ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 340 เรียกชายผมเขียวว่าชายผมเขียวไม่ได้แล้ว
อันหลินยอมรับดวงแสงสีดำ ทันใดนั้นก็มีภาพเข้ามาในสมองไม่ขาดสาย
มันเป็นภาพที่ชาวปีกทมิฬกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดสีนิล สงครามนั้นเหนือจินตนาการอย่างยิ่ง แผ่นดินถล่มทลาย ตะวันจันทราดับสูญ ราวกับว่าโลกทั้งใบจะถูกสงครามนี้กลืนกิน
ชายปีกทมิฬตนหนึ่งไร้เทียมทาน เพลงกระบี่ที่เขาใช้ถูกขนานนามว่าเป็นเพลงกระบี่ไร้ราตรี
ขณะที่อันหลินดึงสติกลับมานั้น แก่นแท้ที่เกี่ยวข้องกับเพลงกระบี่ไร้ราตรีก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวเขา
จิตวิญญาณกระบี่ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งซัดสาดไปทั่ว กระบี่พิชิตมารก็สั่นระริกอย่างลิงโลดใจ
“เพลงกระบี่นี่เหมาะกับข้ามาก” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นอีกครั้ง
อันหลินกะพริบตาปริบๆ ตอบกลับว่า “แต่ข้าคิดว่าหกกระบี่เทพสงครามเหมาะกับข้ามากกว่า”
กระบี่พิชิตมาร “…”
กระบี่พิชิตมารเงียบงัน กลายเป็นกระบี่เย็นเยือกอีกครั้ง
เจ้านายแบบนี้น่ะหรือคิดจะเกิด ท่าทางคงจะมีแต่ในความฝัน!
อันหลินไม่รู้ว่ากระบี่พิชิตมารคิดอะไรอยู่ กลับกระหยิ่มยิ้มย่องเสียอย่างนั้น
หึ ใครใช้ให้แกเย็นชา ฉันตอกแกจนพูดไม่ออกแน่!
หลังเขาผ่านการทดสอบ ก็มีเส้นทางปรากฏขึ้นบนหินลอยฟ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นเส้นทางที่นำไปสู่จุดนัดพบ เขาไม่รั้งรอ ฮัมเพลงเดินหน้าต่อไปทันที
ภายในมิติที่มืดมิดแห่งหนึ่ง หญิงสาวจ้องหน้าจอเขม็ง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ชายผมเขียวตัวสั่นงันงก เมื่อพบว่าเส้นผมของตนกำลังร่วงไม่หยุด
หนึ่งนาทีต่อมา เขาหัวโล้นแล้ว
ไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด
พญางูนิลเอ่ยเสียงเรียบว่า “ในโลกของพระแม่มีสำนวนหนึ่งกล่าวว่า ฉลาดล้ำเลิศ ข้าลองคิดในอีกมุมหนึ่ง ล้ำเลิศก่อน น่าจะช่วยเสริมสร้างปัญญาได้เหมือนกัน”
ชายผมเขียว…ถุย! ชายหัวโล้นพยักหน้ารัวๆ อย่างเห็นด้วย น้ำตาคลอเบ้า “นายหญิงช่างเฉียบแหลมนัก!”
อันหลินฮัมเพลงมาถึงตำแหน่งที่แปดเส้นทางมาบรรจบกัน มันเป็นห้องหินขนาดใหญ่
เมื่อมาถึงที่นี่ เขาก็พบว่ามีคนสองคู่ที่มารออยู่ก่อนแล้ว
“พญางูขาว เถียนหลิงหลิง พวกเธอเร็วไม่หยอกเลยนะ!” อันหลินทักทายอย่างสบายๆ
“ไม่หรอกค่ะ ต้องขอบคุณเสี่ยวชิง…” ได้รับคำชมจากไอดอล ใบหน้าขาวผุดผ่องของพญางูขาวก็แดงเรื่อ ทึ้งแขนเสื้อพลางพูดอย่างเขินอาย
แต่เถียนหลิงหลิงกลับไม่ยี่หระ หัวเราะร่า “นี่แหละความแตกต่างระหว่างสมองคนกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เจ้าโปรแกรมงั่งนี่เปิดโหมดง่ายให้พวกเรา ฮ่าๆ ๆ…ผลลัพธ์เลยเป็นอย่างที่เห็น!”
พออันหลินได้ยินอย่างนั้นก็กระจ่างใจ “แม้แต่พลังต่อสู้อย่างจักรพรรดิสงครามยังมองข้ามได้ งั้นนอนเฉยๆ ก็ผ่านการทดสอบได้เหมือนกัน อดพูดไม่ได้จริงๆ ว่า การตัดสินของโปรแกรมโง่ใช้ได้เลย ต่อไปพวกเราลองมุดช่องโหว่ของโปรแกรมงั่งนี่ดูได้นะ”
ภายในมิติมืดมน ชายหัวโล้นจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว
โปรแกรมงั่งงั้นหรือ งั่งกับน้องเจ้าน่ะสิ!
ได้กำไรแล้ววอนพวกเจ้าช่วยหุบปากหน่อยได้ไหม ชีวิตอันมีค่าของข้า จวนจะต้องถวายตรงนี้เพราะปากพล่อยๆ ของพวกเจ้าแล้ว!
เขาเงยหน้ามองพญางูนิล เป็นอย่างที่คิด สีหน้าของพญางูนิลถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม…
เฮ้อ ผิดหนึ่งหนเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ไยมนุษย์พวกนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ไปกันหมด
ขณะเดียวกัน สวีเสี่ยวหลานก็มาถึงก้อนเมฆที่แผ่เปลวไฟ วิหคยักษ์หลายตัวพ่นไฟใส่นาง แต่กลับทำอะไรนางไม่ได้เลยสักนิด ล้วนถูกเปลวไฟสีทองบนตัวนางดีดจนแตกกระจาย
สวีเสี่ยวหลานอยู่ในสภาวะที่สายเลือดพญาหงส์ถูกกระตุ้นจนเต็มสูบ เรียกได้ว่าไม่เกรงกลัวไฟหน้าไหนทั้งนั้น
ขอเพียงระดับพลังเพลิงสู้นางไม่ได้ นางจะต้านทานถึงขั้นสั่งไฟทุกได้ชนิด
สวีเสี่ยวหลานถือกระบี่มังกรวิหค เคลื่อนฝีเท้าแผ่วเบา เปลวไฟลุกโชนก็บิดเบี้ยว ราวกับยอมศิโรราบ
นางเป็นเหมือนพญาหงส์ผู้บงการเพลิง ศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง งดงามไร้เทียมทาน ยามกระบี่ตวัดวาดกลางท้องนภา สว่างไสวดุจดวงตะวัน ไม่อาจจ้องมองได้
วิหคเพลิงยักษ์ที่มีพลังเต็มเปี่ยมกลางนภายังไม่ทันได้แผดเสียง ก็ถูกกระบี่ฟันขาดเป็นสองท่อน เลือดสาดกระจาย
“ยินดีด้วย การทดสอบเผ่าพันธุ์วิหคเพลิงสำเร็จลุล่วง!”
ในดินแดนขาวบริสุทธิ์แห่งหนึ่ง ตำหนักสีขาวส่องแสงเรืองรองไม่หยุดหย่อน
สิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์เนื้อตัวสีขาว มีวงล้อสีทองด้านหลังกำลังโจมตีชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางอย่างบ้าระห่ำ
ทั้งหมัดและเท้าของพวกมันล้วนแฝงด้วยวิทยายุทธ์ที่ถูกฝึกมาอย่างดีเยี่ยม แรงของมันทำให้เนินเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรแตกทลาย สงครามในครั้งนี้มีพลังปราณซัดสาดรุนแรง สายลมพัดหวีดหวิว ปฐพีแตกแยก
ชายหนุ่มที่ถูกสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์สีขาวทั้งห้าตนล้อมโจมตีคือเซวียนหยวนเฉิง เขาวาดฝีเท้า ชั่วขณะที่ตวัดกระบี่ กระแสลมสีขาวก็แผ่คลุมรอบกาย ตั้งมั่นพร้อมจู่โจม ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีที่วิเศษวิโสมากปานใด ก็ทำลายแนวป้องกันของเขาไม่ได้
ในทางกลับกัน ระหว่างที่ตั้งรับครั้งแล้วครั้งเล่านั้น กระบี่ของเขามักจะหาช่องโหว่โต้กลับได้เสมอ คมกระบี่เป็นเหมือนกระแสลมท่ามกลางมรสุม คร่าชีวิตอย่างเงียบเชียบ สิ้นใจในพริบตา ร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งห้าตนเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งน้อยใหญ่โดยไม่รู้ตัว ของเหลวสีขาวไหลออกมาช้าๆ
เซวียนหยวนเฉิงถือกระบี่ตวัดไปทางซ้าย เมื่อกระแสมลมไหลเวียน ก็ดึงหมัดสีขาวที่แฝงด้วยแรงมหาศาลออกไปด้านข้าง จากนั้นก็ถอยหลังหลายก้าว หลบหลีกการโจมตีที่ตามมาติดๆ นั่น
เขายกกระบี่ขวางหน้าโดยพลัน นัยน์ตาลุ่มลึกดุจหุบเหวฉายความดุดัน
“สรรพสิ่งเวียนว่ายตายเกิด ตาย!”
จู่ๆ ก็มีอักขระสีทองกะพริบแปลบปลาบบนตำแหน่งรอยแผลของสิ่งมีชีวิตทั้งห้า จากนั้นพลังชีวิตก็ลดฮวบฮาบประหนึ่งถูกพรากเอาไป
พวกมันยังคิดจะจู่โจมสุดฤทธิ์ กลับพบว่าเคลื่อนย้ายฝีเท้าไม่ได้ ไม่กี่อึดใจต่อมา ลมหายใจของพวกมันก็ดับสูญ ล้มลงกระแทกพื้นทันที
“ยินดีด้วย การทดสอบเผ่าพันธุ์จอมศาสตราสำเร็จลุล่วง!”
บนชายหาดสีทอง เกลียวคลื่นซัดครืน มังกรสีน้ำเงินหลายตัวพุ่งใส่ร่างที่กระโดดร่อนรำไม่หยุด
ร่างที่กระโดดเคลื่อนไหวอรชรอ้อนแอ้น มีชีวิตชีวาดุจวิหคร่อนภายใต้การโจมตีของมังกร
ชั่วขณะที่แสงสีน้ำเงินกะพริบ เต่ายักษ์ที่ถูกไอหมอกขาวโพลนปกคลุมกำลังเรียกลมเรียกฝน พลันก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ จากนั้นก็สิ้นสติไปเลย
“ยินดีด้วย การทดสอบเผ่าพันธุ์เต่ายักษ์สำเร็จลุล่วง!”
“ฮะ เจ้าว่าอะไรนะ” ซูเฉี่ยนอวิ๋นที่ฟังภาษาจีนกลางไม่ออก เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความงุนงง
ใบหน้าที่งามสะคราญไร้ที่ติมีหยดน้ำแวววาวเกาะอยู่ แลดูงดงามเย้ายวนอย่างยิ่งยวด
ไม่มีการตอบรับจากท้องฟ้า มีเพียงดวงแสงสีน้ำเงินที่ลอยลงมาช้าๆ
ซูเฉี่ยนอวิ๋นรู้ว่านี่คงจะเป็นรางวัล จึงยื่นมือออกไปรับไว้
จากนั้นกระบวนท่าธาตุน้ำที่เกี่ยวข้องกับเต่าสวรรค์ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในสมองของนาง
“โอ้…อันนี้น่าสนใจ ในที่สุดก็มีสิ่งที่ข้าเข้าใจแล้ว!”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นยิ้มตาหยี ยกมือขึ้นโบกมือให้ทะเล คลื่นก็ก่อตัวสูงประดุจม่านน้ำทันใด เสี้ยววินาทีต่อมา มันก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็ง แวววาวโปร่งใสภายใต้การสาดส่องของแสงแดด แผ่ไอเย็นเป็นระยะๆ
เอ๊ะ ต่อไปควรจะไปทางไหน
หลังซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ลองพลังแล้ว ก็เริ่มชะเง้อคอมองซ้ายทีขวาที แต่กลับไม่เจอทางออก!
เส้นทางปรากฏขึ้นด้านหลังกำแพงน้ำแข็ง เปล่งประกายเบาบาง เสียดายที่การมีอยู่ของมันถูกริ้วแสงพร่างพรายบนกำแพงน้ำแข็งบดบังพอดี…
บนหอคอยที่ดำทะมึนทึนทึบ
ดวงจันทร์สีเลือดลอยเด่นกลางนภา
จอมมารที่มีเขางอกบนหัว นัยน์ตาแดงฉาน ผิวหนังปกคลุมไปด้วยเกล็ดกำลังประมือกับมือกระบี่ที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง การปะทะกันกลางเวหาเป็นเหมือนสายฟ้าคำรามที่ทรงอานุภาพ
มือกระบี่ถือกระบี่แสงนิลตวัดเป็นวงโคจรที่สมบูรณ์แบบครั้งสุดท้าย ปราณกระบี่มืดมนถึงขั้นบดบังพระจันทร์สีเลือดกลางเวหา ฟันหอคอยเป็นสองซีก และฉีกร่างของจอมมารเป็นสองซีกเช่นกัน
“ยินดีด้วย การทดสอบเผ่าพันธุ์จอมมารสำเร็จลุล่วง!”
เหยาหมิงซีฟังเสียงที่ดังก้องท้องฟ้าแล้วพยักหน้าน้อยๆ ท่าทางดูภูมิใจกับศึกนี้เป็นอย่างมาก
อีกดินแดนหนึ่ง
หูก้วนกำลังแลกหมัดกับมนุษย์หินตัวเขื่องหลายสิบตนอยู่ ทุกหมัดถึงพริกถึงขิง เอ่ยชมไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
เขาเพลิดเพลินกับเส้นทางนี้มาก ปล่อยให้ตัวเองต่อสู้จนหน้าปูดฟกช้ำ หัวร้างข้างแตก
หลังสังหารมนุษย์หินคนสุดท้ายแล้ว เนื้อตัวของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผล แต่แววตากลับเปล่งประกาย อดกางแขนกู่ร้องไม่ได้ว่า “สะใจนัก! มีอีกไหม!”
เห็นได้ชัดว่า หูก้วนสาแก่ใจแล้ว
ภายในมิติที่มืดมิด ชายหัวโล้นรู้สึกว่าเสียงที่ดังออกมาจากหน้าจอมันช่างบาดหูเหลือเกิน
ทุกคำพูดที่ดังกระทบโสตประสาท เป็นการเย้ยหยันที่ทิ่มแทงหัวใจ
“รู้สึกว่าพวกเขาจะสบายใจยิ่งนัก การทดสอบของสุสานถูกเจ้าทำเป็นสวนสนุกไปแล้ว ใช้ได้เลยนี่” พญางูนิลยิ้มบางๆ แต่ในสายตาของชายหัวโล้นนั้น รอยยิ้มนั่นช่างน่าสยดสยอง…