ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 361 ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรกับการรักษาสันติภาพของโลก
- Home
- ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม
- ตอนที่ 361 ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรกับการรักษาสันติภาพของโลก
ย่านการค้าในมหานครที่คึกคักแห่งหนึ่ง
อันหลินเดินบนถนนใหญ่ ด้านหลังมีสุนัขขนสีขาวตัวเล็กเดินตาม
“อืม ซื้อขนมแครอทสักหน่อย ส่งไปให้เจ้ากระต่ายโง่ที่ตำหนักดวงจันทร์”
“เครื่องฉายวิดีโอของสาวๆ แบบพกพาที่ต้าไป๋เรียกร้องหนักหนาก็เอาด้วยเครื่องหนึ่ง”
“ไม่สิ สองเครื่องดีกว่า เกิดเจ้าอัปลักษณ์จะเอาด้วยล่ะ ดาวน์โหลดคลิปวิดีโอของลิงมาสักสองสามร้อยคลิป”
“เสี่ยวหงจะเอาอะไร ซื้อเครื่องเสียงแล้วกัน ดาวน์โหลดเพลงให้สักสามร้อยเพลงดีไหม”
“อ้อ ต้องซื้อพวกตำราให้คนชอบเรียนรู้อย่างจงหย่งเหยียนด้วย…”
…
ตอนนี้อันหลินไม่รับหิ้วแล้ว แต่สำหรับเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทสนมนั้น เขาก็ซื้อของฝากไปให้พวกเขาเหมือนเดิม
ไม่นานเขาก็หอบหิ้วถุงพะรุงพะรัง เตรียมจะหาที่ลับตาคนเก็บใส่แหวนมิติ
ผู้คนสัญจรบนท้องถนนกันอย่างคับคั่ง ชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างเขา ไปถึงไหนก็เป็นพระเอก ฉะนั้นจะใช้ศาสตราวุธมิติโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้
ไม่นานเขาก็พบกับหญิงสาวที่สวมเสื้อชีฟองสีขาวคนหนึ่งเดินสวนมา
ไม่มีทางไม่เห็น เพราะผู้หญิงคนนั้นสวยมากเหลือเกิน ออร่าของตัวเอกโดดเด่นกว่าเขาเสียอีก หากมองจากมุมมองในตอนนี้ของเขา ความสวยของหญิงคนนั้นเหนือธรรมดา
หญิงแปลกหน้าคนนี้ทำหน้าเรียบเฉย ผมยาวดำขลับปล่อยสยายลงแผ่นหลัง นัยน์ตาสีดำดุจมีมนต์เสน่ห์ ชวนให้ลุ่มหลง
เมื่อได้สัมผัสลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ อันหลินรู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่าเธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน แต่หลังสัมผัสอย่างถี่ถ้วนแล้ว กลับไม่พบคลื่นพลังงานใดเลย
หญิงคนนั้นก็มองอันหลินเช่นกัน ทำให้อันหลินอดรู้สึกตัวลอยไม่ได้
เห็นไหม! ต่อให้เป็นสาวสวยระดับนี้ ก็ต้องยอมสยบให้กับความหล่อของเขา
ปรากฏว่าเรื่องที่ทำให้อันหลินตกใจยิ่งกว่าเดิมก็เกิดขึ้น หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาขวางอันหลินเอง!
“สวัสดีสุดหล่อ ไม่ทราบว่าคุณคิดยังไงกับการรักษาสันติภาพของโลก” หญิงสาวอมยิ้ม ดวงตาดำขลับค่อนข้างเย้ายวนใจ
อันหลินกลับชะงักเมื่อได้ฟัง เขาหน้าตาดีเป็นที่จับจ้องนั้นเข้าใจดี มีสาวสวยเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเขาก็รับได้ แต่เปิดประเด็นแบบนี้นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ตอนนี้วิธีทักทายของมนุษย์โลกมีเทรนด์ใหม่แบบนี้เหรอ
อ้าปากก็ถามเลยว่าคิดเห็นอย่างไรกับการรักษาสันติภาพของโลก
ผู้หญิงคนนี้ก็คือพญางูนิลที่แบกหน้าที่สำคัญอย่างการพิทักษ์สันติภาพของโลกนั่นเอง
อันหลินไม่รู้จักนาง แต่นางกลับรู้จักอันหลินดี!
นางรู้ว่าอันหลินอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ร่วมยี่สิบปี รู้จักแดนมนุษย์เป็นอย่างดี มิหนำซ้ำยังเข้าใจวัฒนธรรมบำเพ็ญเซียนที่รุ่งเรืองของแผ่นดินบรรพกาล เรียกได้ว่าอันหลินเป็นบุคคลที่ผสานมุมมองความคิดของโลกสองใบ บางทีอาจได้แรงบันดาลใจจากคำพูดของเขาก็เป็นได้
พญางูนิลกับอันหลินเริ่มการสนทนาครั้งแรกภายใต้ความคิดแบบนี้
อันหลินสมกับเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนเคยชิน แม้จะเจอกับวิธีการทักทายที่พิลึกพิลั่น เขาก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มตั้งใจขบคิด
“อืม มุมมองต่อการรักษาสันติภาพของโลกเป็นประเด็นที่กว้างมาก เรา…หาที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันดีไหม” อันหลินเสนอความเห็นอย่างยิ้มแย้ม
พญางูนิลเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ายิ้มๆ
ณ ร้านกาแฟซินซิน
การตกแต่งสไตล์โบราณประณีต เสียงเพลงผ่อนคลายน่าฟัง
มือเรียวขาวผุดผ่องของพญางูนิลยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ นัยน์ตาดำดุจน้ำหมึกนิ่งสงบจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
อันหลินเองก็รู้สึกฉงนใจกับหญิงสาวตรงหน้าเช่นกัน แม้เขาจะมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากก็ตาม แต่ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ยอมมาคุยที่ร้านกาแฟเพราะความหล่อของเขาแน่ๆ
เขาคิดว่าหญิงคนนี้ยอมมาที่ร้านกาแฟกับเขา เป็นเพราะเขามีเอกลักษณ์
“ผมคิดว่าการรักษาสันติภาพของโลกเป็นหน้าที่ของทุกคน สิ่งที่พวกเราต้องทำคือ ต้องยึดศูนย์กลางหนึ่งอย่าง รากฐานสองประการ” อันหลินพูดอย่างจริงจัง
ดวงตาของพญางูนิลเป็นประกาย “ยึดศูนย์กลางหนึ่งอย่าง รากฐานสองประการงั้นเหรอ”
อันหลินพยักหน้า “ใช่ พวกเราต้องยึดการสร้างอุดมการณ์ ยึดมั่นให้ประชาชนเป็นใหญ่ ให้องค์กรลับลอบชี้นำ”
“อืม…ต้องยึดอุดมการณ์จริงๆ นั่นแหละ อุดมการณ์แห่งจักรวาลทำให้ประชาชนเข้าสู่ครรลองที่ถูกต้องได้ ยึดมั่นให้ประชาชนเป็นใหญ่สามารถหลีกเลี่ยงการกระทำสุดขั้วที่เกิดจากเผด็จการได้ นี่เป็นแนวโน้มของการพัฒนาสังคม…แต่ให้องค์กรลับลอบชี้นำที่คุณว่า ช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยได้ไหม” พญางูนิลเริ่มพูดคุยอย่างจริงจังขึ้นมา
อันหลินเห็นพญางูนิลเข้าถึงอารมณ์ขนาดนี้ ก็อดอึ้งไปอีกครั้งไม่ได้ ในใจมีอสูรนับหมื่นวิ่งผ่าน เขาแค่พูดอย่างขอไปทีก็เท่านั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้จริงจังขนาดนี้!
โอ้โห…จะวิเคราะห์ว่าจะรักษาสันติภาพของโลกอย่างไรกับสาวสวยคนนี้ในร้านกาแฟจริงๆ เหรอ
เธอไม่กระอักกระอ่วน แต่โรคกระอักกระอ่วนของฉันจะกำเริบแล้ว!
แต่มองจากมุมนี้ก็อาจจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ปกติแน่ๆ…
อันหลินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาอีกครั้งว่า “ความสมดุลระหว่างประเทศอาจมีช่วงเวลาที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นจำต้องให้องค์กรเหนือชั้นไปจัดการ องค์กรนั้นต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่ เข้าใจสถานการณ์ของโลกเป็นอย่างดี และต้องมีจิตใจที่ไม่เปื้อนมลทินอีกด้วย มีแค่สิ่งเหล่านี้ มันถึงจะจัดการและตัดสินใจอย่างยุติธรรม”
พญางูนิลกะพริบตาปริบๆ พร้อมกับพยักหน้า “อิทธิพลฝ่ายที่สามงั้นเหรอ ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ โลกใบนี้แบ่งชนชั้นวรรณะอยู่แล้ว ผู้ที่อ่อนแออยากกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง ผู้แข็งแกร่งอยากยิ่งใหญ่กว่าเดิม ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงผลประโยชน์ ฉะนั้นความขัดแย้งจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราลองทำให้ผู้แข็งแกร่งมีเมตตามากขึ้น ทำให้ผู้พิทักษ์วิถีประวัติศาสตร์น่าเชื่อถือมากขึ้น”
“ใช่แล้ว ผมมีกลุ่มในวีแชท ข้างในเป็นรุ่นพี่ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ผมคิดว่าคุณน่าจะลองคุยกับพวกเขาได้” มุมปากของอันหลินกระตุก เขาคิดว่าต้องรีบจบบทสนทนาที่กระอักกระอ่วนนี่
การพบกันโดยบังเอิญที่สวยงาม ทำไมถึงได้ดำเนินด้วยหัวข้อสนทนาที่พิลึกแบบนี้
ท่าทีในการพูดคุยของเขาไม่ถูก หรือผู้หญิงคนนี้ประหลาดอยู่แล้ว มันทำให้อันหลินตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เมื่อพญางูนิลได้ยินคำแนะนำของอันหลิน ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง ล้วงมือถือสีขาวออกจากกระเป๋า
นางเพิ่งได้สัมผัสมือถือเมื่อสองวันก่อน หลังเล่นอยู่พักหนึ่ง ก็คุ้นเคยกับฟังก์ชันพื้นฐานแล้ว ย่อมรู้จักวีแชทเป็นธรรมดา
อันหลินสแกนคิวอาร์โค้ดของพญางูนิล จากนั้นก็เห็นไอดี ‘พญางูนิล’ ของเธอ ในใจก็พลันสงสัยขึ้นมา “ไม่ทราบว่าคุณรู้จักพญางูขาวไหม”
พญางูนิลทำหน้างุนงง “ฮะ พญางูขาวเป็นใคร”
จากนั้นก็ขำพรืด พูดอย่างกระจ่างใจว่า “คุณคงไม่ได้คิดว่าพญางูนิลเป็นชื่อของฉันหรอกนะ เลยคิดว่ายังมีพวกพญางูขาว พญางูแดงอะไรเทือกนั้นอีก”
อันหลินมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย เอ่ยถามอีกหนว่า “กลุ่มที่ผมจะเชิญคุณเข้าชื่อว่า ‘กลุ่มนักพรตทั่วโลกร่วมมือกันพิทักษ์โลก’ คุณแน่ใจนะว่าจะเข้าร่วม”
พญางูนิล “…อืม ดึงฉันเข้าไป”
“คุณเป็นใครกันแน่” นิ้วโป้งของอันหลินวางอยู่บนแหวนมิติ แววตาถมึงทึงเล็กน้อย
จวบจนตอนนี้ ในที่สุดอันหลินก็หมดความอดทนแล้ว เมื่อได้ยินชื่อกลุ่มที่ประสาทแบบนี้ ปฏิกิริยาของพญางูนิลมันน่าแปลกเหลือเกิน ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปพึงมีเลยด้วยซ้ำ
หากจะบอกว่านางไม่ผิดปกติ ตัวอันหลินเองยังไม่เชื่อเลย
หญิงสาวดื่มกาแฟคำหนึ่ง นัยน์ตาสุกใสจ้องมองอันหลิน พูดออดอ้อนอย่างสาวน้อยว่า “ทำไม ฉันแค่อยากปรึกษาเรื่องพิทักษ์สันติภาพของโลกก็เท่านั้น ทำไมคุณต้องดุฉันด้วย”
“ถ้าไม่บอกความจริง ค่ากาแฟครั้งนี้คุณเป็นคนจ่าย” อันหลินแสยะยิ้ม
“เหอะ นี่คุณกำลังหาเรื่องพญางูนิลอยู่นะ” หญิงสาวเลิกคิ้ว ใบหน้าไม่สบอารมณ์
อันหลินยังอยากจะพูดต่อ แต่จู่ๆ สายลมก็โชยมา
สมองของเขาขาวโพลน นั่งนิ่งกับที่อย่างเหม่อลอย
พอเขาได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาก็กวาดตามองรอบๆ อย่างงุนงง
สภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายผ่อนคลาย ดนตรีที่เชื่องช้า ต้าไป๋ที่ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก…
กาแฟสองแก้วยังส่งกลิ่นหอมกรุ่น
เราเป็นใคร
เราอยู่ที่ไหน
ทำไมเราถึงสั่งกาแฟสองแก้ว
อันหลินอ้าปากค้าง คิดไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาคิดว่าตัวเองความจำเสื่อม