขนของพญางูขาวอีกครั้ง
ใบหน้าของจักรพรรดิจื่อหยางแดงเรื่อ ความรู้สึกที่ความรู้ถูกบดขยี้ ทำเท่ไม่สำเร็จทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งนัก
ทุกคนเริ่มค้นหาในวงในต่อ เป็นไปได้สูงว่าสุสานโส่วหยางจะเกี่ยวข้องกับที่นี่ อาวุธเทวะกับเพลิงเทวะก็อาจจะอยู่ที่นี่ ทุกคนจึงออกค้นหาอย่างมีน้ำอดน้ำทน
ไปได้ไม่ไกล จู่ๆ พวกเขาก็ถูกสายลมดำทะมึนประหลาดโอบล้อม
ทั้งท้องฟ้าและผืนดินเต็มไปด้วยกระแสลมสีดำ พวกมันแฝงด้วยพลังเชือดเฉือนที่น่าสะพรึง ทุกหนแห่งที่พัดผ่านแม้แต่มิติก็ต้านทานไม่ไหว ค่อยๆ หดตัวเข้าหาพวกเขาเรื่อยๆ