ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 336 ได้พลังมาครอง
มาแล้วๆ…
หูก้วนกับถังซีเหมินดวงตาเป็นประกาย ในใจคาดหวังเหลือเกิน
จวบจนตอนนี้ ชายฉกรรจ์ทั้งสองมีโอกาสได้อาวุธเทวะมาครองแล้ว จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร
กระบี่สมุทรลอยขึ้น ลอยผ่านอันหลินที่เบิกตากว้าง เลยผ่านหูก้วนกับถังซีเหมิน สุดท้ายหยุดลงตรงหน้าเลือดหยดหนึ่งแล้วแผดเสียงอย่างสุขใจ
ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ผู้โชคดีคนนั้น กลับเห็นผู้โชคดีทำหน้าเหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ…ไยเป็นข้าเล่า ข้าเป็นสาวน้อยนักเวทนะ จะเอากระบี่เหล็กไปทำไม”
ดวงตาสีม่วงของหลิวเชียนฮ่วนจ้องกระบี่ที่เริงร่า ใบหน้าปราศจากความดีใจ
“เฮ้อ ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็มีกระบี่มหาเหมันต์แล้ว มีกระบี่สมุทรเพิ่มมาอีกเล่ม ต่อไปมีโอกาสลองเล่นกระบี่หน่อยดีกว่า…” สุดท้ายนางก็ยอมรับกระบี่เล่มนี้ ส่ายศีรษะแล้วเก็บมันใส่แหวนมิติ
หูก้วนกับถังซีเหมิงจวนจะกระอักเลือดแล้ว คำรามในใจว่า ‘ศิษย์พี่ไม่ชอบก็ยกมันให้พวกเรา! ทำท่าทางรังเกียจมันอะไรกัน แบบนี้จะทำให้เจ็บปวดซ้ำสองได้นะเข้าใจไหม!’
แม้แต่จักรพรรดิจื่อหยางเองก็นิ่งอึ้ง เพราะกระบี่นั่นหาใช่สิ่งที่ไม่มีมูลค่า มันเป็นอาวุธเทวะที่มีมูลค่ายิ่งกว่ากางเกงในของเขาเสียอีก! สาวน้อยคนนี้รังเกียจมันงั้นหรือ เปิดประสบการณ์ใหม่จริงๆ!
กระบี่สมุทรมีเจ้าของแล้ว ทุกคนสงบสติอารมณ์แล้วออกเดินทางต่อ
วงในของแดนโบราณรกร้างมักจะมีอันตรายแอบแฝงในความสงบ พวกอันหลินไม่กล้าเดินไวมากนัก หนึ่งเพื่อความปลอดภัย สองเพื่อการค้นหาให้ละเอียด เกิดภูเขาหิมะที่พวกเขาเหาะผ่านเป็นสุสานของเซียนสวรรค์โส่วหยางล่ะ เรื่องนี้พวกเขาจะประมาทไม่ได้แม้แต่นิด
ผ่านไปอีกสองวันโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนเจอกับภัยอันตรายจากมิติ อันตรายจากอากาศ ล้วนคลี่คลายได้อย่างหวุดหวิด
เหล่าสมาชิกที่ตั้งใจจะค้นหาที่นี่ครึ่งค่อนปีในคราแรก บัดนี้ต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม เพียงแค่สองวัน พวกเขาก็พบเจอกับภัยอันตรายไม่ขาดสาย หากใช้เวลาอยู่ในนี้นานนับปีจริง ปางตายแน่ๆ!
อากัปกิริยาของอันหลินขึงขังยิ่งกว่าใคร หากเขายังหาเพลิงอนัตตาไม่พบ บทลงโทษที่ถูกเผาสามวันติดต่อกันจะมาเยือนเขาแล้ว
“เอ๊ะ มิติทางตะวันออกเฉียงเหนือดูแปลกๆ นะ” ใบหน้าของจักรพรรดิจื่อหยางเฉยชา ดวงตาจดจ้องริ้วคลื่นมิติที่อยู่ไกลไม่วางตา ริ้วคลื่นนั่นโปร่งใส เป็นเหมือนกระจกใสที่กระเพื่อม จากนั้นทัศนียภาพด้านหลังก็เริ่มบิดเบี้ยว
“คล้ายว่าปรากฏการณ์นี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมิตินะ” เสี่ยวชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องทัศนียภาพที่บิดเบี้ยวทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยใบหน้าที่เจือความฉงนเช่นกัน
ข้อสันนิษฐานบางอย่างผุดขึ้นในใจอันหลินทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเจ้าว่า มันจะใช่เพลิงอนัตตาหรือไม่ เพราะอุณหภูมิของมันสูงยิ่งนัก จึงทำให้เห็นภาพบิดเบี้ยว”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น ไร้รูปร่างไร้สี ลอยอยู่กลางอากาศ อาจเป็นไปได้
จักรพรรดินีปี้ฉงอ้าปากพ่นบางอย่าง งูสีเขียวตัวหนึ่งก็กางปีกแล้วพุ่งไปทางริ้วคลื่นที่อยู่ไกลโพ้นทันที
ทันทีที่งูสีเขียวสัมผัสริ้วคลื่นที่บิดเบี้ยวนั่น มันก็ไหม้เกรียมอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นเถ้าธุลีสลายไปในอากาศ
“หึ เป็นลูกไฟจริงๆ ด้วย”
จักรพรรดินีปี้ฉงไม่ปฏิเสธ หันมองอันหลินด้วยแววตาที่เจือความคาดหวัง
จักรพรรดิจื่อหยางก็ตบไหล่อันหลินพลางหัวเราะร่า พูดอย่างชอบใจว่า “ยินดีด้วยสหายอันหลิน ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับการแสดงของเจ้าแล้ว!”
อันหลินมองอากาศที่อยู่ไกลออกไป ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่กินอากาศ
เขายังไม่ทันได้แสดงปฏิกิริยา คล้ายว่าลูกไฟรูปร่างบิดเบี้ยวโปร่งใสที่อยู่ห่างไกลจะสัมผัสได้ จึงกลายเป็นกระแสน้ำเป็นฝ่ายจู่โจมทุกคน
พวกมันพิลึกอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งความรุนแรงอย่างที่ลูกไฟพึงมี หลั่งไหลเงียบเชียบ ปลิดชีพอย่างไร้ร่องรอย
“มันมาแล้ว ทุกคนระวัง!”
จักรพรรดิจื่อหยางตะโกนลั่น ทุกคนรีบหลบหลังอันหลินทันทีอย่างรู้ใจกัน
“อา…” อันหลินกระตุ้นพลังปีกแห่งอัคคีแล้วอ้าปากกว้าง
“อึกๆ ๆ…”
ทันใดนั้น วัตถุที่ไร้รสชาติก็ไหลหลั่งลงท้องอย่างต่อเนื่อง
อันหลินรู้สึกเหมือนตนกำลังกินอากาศที่ไม่มีรสชาติแต่สัมผัสได้ รสสัมผัสเลวร้ายยิ่งนัก
ลูกไฟตกใจ หยุดชะงักโดยพลัน เปลี่ยนเป้าหมายโจมตีทันที
“มันเลี้ยวแล้ว ทุกคนระวัง!” จักรพรรดิจื่อหยางตะเบ็งเสียงดัง
จู่ๆ กระแสเพลิงไร้สีก็หักเลี้ยว พุ่งไปหาเหล่าลูกทีมด้านหลังอันหลิน
“ได้เลย คอยดูได้เลย!”
อันหลินเคลื่อนฝีเท้า ย้ายตำแหน่งทันที เหล่าลูกทีมก็วิ่งตามกันระนาว
กระแสเพลิงบิดเบี้ยวไร้สีนั่นคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง
“ฮ่าๆ พวกเจ้าว่าเหมือนเกมงูกินหางหรือไม่ เพลิงอนัตตาเป็นพ่องู พวกเราเป็นลูกงู อันหลินเป็นแม่งู…” หลิวเชียนฮ่วนหัวเราะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
อันหลิน “…”
กระแสเพลิงโปร่งใสไม่ยอมลดละ มันเปลี่ยนทิศทางโจมตีอยู่หลายครั้ง แต่อันหลินต้านทานได้ทุกครั้ง และถูกอันหลินกลืนกินอย่างไม่ปรานีหลายครั้งเช่นกัน
“ถุยๆ…ลูกไฟนี่ไม่มีรสชาติ เหมือนกินอากาศอย่างไรอย่างนั้น ท้องแน่นจะตายแล้ว!” น้อยนักที่อันหลินจะบ่นว่าลูกไฟไม่อร่อย
“ข้าก็กลืนอากาศทุกวัน ไยไม่รู้สึกแน่นท้องเล่า” ซูเฉี่ยนอวิ๋นพูดเสียงนุ่ม
อันหลิน “…”
“ทำเช่นนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเรา จู่โจมเลย กินแหล่งเพลิงของมันเสีย!” เซวียนหยวนเฉิงกล่าว
“แต่ข้าไม่รู้ตำแหน่งของแหล่งเพลิง” อันหลินหน้ามุ่ย
เพลิงอนัตตาเป็นลูกไฟที่โปร่งใส แม้แต่แหล่งเพลิงก็เช่นกัน ไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหน
“ตำแหน่งแหล่งเพลิงของมัน จำต้องใช้ใจสัมผัส” จักรพรรดิจื่อหยางโพล่งขึ้นมา
มุมปากของอันหลินกระตุก “ใช้ใจสัมผัสหรือ ไยไม่ใช้รักสัมผัสเล่า เจ้าแน่เจ้าก็เข้าไปเลย!”
จักรพรรดิจื่อหยางหลับตาลง หายใจเข้าลึก “เจ้าฟังสิ มันเป็นเสียงหัวใจเต้นของลูกไฟ…”
อันหลินกำลังจะสบถ ก็เห็นเอวของตัวเองถูกมือใหญ่คู่หนึ่งจับหมับ “นี่ๆ…เจ้าทำอะไรน่ะ”
“ไปเลย!” จักรพรรดิจื่อหยางตะโกนลั่น
พละกำลังมหาศาลแผ่ซ่าน อันหลินถูกเขาโยนใส่ตำแหน่งหนึ่งของเวหาราวกับเป็นขีปนาวุธ
เวรเอ๊ย! อันหลินไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นแล้ว กระตุ้นพลังปีกแห่งอัคคีทันที ขอลองดูอีกสักตั้ง
โครม
ร่างของเขาพุ่งชนกระแสเพลิงที่โปร่งใสบิดเบี้ยว เพลิงอนัตตากลิ้งหลุนๆ ลงท้องไม่หยุด ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับการเติมลมใส่ท้องอย่างต่อเนื่อง
ท้ายที่สุดปากของเขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนอันน้อยนิด สุดท้ายความร้อนก็แล่นริ้วไปทั่วร่าง!
คำว่า ‘อนัตตา’ ปรากฏบนแถบปีกแห่งอัคคี รวมกันเป็น ‘ตะวัน จันทร์ ดารา อนัตตา’
อันหลินเห็นเช่นนั้น ในที่สุดความตึงเครียดก็ผ่อนคลาย ไม่คิดเลยว่าเพลิงอนัตตาที่ยากแท้หยั่งถึงจะถูกเขากินจนหมดโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้ มาคิดดูตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันไป
‘ติ้ง! ภารกิจสำเร็จ ลำดับต่อไปเริ่มถ่ายโอนพลังปีกแห่งอัคคีขั้นที่สอง’
ทันใดนั้น อันหลินก็เห็นภาพที่เปลวเพลิงกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุดแผดเผาทุกสรรพสิ่งในจักรวาลจนวอดวาย
แก่นแท้ของเพลิงตะวัน ดวงจันทร์ ดาราและอนัตตาเริ่มผสานแทรกซึมสู่ร่างกายของเขา
อักขระสีชาดตัวหนึ่งปรากฏบนหลังมือ ทำให้กลิ่นอายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นทรงพลังและเร่าร้อน
จักรพรรดิจื่อหยางมองอันหลินที่พลังเพิ่มพูนไม่มีหยุด พูดด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นว่า “นี่น่ะหรือผลสำเร็จของเคล็ดวิชาเผาไหม้ ช่างเป็นพลังเพลิงที่บริสุทธิ์ เป็นแก่นแท้ที่น่ากลัวเสียจริง!”
แม้อันหลินจะไม่ได้ปล่อยเวทมนตร์ที่สะเทือนปฐพี แต่พลังเพลิงที่มีพลังแก่กล้าซึ่งไหลเวียนภายในร่างกาย กลับทำให้จักรพรรดิจื่อหยางชื่นชมเหลือเกิน
แม้แต่สวีเสี่ยวหลานที่ครอบครองพลังแห่งพญาหงส์ แววตาก็ฉายความตะลึงเช่นกัน
ทุกคนต่างก็อุทานไม่หยุดเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ไม่คิดเลยว่า สี่เพลิงเทวะแห่งแผ่นดินปราณสงครามจะถูกอันหลินกินจนเกลี้ยง แถมอันหลินยังอาศัยแหล่งเพลิงได้พลังมาครองเสียด้วย…
อันหลินเพลิดเพลินกับพลังเพลิงที่โหมซัดภายในร่างกายอย่างพึงพอใจ อยากลองเผาอะไรสักหน่อย
เวทมนตร์ประกอบของปีกแห่งอัคคีขั้นที่สองคือ ทะเลเพลิงสี่มงคล ไม่รู้ว่าอานุภาพเป็นอย่างไร
“เอาละ เพลิงอนัตตาก็ได้มาแล้ว เราเดินทางกันต่อเถอะ”
เสี่ยวชิงมองอันหลินแวบหนึ่งแล้วชิงพูดขึ้นมา
ไม่รู้ว่าแสงสว่างเหนือท้องนภาสลัวลงตั้งแต่เมื่อใด
ทุกคนมุ่งหน้าทางเหนือต่อไป บนพื้นหิมะขาวโพลนอันไกลโพ้น จู่ๆ ก็มีเงาดำเคลื่อนไหว