ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 362 ไม่สูญเสียความทรงจำ
อันหลินมองต้าไป๋ พูดอย่างฉงนใจว่า “ต้าไป๋ พวกเรามาร้านกาแฟทำไม”
ต้าไป๋เกาหัวแล้วกวาดตามองรอบกาย กล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า “หรือเราจะถูกมนต์ลวงตา คาถาเสียความทรงจำ”
“อวัยวะข้าก็ไม่ได้หาย เงินข้าก็ยังอยู่ จะใช้เวทมนตร์พวกนี้กับข้าทำไม” อันหลินมองแก้วกาแฟบนโต๊ะที่อยู่ตรงข้าม เมื่อหยิบขึ้นมาพบว่าถูกดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว จึงสูดดมอย่างสนเท่ห์ ไม่พบความพิเศษอะไร
เขาจึงดื่มไปคำหนึ่ง อืม รสชาติใช้ได้
“หมายความว่าใครบางคนมาดื่มกาแฟกับข้า พอดื่มหมดก็ทิ้งคาถาลบความจำแล้วหนีไปงั้นหรือ” อันหลินคิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เหลวไหลมาก ยอดฝีมือคนไหนที่ว่างขนาดนี้!
เมื่อรู้ว่าความทรงจำของตนถูกลบ ช่างเป็นเรื่องที่อัดอั้นตันใจเหลือเกิน
เพราะมนุษย์มักมีความสงสัยใคร่รู้ ครั้นเขารู้ว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำ ก็อยากรู้เหลือเกินว่าความทรงจำที่หายไปคืออะไรกันแน่ มันเป็นความดื้อดึงที่คล้ายคลึงกับโรคย้ำคิดย้ำทำ ราวกับว่าหากไม่รู้เรื่องนั้น ชีวิตของตนจะไม่สมบูรณ์อย่างไรอย่างนั้น มันทรมานยิ่งกว่าอยากรู้ว่าคนตายไปแล้วพูดอะไรกันแน่เสียอีก!
อันหลินล้วงมือถือออกมา อยากจะโพสต์ระบายอารมณ์ที่ย่ำแย่ในตอนนี้ของเขาสักหน่อย
จากนั้นเขาก็เห็นรายชื่อเพื่อนแปลกหน้า ชื่อว่า ‘พญางูนิล’
ตูม ราวกับอะไรบางอย่างถูกเปิดออก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เริ่มฉายในสมองเป็นฉากๆ
อันหลินสูดหายใจเข้าลึก เปิดหน้าต่างสนทนากับพญางูนิล สองนิ้วเคาะบนหน้าจอ ‘พญางูนิล เธอเป็นใครกันแน่ ไม่รู้หรือไงว่าการลบความทรงจำของคนอื่นโดยพลการเป็นเรื่องที่บาปมหันต์น่ะ!’
พญางูนิลส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มกว้างมา ‘ถ้าฉันลบความทรงจำของนายจริงๆ นายคิดว่าตัวเองจะนึกเรื่องพวกนี้ออกเหรอ’
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘…’
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘เธอเป็นใครกันแน่ มาหาฉันวันนี้มีจุดประสงค์อะไร’
อันหลินคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน มาตีสนิทกับเขาด้วยจุดประสงค์ที่บอกใครไม่ได้
ต้องการทรัพย์สินของเขา หรือต้องการตัวเขา
พญางูนิลส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มมา ‘เหอะๆ ไปอาบน้ำก่อน แล้วคุยกันใหม่’
เมื่ออันหลินเห็นข้อความนี้ก็หน้ามืด เกือบจะกระอักเลือด
ให้ตายสิ! สามอาวุธสังหารของบทสนทนา ยิ้ม เหอะๆ เกราะอาบน้ำถูกใช้จนครบ นุ่มนวลหน่อยจะตายหรือไง!
ไม่รู้หรือไงว่าบทสนทนาแบบนี้ทำร้ายจิตใจกันมากน่ะ!
เขากดโทรหาคนคนหนึ่งด้วยความโมโห
“ว้าว ท่านเจ้าแห่งพิษโทรหาฉันเหรอเนี่ย ดีใจจังเลย!”
“อะแฮ่ม พญางูขาว ฉันขอถามอะไรหน่อย เธอต้องบอกมาตามจริงนะ”
“อืมๆ คุณถามมาได้เลย!”
“เธอรู้ไหมว่าพญางูนิลคือใคร”
“ฮะ พญางูนิลคืออะไร คุณคงไม่ได้คิดว่าฉันเป็นพญางูขาว ก็เลยคิดว่ายังมีพวกพญางูนิล พญางูน้ำเงินอะไรเทือกนั้นหรอกนะ”
อันหลินฟังประโยคที่คุ้นหู มุมปากกระตุกยิกๆ ไม่รู้ว่าจะสบถอะไรดี
หลังคุยสัพเพเหระครู่หนึ่ง ในที่สุดก็วางสายโดยที่ไม่ได้อะไรเลย ก่อนจะมองหน้าต่างสนทนาของพญางูนิลอีกครั้ง พบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย จึงอดทอดถอนใจไม่ได้
“ไปกันเถอะต้าไป๋ เราไปช้อปปิ้งกันต่อเถอะ…”
…
เวลามักผ่านไปไวเสมอ ผ่านไปอีกสองวันอย่างไม่รู้ตัว
ศิษย์พี่หลิวหลงใหลเกมที่ชื่อพับจีเข้าแล้ว สวีเสี่ยวหลานกับซูเฉี่ยนอวิ๋นซื้อเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์มามากมาย พี่เฉิงเสียเงินจำนวนมหาศาลไปกับอาวุธลับชิ้นหนึ่งของรัสเซีย เถียนหลิงหลิงจะทะลวงขั้นสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว จักรพรรดินีปี้ฉงเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว จักรพรรดิจื่อหยางเองก็กายแห่งมรรคขั้นหนึ่งแล้ว…
เวลาที่จะได้อยู่บนโลกเข้าสู่บั้นปลายแล้ว ค่ำคืนสุดท้าย อันหลินเชื้อเชิญพวกเฉินจิ่งเทียนที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ที่บ่อสวรรค์ในวันนั้น จัดปาร์ตี้ปิ้งย่างแกล้มเบียร์ สนุกสนานกันสุดเหวี่ยงจนค่อนคืน
รุ่งอรุณ อันหลินบอกลาพ่อ บอกลาผองเพื่อนบนโลก หวนกลับสรวงสวรรค์อีกครั้ง
การเดินทางไปสุสานโส่วหยางในครั้งนี้ อันหลินได้อะไรมากมาย ทั้งวรยุทธ์ หินวิญญาณ สมบัติ การสืบทอด ประสบการณ์ปางตาย…เรียกได้ว่ากลับมาเต็มลำอย่างแท้จริง
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาจากมา ในใจกลับว่างเปล่าเช่นเดิม
เขาคิดว่ากลับมาคราวหน้า บางทีอาจพาครอบครัวเพื่อนพ้องของเขากลับไปเที่ยวเล่นที่แผ่นดินบรรพกาลได้ แบบนี้สิถึงจะดี!
ถังซีเหมินมองแผ่นดินผืนนี้ ไม่ใช่แค่หัวใจวูบโหวงเท่านั้น สองมือก็ว่างเปล่าเช่นกัน
เขาหวนคิดถึงประสบการณ์ของตัวเอง ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ซึมซับบทเรียน…เขาลอบสาบานในใจว่า หากมาครั้งหน้า ต้องสำแดงเดชอย่างยิ่งใหญ่ กลับมาเต็มลำให้ได้!
ค่ายกลทะลุมิติเริ่มทำงานทันที
ชั่วขณะที่แสงสว่างเรืองรอง มิติก็เริ่มแปรเปลี่ยน
อันหลินปรากฏตัวกลางสรวงสวรรค์อีกครั้ง ดูดซึมพลังปราณอันเข้มข้น ร่างกายเริ่มผ่อยคลาย
เยือนโลกมนุษย์เกือบเดือน ตอนนี้กลับคืนรั้วสำนักอีกครั้ง สมาชิกทุกคนบ้างก็ทำหน้าดีใจ บ้างก็เศร้าสร้อย แม้แต่เซวียนหยวนเฉิงเองก็ทำหน้าเซื่องซึม
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้เยือนแดนมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ได้ไปแผ่นดินต่างมิติ ไปสุสานที่พิลึกพิลั่นอีกด้วย เกิดเรื่องประหลาดมากมาย ผ่านสงครามที่สะเทือนขวัญเป็นก่ายกอง ได้รับโอกาสที่มีความหมายเป็นอเนกอนันต์
ตอนนี้ได้กลับมาสู่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยอีกครั้ง สัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบ ราวกับอยู่กันคนละโลก
“รั้วสำนักนี่แหละดินแดนในอุดมคติที่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร” สวีเสี่ยวหลานโพล่งขึ้นมา
“อืม…เสียดายที่ปีหน้าข้าก็จบการศึกษาแล้ว” หลิวเชียนฮ่วนยู่ปาก
อันหลินหัวเราะร่า “อยากอยู่สำนักต่อนั้นง่ายมาก ท่านเลือกสอบตกแล้วซ้ำชั้น”
หลิวเชียนฮ่วนกลอกตา คร้านจะสนใจอันหลิน
ทุกคนแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง อันหลินกลับขี่ต้าไป๋เหาะไปอีกที่หนึ่ง
ห้องผู้อำนวยการ
รองผู้อำนวยการอวี้หัวกำลังส่องกระจก ลูบขนคิ้วที่หนาและดกของตัวเอง พลางยิ้มอย่างพออกพอใจ
ก๊อกๆ ๆ…
“ผู้อำนวยการ ข้าอันหลินเอง”
อันหลินหรือ
อวี้หัวเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “เข้ามาได้”
อันหลินเข้ามาในห้องผู้อำนวยการอย่างเก้ๆ กังๆ โค้งตัวคำนับ “ผู้อำนวยการ”
“ฮ่าๆ ๆ ไม่พบกันนานเลยนะอันหลิน เรื่องในสุสานโส่วหยางของพวกเจ้า ข้าได้ยินหมดแล้ว เจ้าทำได้ดีเยี่ยม!” อวี้หัวกล่าวชมด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อำนวยการชมเกินไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ” อันหลินตอบอย่างสงบเสงี่ยม
“ไม่ทราบว่าอันหลินมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ” เซียนสวรรค์อวี้หัวพูดอย่างสงสัย
“เอ่อ…สำนักมีกฎว่า หากลามากกว่าสิบวัน ต้องแจ้งผู้อำนวยการ...” อันหลินพูดอย่างเชื่องช้า
ครั้งนี้อวี้หัวยิ่งสงสัยไปกันใหญ่ “อันหลินจะลาหรือ ลานานขนาดนั้นไปทำอะไรหรือ หรือมีเรื่องลำบากอะไร ลองพูดให้ฟังได้ไหม”
“ข้าอยากไปเขตหมื่นเขาสักหน่อย มีเรื่องต้องทำขอรับ” อันหลินตอบ
รองผู้อำนวยการอวี้หัวได้ฟังก็ตกใจ ข้อสันนิษฐานผุดขึ้นในใจ คิดในใจว่าข่าวดีนี่นา!
“ฮ่าๆ ๆ ข้าอนุญาต อันหลินต้องระวังตัวนะ!”
อวี้หัวไม่ซักไซ้ อนุมัติให้ลาทันที
ผู้อำนวยการอนุมัติฉับไวเช่นนี้ ทำให้อันหลินเผลออึ้งไม่ได้
วันต่อมา อันหลินพาเจ้าอัปลักษณ์ เสี่ยวหงและต้าไป๋มุ่งหน้าเหาะไปทางเขตหมื่นเขาทันทีทันใด
ออกเดินทางอีกครั้ง!