ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 342 คดีฆาตกรรมที่มีเหตุจากกระบี่
ในห้องชงชา ณ สำนักกระบี่สวรรค์
บุรุษที่สุภาพอ่อนโยนเสมอมาตบโต๊ะอย่างโมโหโดยพลัน “ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่เจรจา ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปเด็ดขาด!”
ใบหน้าของหญิงสาวก็เจือความขุ่นเคืองเช่นกัน “เผ่าพันธุ์จิตวิญญาณเป็นเนื้อร้ายของแผ่นดินอยู่แล้ว เรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทำลายชาติ พวกมันทำน้อยเสียเมื่อไร พวกเราไปช่วงชิงแร่ศักดิ์สิทธิ์ในเขาเทวะของมันจะเป็นไรไป”
“เผ่าพันธุ์จิตวิญญาณชั่วช้าไม่มีเว้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สำนักกระบี่สวรรค์อย่างเราจะออกโรง เจ้ารู้จุดจบของการยั่วโมโหมันหรือไม่ ไปแตะต้องสิ่งมีชีวิตพรรค์นั้นเพื่อหลอมกระบี่ให้ฮ่วนฮ่วน ข้าว่าฮ่วนฮ่วนถูกตามใจจนเคยตัวแล้ว!” สีหน้าของชายหนุ่มถมึงทึง น้ำเสียงเด็ดขาดไม่เหลือช่องว่างให้เจรจาเลยสักนิด
หญิงสาวแค่นยิ้ม “ใช่น่ะสิ ข้าไม่ตามใจนางใครจะตามใจนาง เจ้ามีลูกสาวหลายคน แต่ข้ามีนางเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว! เหมืองวิญญาณเหมันต์มีความหมายกับฮ่วนฮ่วนอย่างไร ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้…เจ้าไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร ข้าไปเอง”
พูดจบหญิงสาวก็หันหลังจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
“เจ้า…เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” ชายหนุ่มมองแผ่นหลังที่เดินจากไป โมโหจนไม่รู้จะพูดอย่างไร
ภายในเรือเหาะ เด็กหญิงจูงมือหญิงสาว พูดอย่างสงสัยว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อไม่ไปกับพวกเราหรือ”
หญิงสาวลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างเบามือ “พ่อยุ่งน่ะ ไม่เป็นไร แม่ไปคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“ฮิฮิ มันก็จริง ท่านแม่เป็นถึงเซียนกระบี่หญิงอันดับหนึ่งของสำนักกระบี่สวรรค์ ใครจะสู้ท่านแม่ได้!”
“ท่านแม่ ฝึกกระบี่กับข้าหน่อย!”
“อืม ได้สิ…”
…
แดนจิตวิญญาณ ในดินแดนประหลาดที่มีท้องฟ้าเป็นสีเขียวคราม
ทุกสรรพสิ่งในนี้เหมือนจะวนเวียนอยู่ระหว่างโลกมายาและความเป็นจริง สีสันใดก็ตามล้วนมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของอากาศ บิดเบี้ยว พิลึก ปนเปื้อน แหลกสลาย…
หากคนที่สติไม่มั่นคงอย่างยิ่งย่างกรายมายังพื้นที่นี้ อาจได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม สติฟั่นเฟือนถึงขั้นวิปลาสไปเลยทันทีก็ได้
ที่นี่มีเขาเทวะห้าลูก มากด้วยสุดยอดเหมืองแร่อันชวนให้คนนอกรู้สึกอิจฉา
เขาเทวะเหมันต์ หนึ่งในห้าเขาเทวะ สิ่งที่เลื่องชื่อที่สุดก็คือ เหมืองวิญญาณเหมันต์
สามพันปีเมื่อมันก่อตัว มีประโยชน์อย่างยิ่งกับวิญญาณเทวะ
เช่นเดียวกัน มีเพียงบุคคลที่มีระดับความสอดคล้องของจิตสูงอย่างยิ่ง จึงจะได้รับการยอมรับจากมัน
บัดนี้ เขาเทวะแห่งนี้กำลังเผชิญกับความโกลาหลที่น่ากลัวที่สุดในประวัติกาล
“ท่านแม่ๆ…พวกนี้เป็นตัวอะไรกันน่ะ” เด็กหญิงเห็นสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์กึ่งโปร่งใสที่พุ่งมาไม่หยุด ก็ตกใจจนขาสั่นระริก
“ไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่ ของพวกนี้เป็นเพียงพยัคฆ์กระดาษที่ทำให้เสียขวัญก็เท่านั้น เจ้าดูสิ พวกมันต้านกระบี่ของแม่ไม่ได้เลย” หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน กระบี่แห่งจิตกึ่งโปร่งใสในมือวาดลำแสงที่อหังการไร้เทียมทานกลางอากาศ ฟาดฟันเผ่าจิตวิญญาณที่กระโจนเข้ามาจนสูญสิ้นทั้งวิญญาณและจิต
เผ่าพันธุ์จิตวิญญาณที่พิทักษ์เขาเทวะถูกเทพสังหารที่โผล่มาไม่มีปี่มีขลุ่ยคนนี้ ทำเอาขวัญกระเจิง แม้แต่เทพวิญญาณระดับหวนสู่ความว่างเปล่าผู้สูงส่งของพวกมัน ก็ถูกหญิงคนนี้ใช้เคล็ดวิชาสังหาร จะพิทักษ์อย่างไรอีก!
บนยอดเขาเทวะ หญิงสาวจูงมือเด็กหญิง จดจ้องก้อนหินสีน้ำเงินที่โปร่งแสงแวววาวด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกาย
“เหมืองวิญญาณเหมันต์ก่อตัวทุกๆ สามพันปี บัดนี้ยาวนานกว่าพันปีแล้ว เจ้ายังไม่เจอผู้มีวาสนา…” หญิงสาวมองก้อนหินก้อนนั้น เอ่ยเสียงเรียบว่า “ฮ่วนฮ่วน เข้าไปหลั่งเลือด”
เด็กหญิงสาววิ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น มองก้อนหินสีน้ำเงิน มันเหมือนวัสดุที่ระบุไว้ในคู่มืออาวุธเทวะราวกับแกะ!
ดวงตาสุกใสของเด็กหญิงถึงขั้นมองทะลุก้อนหิน เห็นพลังงานที่เริงระบำประดุจภูตภายในก้อนหิน
เลือดหนึ่งหยดกระทบผิวก้อนหินสีน้ำเงิน ก้อนหินที่ไร้การเคลื่อนไหวมาร่วมพันปีเปล่งแสงสีน้ำเงินระยิบระยับ!
“สำเร็จแล้ว! นี่เป็นเค้าลางของการยอมรับจากเมืองวิญญาณเหมันต์!” หญิงสาวตาลุกวาว
เมื่อเหมืองวิญญาณเหมันต์ยอมรับ พลังจะเปี่ยมล้นที่สุด จำต้องหลอมกระบี่ทันที มิเช่นนั้นพลังจะหลั่งไหลไปอย่างรวดเร็ว
“ค่ายกลกระบี่เก้าสวรรค์ เปิด!”
สิ้นเสียงของหญิงสาว กระบี่จิตที่ยิ่งใหญ่เก้าเล่มก็พุ่งออกจากห้วงจิตของนาง ก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลัง
“ฮ่วนฮ่วนอยู่ในค่ายกล อย่าเพ่นพ่าน!”
เวลาของหญิงสาวมีไม่มากแล้ว หลังนางกำชับแล้ว ก็เริ่มหลอมกระบี่บนยอดเขาทันที
เพื่อให้ได้กระบี่เล่มนี้อย่างฉับไว พลังปราณทั่วทั้งขุนเขาเริ่มกระเพื่อมรุนแรง เปลวไฟลุกโชน เริ่มตีกระบี่…
ผืนฟ้าสีเขียวครามค่อยๆ แยกออกเป็นร่องสีดำสนิทช้าๆ
ภายในรอยแยกสีดำเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความมืดมน โครงกระดูกกึ่งโปร่งแสงมีดวงแสงสีดำเหนือศีรษะ เบ้าตากลวงโบ๋มีดวงไฟสีชาดแฝงเร้นอยู่ก้าวออกจากรอยแยก จับจ้องเขาเทวะน้ำแข็งที่มีลมพัดกรรโชกไม่ไกล
โครงกระดูกสีดำเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ชิวหง ผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่สวรรค์ ภรรยาของเจ้าสำนักหลิวหมิงเซวียน เซียนกระบี่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่า…”
“หึๆ…ขนาดหลิวหมิงเซวียนยังไม่กล้ามาเหยียบเขาเทวะ ผู้หญิงคนนี้กล้าดีอย่างไร” ตัวประหลาดกึ่งโปร่งแสงที่มีสองหัวอีกตนเดินออกมาจากรอยแยกแล้วหัวเราะอย่างเย็นเยือก
“เหอะๆ จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ หากพวกเราสองคนไม่อยู่แถวนี้ ไม่แน่ชิวหงอาจทำสำเร็จก็ได้ ถึงตอนนั้นนางซ่อนตัวอยู่ในสำนักกระบี่ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้…” โครงกระดูกสีดำกล่าว ในมือมีหอกยาวที่ก่อตัวจากเถาวัลย์แห้งปรากฏขึ้น
หอกที่แห้งเหี่ยวขยับเบาๆ ปลายหอกพลันปล่อยลำแสงสีแดงฉานดุจเลือดออกมา
หอกแห่งความตาย มันทำจากเถาวัลย์นรกแดนบรรพกาลที่มีไอความตายหนาแน่นที่สุดในเขาเทวะปรโลก หากมันถูกขว้างออกไป ศัตรูหน้าไหนก็ตามที่มีพลังยุทธ์ต่ำกว่าผู้ขว้าง จะตกเป็นเป้า เมื่อเป็นเป้าย่อมตาย!
นี่เป็นหอกแห่งความตายขนานแท้ เป็นสุดยอดอาวุธเซียนที่พัวพันกับกฎแห่งกรรมอันลึกล้ำ
ส่วนโครงกระดูกที่มีดวงแสงสีดำเหนือศีรษะ เป็นเทพวิญญาณระดับหวนสู่ความว่างเปล่า
“ม่านหีบดำ!” สัตว์ประหลาดสองหัวประสานอินอย่างต่อเนื่อง
เหนือเขาเทวะน้ำแข็ง เสียงกระบี่แผดร้องพุ่งทะลุชั้นเมฆ
เด็กหญิงมองกระบี่สีน้ำเงินอ่อนที่ดูสวยงามด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ฮ่วนฮ่วน ชอบกระบี่เล่มนี้ไหม” ชิวหงยื่นกระบี่ให้ลูกสาวอย่างยิ้มแย้ม
กระบี่เล่มนี้สามารถหล่อเลี้ยงจิตที่ถูกกำราบเพราะกายกระบี่แข็งแกร่งเกินไปของลูกสาวได้ บางทีกระบี่เล่มนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ ก็ได้
“ชอบเจ้าค่ะ! กระบี่เล่มนี้งามเหลือเกิน ท่านแม่ดีกับข้าที่สุด!” เด็กหญิงยื่นมือน้อยๆ ที่นุ่มนิ่มออกไปอย่างเริงร่า หมายอยากกอดกระบี่ที่ถวิลหาทั้งเช้าค่ำ
ริ้วคลื่นกระจายตัว มิติหยุดนิ่ง
ดอกสีเลือดแดงฉานดอกหนึ่งปรากฏตรงท้องน้อยของหญิงสาวเมื่อใดไม่ทราบ
ปลายหอกที่มีเถาวัลย์พันเกี่ยวทิ่มแทงผิวหนัง เปล่งแสงสีแดงพิลึก ราวกับกำลังเย้ยหยันความสุขอันแสนสั้นนี้
ชิวหงจ้องหอกบนท้องน้อยของตนด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็เหลียวมองด้านหลัง เห็นเทพวิญญาณสองตนที่เก็บงำพลังอยู่ไกลๆ ทำท่าครุ่นคิด
จู่ๆ หอกยาวก็อันตรธานหายไป ราวกับว่าไม่เคยปรากฏให้เห็น มีเพียงลวดลายสีดำที่ลุกลามตรงท้องน้อยของหญิงสาว กับเลือดที่ไหลไม่หยุดนั่นยังบอกเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เด็กหญิงนิ่งงันไปแล้ว นัยน์ตาเบิกกว้างจ้องเลือดตรงท้องน้อยของหญิงสาวด้วยความตะลึง
นางเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง โถมตัวใส่อกชิวหงอย่างสั่นเทา กุมบาดแผลที่หลั่งเลือดไม่หยุด พลางพูดอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอะไรไป…ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ครืน
มิติสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำปกคลุมสองคนบนยอดเขาในพริบตา มันเป็นมิติจองจำที่น่ากลัวที่สุด
ชิวหงแค่นยิ้ม บีบพู่ห้อยหยกที่พกติดตัวในสาบเสื้อจนแตกสลาย อุ้มหลิวเชียนฮ่วนแนบอก กลายเป็นแสงกะพริบแปลบปลาบ
สัตว์ประหลาดสองหัวชะงัก จากนั้นก็หันมองโครงกระดูกที่อยู่ข้างกายอย่างละอายใจ “นางมีหยกเร้นจิต…”
โครงกระดูกสีดำใบหน้าเรียบเฉย “ไม่เป็นไร ชิวหงตายไปแล้ว ส่วนกระบี่ที่หลอมในเหมืองวิญญาณเหมันต์นั่น สักวันข้าจะทวงคืนมา”
สำนักกระบี่
หลิวหมิงเซวียนมองหญิงสาวที่พลังชีวิตค่อยๆ สลายหายไป เนื้อตัวสั่นเทิ้มที่นอนอยู่บนพื้น
เขาคำนวณพลาดไป เขานึกว่าชิวหงมีหยกเร้นจิต ต่อให้พบเจออันตรายก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย
ตอนแรกเขาคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ ตนไม่ได้ออกโรงด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวส่วนบุคคลของชิวหงไม่อาจเป็นตัวแทนทั้งสำนักกระบี่สวรรค์ได้ เขาจะได้ค่อยๆ ญาติดีกับเผ่าพันธุ์วิญญาณ…
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ชิวหงจะถูกพลังกฎแห่งกรรมโจมตี!
“ชิวหง ฝีมือของมันผู้ใด” ชายหนุ่มพยายามระงับโทสะ เอ่ยด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
ราวกับหญิงสาวไม่ได้ยิน มือลูบเด็กหญิงที่ร้องไห้เสียงดังข้างกายอย่างอ่อนโยน กำชับเสียงแผ่วว่า “ฮ่วนฮ่วน หลังแม่จากไปแล้ว เจ้าอย่าลืมนะว่าต้องฝึกกระบี่สี่ชั่วยามทุกวัน ห้ามขี้เกียจ แล้วก็จงจำไว้ว่า อย่าหลงระเริง เป็นคนต้องถ่อมตน รู้กาลเทศะ ไม่อวดรวย…”
หลิวหมิงเซวียนคุกเข่าตรงหน้าชิวหง พลังรักษามวลมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหญิงสาว แต่ลวดลายสีดำกลับเหมือนฝังรากลึกเข้ากระดูกก็มิปาน ไม่จางหายไป
“บัดซบ! ชิวหง…เจ้าบอกข้ามาว่าเป็นฝีมือใครกันแน่!”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด โทสะในแววตาไม่อาจระงับได้อีกต่อไป
“ท่านพ่อ รีบช่วยท่านแม่สิ ขอร้องละ รีบช่วยนาง…” เด็กหญิงน้ำตาไหลพราก เห็นท่านแม่อ่อนแรงลงทุกทีกลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงวิงวอนร้องขอชายหนุ่มตรงหน้า
“ฮ่วนฮ่วน…อีกอย่าง อย่าเลือกกิน คบเพื่อนให้มาก ต้องมีความสุขทุกวัน…”
แววตาของหญิงสาวเลื่อนลอยขึ้นทุกที นางไม่มีเวลาแล้ว นางเพียงอยากรีบคุยกับลูกสาวให้ได้มากที่สุด
เด็กหญิงที่สะท้อนในแววตาของชิวหงช่างน่ารักเหลือเกิน ทว่าตอนนี้กลับดูน่าเวทนายิ่งนัก นางไม่อยากจากไปจริงๆ อยากอยู่กับลูกมากกว่านี้
“ฮ่วนฮ่วน เลิกพูดพล่ามกับพ่อเจ้า…เร็ว มาให้แม่กอดที…”
“เด็กดี…”
“ลูกจงจำไว้ แม่รักเจ้า…”
ชิวหงสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของลูกสาว ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงด้วยรอยยิ้ม
เสียงระฆังไว้อาลัยดังกึกก้องไปทั่วสำนักกระบี่สวรรค์
เด็กหญิงนั่งพิงหัวเตียงเพียงลำพัง ฟังเสียงระฆังบาดหูลอดเข้ามาในโสตประสาท ดวงตาไร้แวว กอดกระบี่สีน้ำเงินแนบอก
เมื่อก่อนนางกอดแม่นอนเสมอ ตอนนี้กลับทำได้เพียงกอดกระบี่เย็นเฉียบเท่านั้น
“ท่านแม่เป็นคนสร้างเจ้า งั้นเจ้าก็ชื่อปิงหง (มหาเหมันต์) แล้วกัน”
“ปิงหง…เจ้าทำให้แม่ข้าตายใช่ไหม”
“อ้อ จริงสิ หากท่านแม่ไม่สร้างเจ้า นางก็ไม่ต้องตาย เจ้าก็มีความผิดเหมือนกัน!”
แกรก
กระบี่มหาเหมันต์ถูกเด็กหญิงโยนลงพื้นอย่างแรง
เด็กหญิงนอนขดตัวบนเตียง แววตาหม่นหมอง รอบกายเงียบสงัดไร้สำเนียง