ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 339 การทดสอบของเหล่าบิ๊กบอส
ภายในมิติอันมืดมน หญิงสาวที่มีหางงูกำลังจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ
ผิวหนังท่อนบนของหญิงสาวขาวเกลี้ยงเกลาดุจหยก แต่หางงูกลับดำทะมึน ดวงตาสีนิลสุกใสแวววาว
“อืม ค่าความเข้มข้นของปราณสงครามลดลงร้อยละหนึ่งส่วนหนึ่งหมื่น ค่าความขลังเพิ่มขึ้นร้อยละศูนย์จุดหนึ่ง…”
เสียงของหญิงสาวนุ่มนวล วงล้อสีทองแดงด้านหน้ากำลังหมุน พลังที่แฝงด้วยกฎเกณฑ์กำลังแผ่ซ่าน ปกคลุมไปทั่วแผ่นดินอย่างไม่มีสิ้นสุด
บุรุษผมสีมรกตที่มีหางงูอีกคนเดินเข้ามา เขาค้อมตัวอย่างนอบน้อม “นายหญิง จัดการการทดสอบเรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ “คาดหวังในพฤติกรรมของพวกเขาเหลือเกิน”
จากนั้นหน้าจอก็ฉายภาพสิบภาพที่แตกต่างกันไป
“เอ๊ะ ทำไมการทดสอบของน้องไป๋ถึงได้ง่ายปานนี้เล่า” หญิงสาวขมวดคิ้ว
“ท่านบอกว่าการแบ่งระดับความยากตามระดับพลังยุทธ์ ตอนนี้นายหญิงไป๋อยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดเท่านั้น ถึงได้จัดให้อยู่ในระดับทั่วไป…” ชายผมเขียวสะดุ้งโหยง รีบชี้แจงเป็นพัลวัน
“เจ้าตาบอดหรือไง ไม่เห็นหรือว่าเสี่ยวชิงอยู่นั่นด้วยน่ะ! ไม่รู้จักวางค่ายกลผนึกสักอัน ผนึกพลังของเสี่ยวชิงหรืออย่างไร” หญิงสาวถลึงตาใส่ชายผมเขียว ดวงตาดำขลับลึกล้ำเป็นเหมือนวังวนที่ดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง ประหนึ่งจะเขมือบชายหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น
ชายผมเขียวสะดุ้งโหยง เช็ดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผาก รีบตอบทันควันว่า “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
พญางูขาวมาที่นี่เพื่อรับมรดกไม่ใช่หรือ
ชายผมเขียวคาดไม่ถึงว่า พญางูนิลจะให้ความสำคัญกับบททดสอบของพญางูขาวถึงเพียงนี้ เขาลอบเปิดทางลัดให้พญางูขาวอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะทำพญางูนิลโมโหเสียแล้ว…
เพิ่งสิ้นเสียงของชายผมเขียว จู่ๆ หน้าจอก็ส่งเสียงดังว่า
“ยินดีด้วย! การทดสอบของเผ่าพันธุ์ภูตงูสำเร็จลุล่วง!”
ในบึงที่ชื้นแฉะ พิษสีรุ้งแผ่กระจายไปทั่ว
งูหลามสีรุ้งนับร้อยตัวเลื้อยเกลื่อนกลาดบนพื้น ปีศาจงูที่ลำตัวเป็นมนุษย์สามตนแลบลิ้น เลือดไหลออกจากมุมปากหยดกระทบพื้น
จักรพรรดินีปี้ฉงสวมชุดสีมรกต ยืนอยู่ใจกลางด้วยสีหน้าเย้ยหยัน งดงามบรรยง อหังการไร้เทียมทาน
พญางูนิลจ้องหน้าจอเงียบๆ
ชายผมเขียว “…”
สัญชาตญาณบอกเขาว่า นี่เป็นความสงบก่อนมรสุมจะมาเยือน
แสงรูปหัวใจสีขาวลอยลงจากฟากฟ้า ซึมหายไปตรงหว่างคิ้วของพญางูขาวช้าๆ
แสงนั่นแฝงด้วยวรยุทธ์แก่นแท้และประสบการณ์อันสูงส่งของเผ่าพันธุ์ภูตงู
“โอ้โฮ เสี่ยวชิงสุดยอดไปเลย ข้ารักเจ้าที่สุด!” พญางูขาวกระโดดกอดจักรพรรดินีปี้ฉงราวกับเป็นเด็กๆ รอยยิ้มงดงาม เหมือนน้องสาวที่ออดอ้อนพี่สาวที่รักใคร่สนิทสนมกัน
ปี้ฉงลูบหัวพญางูขาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ชั่วขณะที่พญางูขาวจ้องหน้าจอเงียบๆ อยู่นั้น ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ยินดีด้วย การทดสอบของเผ่าพันธุ์ภูตมัจฉาสำเร็จลุล่วง”
ท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชน เถียนหลิงหลิงที่มีผมสั้นสีมารูนเป็นลอนเบิกตากว้าง พูดเสียงเกรี้ยวว่า “ท่านลุง รบกวนช่วยดูคนในเวลาที่จุดไฟหน่อย ผมของฉันไหม้เกรียมหมดแล้ว!”
จักรพรรดิจื่อหยางเหลือบมองโลลิน้อยข้างกายแวบหนึ่ง มือกำหนวดปลาหมึกขนาดใหญ่ กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย พูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ว่า “พอแล้ว ได้เปรียบแล้วยังจะอวดเก่งอีก เห็นแสงสีเขียวบนหัวเจ้าหรือไม่ รีบรับมรดกเสียสิ!”
เถียนหลิงหลิงจึงได้มรดกของเผ่าพันธุ์ภูตมัจฉามาครองด้วยเหตุนี้เอง
ชายผมเขียวลอบกลืนน้ำลาย ในใจกระสับกระส่าย หันหน้ามองหญิงข้างกายเล็กน้อย
“สมองเป็นของที่ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะมี” พญางูนิลยิ้ม
หากการผ่านการทดสอบของพญางูขาวเป็นเพราะชายผมเขียวคำนึงถึงสถานะของนาง แล้วเถียนหลิงหลิงมันเรื่องอะไรกัน โลลิกายแห่งมรรคขั้นสิบคนนี้ไม่ทำอะไรเลย แค่แอ๊บแบ๊วก็ผ่านการทดสอบแล้วงั้นหรือ
สุสานแห่งนี้ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่มีหน้าที่มอบมรดกให้หรอกนะ ชายคนนั้นเป็นผู้ดูแลการทดสอบ ทำให้การทดสอบอยู่ในสภาพนี้ ยืนยันได้เพียงอย่างเดียวว่า เขาโง่เง่า!
ชายผมเขียวเหงื่อซึม เขาไม่ได้วางแผนรับมือกับจักรพรรดิสงครามคนนั้นล่วงหน้าจริง จึงคุกเข่ากับพื้นเป็นฝ่ายยอมรับผิดทันที “นายหญิงโปรดเมตตา ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก!”
พญางูนิลไม่พูดอะไร นัยน์ตาจับจ้องหน้าจอตลอดเวลา
ชายผมเขียวก็ไม่กล้าลุกขึ้น เขาคุกเข่ามองหน้าจออยู่อย่างนั้น หวังว่าการทดสอบต่อไปจะน่าดูชมสักหน่อย
อันหลินมาถึงหินลอยฟ้าอันใหญ่โตโอฬาร รอบข้างมืดสนิท มีเพียงแสงดาวระยับบนม่านฟ้าช่วยให้ที่นี่ไม่มืดมนอย่างสิ้นเชิง
“ตรวจสอบพบว่าผู้ทดสอบอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เปิดโหมดยาก”
อันหลินยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ “แค่โหมดยากเองเหรอ ฉันไม่ใช่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายทั่วไปหรอกนะ”
ม่านฟ้าดำทะมึนกระเพื่อม จากนั้นก็มีเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬที่ถือหอกยาวสีนิลห้าตนเหาะลงมา
แม้พวกมันจะแผ่รัศมีที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับมีไอความตายปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“บังอาจรุกล้ำถิ่นข้า ตายเสียเถอะ!”
ชายคนหนึ่งตวาดลั่น หอกยาวเปล่งแสงสีดำมืดฟ้ามัวดิน ปาออกไปหมายทะลวงอันหลิน
อันหลินไม่สะทกสะท้าน กำกระบี่พิชิตมารแล้วชูขึ้นฟ้า ลำแสงสีดำพวยพุ่งขึ้นเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
ครืน ลำแสงจากกระบี่กับลำแสงสีดำของหอกยาวปะทะกัน ฟาดฟันลำแสงสีดำจนแหลกสลาย จากนั้นพุ่งเข้าไปประชิดชายคนนั้น
ชายคนนั้นเบิกตากว้าง ยกหอกยาวขึ้นขวางหน้า
จากนั้นพลังปราณกระบี่สีดำก็เทกระหน่ำลงมา สะเทือนจนเขากระอักเลือดกระเด็นออกไป
แต่มันยังไม่จบ พลังงานสีดำเหล่านั้นแผ่คลุมร่างกายของเขา
“อา…นี่มันอะไรกัน” ชายคนนั้นจ้องมองร่างกายของตัวเองอย่างพรั่นพรึง
ผิวหนังของเขาถูกพลังปราณกระบี่สีดำปกคลุม แห้งเหี่ยวในพริบตา เลือดลมก็แห้งเหือดอย่างรวดเร็ว
“ไยจึงเป็นเช่นนี้ พลังของข้า…” ชายหนุ่มมองกระบี่ในมืออันหลินแล้วอุทานว่า “หรือ…หรือนี่จะเป็นอาวุธวิเศษแห่งเผ่าพันธุ์ข้ากระบี่พิชิต…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ลมหายใจก็ดับดิ้น ล้มลงบนพื้นช้าๆ ประหนึ่งนกที่ตายกะทันหัน
พลังงานสีดำกลายเป็นลูกกลมๆ ลอยกลับมาที่กระบี่พิชิตมาร ค่อยๆ ซึมหายไป
ราวกับกระบี่ได้รับการหล่อเลี้ยง มันแผดร้องอย่างสุขอุรา คมกระบี่แวววับ ระยิบระยับ ประหนึ่งกำลังหายใจเข้าออกก็ไม่ปาน
อันหลินกะพริบตาปริบๆ ยกกระบี่ในมือขึ้นเอ่ยถามว่า “เสี่ยวเสีย เจ้าเป็นศาสตราวุธของเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬ สุดยอดขนาดนี้ทำไมไม่บอกข้า”
กระบี่พิชิตมาร “…”
อันหลินไม่สนใจในความเย็นชาของมัน พูดต่อไปว่า “ดูดเจ้าลูกกลมๆ นั่นหรือ ข้าช่วยให้เจ้าสะใจอีกสักหน่อยดีไหม”
กระบี่พิชิตมารสั่นระริก อยากฆ่าคน
ชาวปีกทมิฬอีกสี่ตนบนท้องนภาตะลึงงัน มือกำหอกสีนิลมองอันหลินอึ้งๆ
ขณะนั้นเอง ลำแสงกระบี่ที่ปราดเปรียวที่สุดสี่เส้นก็พุ่งหวีดหวิวมาประชิดตัว ดุจดั่งจันทร์เสี้ยวท่ามกลางผืนฟ้าอันมืดมิด
มันรวดเร็วเหลือเกิน ชาวปีกทมิฬทำได้เพียงต่อต้าน แต่ไม่มีข้อยกเว้น ถูกลำแสงกระบี่ประหลาดนั่นดูดกลืนพลังงานและเลือดในร่างกาย กระทั่งพรากลมหายใจไปแล้วจึงหยุดลง
ลูกกลมๆ สีดำสี่ลูกลอยมาหากระบี่พิชิตมาร ค่อยๆ ซึมลงไป ไม่รู้ว่าอันหลินตาฝาดไปหรือไม่ เขารู้สึกว่ากระบี่ของตัวเองดำสนิทยิ่งกว่าเดิม
“เสี่ยวเสีย อร่อยไหม” อันหลินเอ่ยถามอย่างรักใคร่
“ปีกทมิฬเลียนแบบคุณภาพต่ำ ไม่อร่อย” เสียงเรียบเฉยดังขึ้นในสมองอันหลิน น้ำเสียงเย็นเยือกเจือความพอใจ ราวกับเด็กหญิงที่เพิ่งอิ่มท้อง
“เจ้าเป็นศาสตราวุธของเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬไม่ใช่หรือ ไยถึงชอบกินชาวปีกทมิฬล่ะ ตีเพราะหวังดี กินเพราะรักหรือ” อันหลินพูดด้วยความสงสัย
คราวนี้ กระบี่พิชิตมารไม่ตอบแล้ว
อันหลินถอนหายใจ เส้นทางสั่งสอนอาวุธของตัวเองยังอีกยาวไกล
“ยินดีด้วย การทดสอบเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬสำเร็จลุล่วง”
พลันก็มีเสียงดังก้องท้องฟ้า จากนั้นดวงแสงสีดำก็ลอยลงมา
“เหอะ…การทดสอบนี่น่าเบื่อชะมัด ให้คะแนนฟรีหรือไง ดูถูกกันเกินไปแล้ว”
อันหลินปลิดชีพในชั่วพริบตา ปรากฏว่ามีเสียงแจ้งเตือนบอกว่า เขาผ่านการทดสอบงั้นเหรอ
นี่เป็นการทดสอบเหรอ ทดสอบอะไร นี่ลบหลู่กันชัดๆ!
เสียงก่นด่าของอันหลินแว่วออกมาจากหน้าจอ
‘เหอะ…การทดสอบนี่น่าเบื่อชะมัด ให้คะแนนฟรีหรือไง ดูถูกกันเกินไปแล้ว’
พญางูนิลมองหน้าจอด้วยความฉุนเฉียว
ชายผมเขียวแทบจะกราบเท้าอันหลินแล้ว!
บัดซบ ด่าตอนไหนไม่ด่า มาด่าตอนนี้ นี่มันแลกด้วยชีวิตของเขาเลยนะ!