ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 359 ต้าไป๋ผู้ที่ซาบซึ้งอย่างยิ่ง
ภายในมิติมืดแห่งหนึ่ง ชายหัวโล้นพูดด้วยความนอบน้อมว่า “นายหญิง พวกเขากลับแดนมนุษย์อย่างปลอดภัยแล้ว สมบัติที่เหลือของเซียนสวรรค์โส่วหยางจะจัดการอย่างไรดี”
พญางูนิลโบกมือปัดๆ อย่างไม่ยี่หระ “ไม่เหลือของดีอะไรแล้ว หินวิญญาณเก็บเป็นของหลวง ของอย่างอื่นส่งไปที่แดนมนุษย์ ส่งเสริมการพัฒนาของวงการบำเพ็ญเพียรทางนั้นสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ชายหัวโล้นพยักหน้า เตรียมจะผละออกไป
“อ้อ จริงสิ อย่าลืมซื้อไข่เป็ดกับไข่เยี่ยวม้ากลับมาให้ข้าหน่อยนะ ไปซื้อที่ร้านเหล่าเฉินนั่นแหละ” พญางูนิลกล่าว
ชายหัวโล้นชะงักเมื่อได้ฟัง “แต่ว่าเหล่าเฉินตายไปแล้ว…”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” พญางูนิลร้อนใจ แต่ครู่เดียวก็สงบลง “ไม่สิ ช่วงนี้เจ้าไม่ได้ไปแดนมนุษย์ รู้ได้อย่างไรว่าเขาตายแล้ว”
มุมปากของชายหัวโล้นกระตุกยิกๆ “แต่ ‘ช่วงนี้’ ที่ว่ามันห้าสิบปีแล้ว ตอนนั้นเหล่าเฉินอายุหกสิบกว่าแล้ว ไม่ได้บำเพ็ญเพียรเสียหน่อย ตายไปแล้วแน่ๆ…”
พญางูได้ฟังก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ ที่แท้ก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วหรือ
นางมองห้องที่มืดดำแห่งนี้ ในใจเกิดความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที เก็บตัวอยู่ที่นี่มาห้าสิบปีโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้การๆ ข้าจะขึ้นราแล้ว…
“เจ้าช่วยดูแลแผ่นดินปราณสงครามแทนข้าก่อน ข้าขอออกไปผ่อนคลายหน่อย” พญางูนิลโบกมือ จากนั้นก็แหวกมิติออกเป็นโพรงสีดำ มุดเข้าไปโดยไม่เหลียวหลัง
“นี่! นายหญิง ข้าต้องไปจัดส่งอาวุธที่เหลือของโส่วหยางอีกนะ!” ชายหัวโล้นตะโกนใส่โพรง
แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากโพรงเลยสักนิด กลับค่อยๆ เชื่อมสมานกันช้าๆ…
ชายหัวโล้นจึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเมื่อเห็นภาพนี้
นิสัยที่พูดปุ๊บไปปั๊บของพญางูนิลคงจะแก้ไขไม่ได้ตลอดชีวิตแล้ว ผู้หญิงที่ยิ่งเคร่งขรึมมากเท่าใด ยามบ้าขึ้นมาจะยิ่งคลุ้มคลั่ง ครั้งที่นางสู้กับยุทธวิชัยพุทธะ[1] ทำลายเขาโพธิของพุทธภูมิจนราบคาบ ไม่รู้จริงๆ ว่าครั้งนี้นางจะสร้างเรื่องอะไรอีก...
…
ริมบ่อสวรรค์ ณ เขาฉางไป๋
ใบหน้างามล่มเมืองของปี้ฉงฉายความเห็นใจอย่างที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง “จื่อหยาง เป็นเพราะข้าแท้ๆ ตอนแรกอยากให้เจ้าเคยชินกับสภาพแวดล้อมโลกภายนอกก่อน ค่อยสอนวิธีเปลี่ยนพลังงานชีวิตให้เจ้า”
นางจี้ไปจุดชีพจรหลายแห่งของจื่อหยาง พลังงานบริสุทธิ์ไหลไปตามปลายนิ้ว เข้าสู่ร่างกายของจื่อหยางอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดจักรพรรดิจื่อหยางก็ลืมตาขึ้นด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ระทม
เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าฝันร้าย ฝันว่าถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ถูกฟ้าผ่าไม่หยุดเลย…”
“มันเป็นแค่ความฝัน” อันหลินปลอบใจเสียงนุ่ม
“ผู้อาวุโสจื่อหยาง ท่านรีบฝึกวิธีเปลี่ยนพลังงานกับผู้อาวุโสปี้ฉงเร็วเข้า ตอนนี้ผู้อาวุโสปี้ฉงบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว” หลิวเชียนฮ่วนเริ่มเบี่ยงประเด็น
จักรพรรดิจื่อหยางได้ฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผล สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือยกระดับพลังยุทธ์ของตน พยายามปรับตัวให้ชินกับโลกใบใหม่ให้เร็วที่สุด จากนั้นกลายเป็นจักรพรรดิของโลกใบนี้!
ด้วยเหตุนี้ ประเด็นของบทสนทนาจึงกลายเป็นจะเปลี่ยนแปรพลังงานอย่างไรแทน
อันหลินโล่งอกไปที นอนแผ่ลงบนพรมอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็หลับตาลงอย่างเชื่องช้าภายใต้อุณหภูมิที่อบอุ่น
อาจเป็นเพราะเหนื่อยล้าเกินไป เขาจึงหลับไปอีกครั้ง
เมื่อฟื้นขึ้นมา สิ่งที่เห็นกลับเป็นฝ้าเพดานสีขาว
“หลินจื่อ ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงที่คุ้นเคยดังกระทบโสตประสาท
เมื่ออันหลินเห็นชายวัยกลางคนข้างกาย สีหน้าก็เปลี่ยนไป “พ่อ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”
ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง และมีค่ายกลรักษาถูกวางภายในห้อง กำลังแผ่แสงสีเขียวอ่อน เห็นได้ชัดว่าถูกเหล่าสมาชิกพามาพักผ่อนที่นี่
อันหมิงชวนยิ้มเล็กน้อย “ทำไม คนเป็นพ่อมาเยี่ยมลูกชายของตัวเองไม่ได้หรือไง”
อันหลินพูดไม่ออก “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมหมายถึงว่าดึกดื่นป่านนี้แล้ว พ่อควรจะรีบพักผ่อนไม่ใช่หรือไง”
“อ้อ ตอนนี้มันแปดโมงครึ่ง” อันหมิงชวนมองนาฬิกาแวบหนึ่งแล้วตอบ
อันหลิน “…”
“เรื่องที่ทุกคนประสบพบเจอในต่างมิติ เสี่ยวหลานบอกพ่อคร่าวๆ แล้ว โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน มีทุกอย่างจริงๆ…” ใบหน้าของอันหมิงชวนฉายความใฝ่หา
อันหลินชอบใจ “พ่อ พอพ่อถึงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว ผมจะพาพ่อไปเปิดหูเปิดตาที่แผ่นดินบรรพกาล แผ่นดินนั้นกว้างใหญ่กว่าแผ่นดินปราณสงครามเยอะเลย เรียกได้ว่ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา!”
“คนในโลกของเราไปสรวงสวรรค์ดูท่าจะยากมาก” อันหมิงชวนขมวดคิ้ว
“ถ้าทำตามขั้นตอน ต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งกับอิทธิพลสรวงสวรรค์ แต่ไม่เป็นไร เราใช้เส้นสายได้!” อันหลินพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะ
อันหมิงชวนมองอันหลินด้วยความแปลกใจ ตอนที่ลูกชายของตนพูดคำว่า ‘เส้นสาย’ ไม่มีความรู้สึกละอายใจเลยสักนิด กลับทำหน้าลำพองและภาคภูมิใจแทน นี่มันเรื่องอะไรกัน
หรือคนของสรวงสวรรค์ต่างก็ภูมิใจกับการใช้เส้นสายกันทั้งหมด
“เอาละๆ เรื่องไปแผ่นดินบรรพกาลค่อยว่ากันที่หลัง ตอนนี้ยังเร็วไป” อันหมิงชวนจ้องอันหลินครู่หนึ่ง “หลินจื่อ ต่อไปลูกอย่าแสวงโชคสุดชีวิตแบบนี้อีกเลยนะ อย่างครั้งนี้ บาดเจ็บสาหัสหลายวันจนลงจากเตียงไม่ได้ ต่อให้คนอื่นไม่ยอมบอกรายละเอียดกับพ่อ พ่อก็รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายแค่ไหน ถ้าเกิดลูกเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ พ่อบำเพ็ญเซียนเพียงคนเดียวจะมีความหมายอะไร…”
“พ่อ…” ใจของอันหลินกระตุก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี
ไม่ง่ายเลยกว่าอันหลินจะได้กลับโลกมนุษย์สักครั้ง ไม่คิดว่าจะกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งต่อหน้าพ่อก่อน ตอนนี้ก็มาเจ็บหนักจนล้มหมอนนอนเสื่ออีก เหตุการณ์พวกนี้ ไม่แปลกเลยที่อันหมิงชวนจะคิดมาก
ความเงียบถูกเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นกะทันหันทำลาย
“พี่อัน ฟื้นสักทีนะ โฮ่ง!” ต้าไป๋กระโจนใส่อันหลินอย่างตื่นเต้น
“ฮ่าๆ ต้าไป๋ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง” อันหลินเห็นใบหน้าที่ไม่ได้เจอมานาน จึงอดดีใจไม่ได้
“เหมือนเดิม ดูหญิงงาม อ่านหนังสือ ดูหนัง โฮ่ง” ต้าไป๋พูดพลางแลบลิ้น
อันหลินกรอกตา “ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกันหมดสินะ”
“ผู้รู้ใจข้า คือพี่อันเอง โฮ่ง!” ต้าไป๋มองอันหลินอย่างปลาบปลื้ม
“ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ข้ามีของดีมาฝากเจ้า” อันหลินลูบแหวนมิติ หยิบถุงมือที่มีเล็บแหลมสีน้ำเงินออกมายื่นให้ต้าไป๋ “มันชื่อว่ากรงเล็บปราณทลายฟ้า เป็นสุดยอดอาวุธวิเศษ หากว่าเพาะเลี้ยงให้ดี เป็นไปได้สูงว่าจะกลายสภาพเป็นอาวุธเซียนได้ โจมตีพลังธาตุทองกับธาตุลม มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังอย่างยอดเยี่ยม ของดีชิ้นนี้ มอบให้เจ้าตอนนี้เลย!”
ดวงตากลมมนของต้าไป๋เบิกกว้าง รับอาวุธวิเศษมาด้วยความอึ้ง หลังมันได้สัมผัสคลื่นอันยิ่งใหญ่ของอาวุธวิเศษแล้ว ถึงได้เชื่อว่ามันเป็นสุดยอดอาวุธวิเศษจริง!
“ฮือๆ ๆ…พี่อัน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะให้ของขวัญข้าจริงๆ…”
“นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าให้ข้า ข้าไม่เคยได้ของขวัญที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย! เมื่อก่อนข้าคิดว่าตัวเองถูกปล่อยปละละลาย…ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริงๆ…ข้าซึ้งใจเหลือเกิน โฮ่ง!”
ต้าไป๋พูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ กระโจนใส่อันหลินอย่างตื้นตันใจ แลบลิ้นเลียอย่างบ้าคลั่ง!
อันหลินไม่คิดเลยว่าต้าไป๋จะกล้าโถมตัวใส่เขาต่อหน้าต่อตาพ่อ ตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สามารถขัดขืนได้ ทำได้แค่ตวาดเสียงเกรี้ยวว่า “เจ้าตาบอดหรือไงต้าไป๋ ของขวัญชิ้นแรกที่ข้ามอบให้ที่ไหนกัน เมื่อก่อนข้ามอบเม็ดงูสวรรค์ให้เจ้าตั้งมากมาย ถูกหมากินไปหมดแล้วหรือไง!”
“ใช่แล้ว ถูกข้ากินไปหมดแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋ตอบอย่างตื่นเต้น
มันนั่งอยู่บนเอวของอันหลิน อุ้งมือสองข้างกุมข้อมืออันหลิน แสดงความขอบคุณของตัวเองอย่างตื้นตัน
[1] ยุทธวิชัยพุทธะ ฉายาของซุนหงอคง