ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 363 ไจแอนท์กลับมาอีกแล้ว
เขาแห่งสายลม เขตหมื่นเขา
อันหลินกำลังขี่สุนัขเหินเวหา สิ่งที่เข้ามาในคลองจักษุเป็นยอดเขาที่สูงทะลุเมฆ มีหมอกโอบล้อมลูกแล้วลูกเล่า
“พี่อัน ที่นั่นมีหญิงงามที่งดงามเย้ายวนจริงๆ หรือ โฮ่ง” ต้าไป๋พูดอย่างไม่ค่อยเชื่อ
อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “จริงสิ เป็นองค์หญิงที่ถูกขังอยู่ในปราสาทมืดมน กำลังรออัศวินไปช่วยเหลือนาง!”
“อัศวินขี่สุนัข โฮ่ง!” ต้าไป๋ชอบโครงเรื่องแบบนี้มาก จึงตะโกนอย่างตื่นเต้น
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของต้าไป๋แล้ว เจ้าอัปลักษณ์กับเสี่ยวหงกลับเบื่อหน่าย เจ้าอัปลักษณ์เป็นเพราะเข้าไปไม่ได้ ครั้งนี้มาเพื่อผ่อนคลายเฉยๆ ส่วนเสี่ยวหงนอนอยู่ในกระเป๋าของอันหลินเงียบๆ อยู่หรือตายไม่มีอะไรต่างกัน
ใต้ขุนเขาที่สูงทะลุชั้นเมฆลูกหนึ่ง น้ำในทะเลสาบเมฆขาวกระเพื่อม
อันหลินมาหยุดอยู่เหนือทะเลสาบเมฆขาว ตะโกนเสียงดังว่า “ผู้อาวุโสเจียงอันหลาน อยู่หรือไม่!”
เสียงของเขาดังก้องผิวทะเลสาบปานสายฟ้าคำราม เชื่อว่าหากหูไม่หนวก ก็น่าจะได้ยิน
เจ้าอัปลักษณ์พูดอย่างงุนงงว่า “เรียกผู้อาวุโสเจียงอันหลานควรจะไปจับวัวสายรุ้งมาเซ่นไม่ใช่หรือ”
อันหลินกลับยิ้มบางๆ เมื่อได้ฟัง “ข้ากับเขามีมิตรภาพต่อกัน ต้องใช้พิธีรีตองพวกนั้นด้วยหรือ”
ครืน
ละอองน้ำขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากผิวน้ำ มังกรยาวหลายสิบจั้งที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวตัวหนึ่งปรากฏตรงหน้าอันหลินอย่างน่าเกรงจาม
“อันหลิน เจ้าเองหรือ” มังกรเห็นอันหลินก็ชะงักไป
มันจดจำชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ดีเหลือเกิน เพราะเป็นคนที่เคยยกเค้าคลังสมบัติของมัน ไม่อยากจดจำก็ทำไม่ได้
“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสเจียงอันหลาน เป็นอย่างไรบ้าง” อันหลินทักทายอย่างเริงร่า
“ไม่พบกันนานเลยนะสหายอันหลิน ไม่ทราบว่าเจ้ามาที่นี่มีธุระอะไร” เจียงอันหลานไม่คิดว่าอันหลินมาที่นี่เพราะคิดถึงมันแน่
“อ้อ ผู้อาวุโส ข้ามาเพื่อผจญภัยในโบราณสถานของทะเลสาบเมฆขาว” อันหลินพูดตรงๆ
เจียงอันหลานปากกระตุกทันทีที่ได้ยิน “ยังจะมาอีกหรือ ก่อนหน้านี้ถูกร่างจำแลงศูนย์กลางข้างในนั่นไล่ออกมาไม่ใช่หรือ”
“ฮ่าๆ นั่นมันเมื่อก่อน ข้าในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว!” อันหลินยิ้มอย่างมั่นใจ ในดวงตามีเปลวไฟลุกโชน
ใช่แล้ว ตอนนี้เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว และมีพลังวิเศษเลิศล้ำนานาชนิด
โบราณสถานจื่อซิงน่ากลัวงั้นเหรอ ไม่เลย!
โบราณสถานจำกัดเพียงนักพรตที่มีพลังต่ำกว่าระดับแปลงจิตเท่านั้นที่จะเข้าได้ อันหลินไม่ได้ตัดสินใจทะลวงระดับแปลงจิต จุดประสงค์ก็เพื่อมากวาดล้างโบราณสถานดาวม่วงแห่งนี้ให้ราบคาบอีกสักรอบ!
ถ้าแม้แต่เขาก็กวาดล้างสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดแห่งนี้ไม่ได้ เช่นนั้นคนอื่นก็ยิ่งทำไม่ได้ ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณที่เหนือกว่าอันหลินมีหรือไม่ไม่รู้ แต่อย่างน้อยเขาไม่เคยพบเห็น
“เอาเถอะ ข้าก็คร้านจะยุ่งกับเจ้าแล้ว” เจียงอันหลานเห็นท่าทางฮึกเหิมของอันหลิน จึงไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่มองสองมือของอันหลินด้วยนัยน์ตาสีเหลือง “วัวสายรุ้งล่ะ”
“ฮ่าๆ วัวสายรุ้งหายากยิ่งนัก เราเป็นเพื่อนเก่ากันแล้ว ต้องพูดเรื่องนี้อีกหรือ” อันหลินหัวเราะร่า ทำหน้าสนิทสนมชิดเชื้อ
มังกรแสยะยิ้ม “หึๆ”
มันไม่ขยับเขยื้อน และไม่พูดอะไรอีก
จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบงัน
สถานการณ์กระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง
ต้าไป๋พยายามกลั้นขำ นี่น่ะหรือเพื่อนเก่าที่พี่อันว่า
ทำไมเหมือนอริเก่าปานนี้ล่ะ
อันหลินหงุดหงิดใจ คิดในใจว่าทำไมมังกรงั่งนี่ไม่ไว้หน้ากันเลย
ใบหน้าของเขาฉายความเจ็บปวด หยิบหินปราณสีขาวพร่างพรายออกจากแหวนมิติสิบก้อน
“ฮ่าๆ สหายเจียง ข้ารู้ว่าของธรรมดาพวกนี้ท่านอาจจะไม่ต้องการ...”
เจียงอันหลานเห็นหินปราณในมืออันหลิน มุมปากก็กระตุก คล้ายว่ามีอะไรอยากพูด
ตอนนั้นเอง อันหลินพูดต่อว่า “แต่ข้าคนนี้ตื้นเขินยิ่งนัก อย่างอื่นไม่มี เหลือแค่เงิน…นานๆ ทีจะได้พบเพื่อนเก่าสักหน ของขวัญที่พบกันคราวนี้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้า หวังว่าท่านจะรับไว้…”
เขาพูดพลางยัดสิบหินปราณใส่มือเจียงอันหลาน
เจียงอันหลานกำหินปราณพวกนี้ไว้ สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด หัวเราะร่วน “โธ่ ดูสหายอันหลินพูดเข้าสิ มาหาข้าจะเตรียมของพวกนี้มาอีก ต่อไปไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอก”
จากนั้นมังกรก็กลายร่างเป็นชายวัยกลางคน เก็บหินปราณใส่แหวนมิติอย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งคู่เริ่มพูดคุย สนทนากันอย่างรื่นรมย์ ท่าทางเหมือนเพื่อนเก่าดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง หลังจากที่ไม่เจอกันนานนม
ต้าไป๋อ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้าอึ้งๆ ในใจเหมือนมีประตูบานหนึ่งเปิดออก
“สหายอัน เจ้ามีธุระต้องทำ ข้าไม่รบกวนเจ้าดีกว่า จงระวังตัว และขออวยพรให้เจ้าได้สำแดงเดชในโบราณสถาน ขอให้สำเร็จลุล่วง!”
เจียงอันหลานแหวกทะเลสาบ เปิดประตูโลหะ อำลาอันหลินที่ขี่สุนัข
“ได้เลย อีกเดี๋ยวเราค่อยเจอกัน!” อันหลินโบกมือลาเจียงอันหลาน หันหน้าไปคุยกับเจ้าอัปลักษณ์ว่า “เจ้าอัปลักษณ์รออยู่ข้างนอก คอยระวังอุบัติเหตุแล้วกัน”
เจ้าอัปลักษณ์อยู่ในระดับแปลงจิต ผ่านม่านต้องห้ามเข้าไปในโบราณสถานไม่ได้แล้ว
พูดจบอันหลินก็ขี่ต้าไป๋ลอดผ่านม่านแสงสีน้ำเงิน เข้าสู่โบราณสถาน
อันหลินใช้สิบหินปราณแลกบัตรผ่านทางปวดใจหรือไม่ ไม่ปวด!
เพราะเขาจะทวงเงินนี่กลับมาจากหลินจวิ้นจวิ้น สาวน้อยผู้มั่งคั่งเป็นสิบเท่าร้อยเท่าเลย!
ยอดเขาเมฆา
หญิงสาวที่งดงามดุจภาพวาดกำลังเหม่อมองกระดาษขาวบนกระดานวาด
“ฮัดชิ้ว!” หญิงสาวจามขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น มีคนคิดถึงเราหรือ
พวกพี่หญิงหรือเสด็จพ่อ
หญิงสาวคิดแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ สายตากลับมาจับจ้องกระดาษขาวแล้วเหม่อลอยอีกครั้ง
นางวาดวัตถุสิ่งของไปมากมาย ทั้งทิวทัศน์ที่งดงาม ชีวิตที่สดใส และภาพที่ยากจะลืมเลือนทั้งหลาย ภาพที่สรรสร้างภายในสมองภาพแล้วภาพเล่า…
บัดนี้จู่ๆ นางก็ไม่อยากวาดอะไรเลย วาดอะไรไม่ได้เลยขึ้นมาดื้อๆ
เบื่อแล้วหรือ ไม่มีแรงบันดาลใจแล้วหรือ
นางไม่รู้
ขณะนั้นเอง ยันต์ส่งสารดังขึ้น
“ใต้เท้าเทียนอวี่ มีนักพรตมาผจญภัยที่โบราณสถานสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดอีกแล้ว!” เสียงของเจียงอันหลานดังลอดมาจากยันต์ส่งสาร
“อ้อ” หลินจวิ้นจวิ้นทำหน้าเหนื่อยหน่าย ตั้งแต่การทดลองเข้าสู่ขั้นที่สาม ก็ไม่ต้องการข้อมูลการสืบทอดของดาวม่วงเร่งด่วนมากนักแล้ว
“ใต้เท้าเทียนอวี่ไม่สงสัยหรือว่าใครไปสำรวจ”
“สำคัญมากหรือ ไม่ว่าจะเป็นแมวดำแมวขาว จับหนูได้ก็ถือเป็นแมวดี หากว่าสำเร็จ ก็พาพวกเขามารับรางวัลแล้วกัน” มือเรียวที่กำยันต์ส่งสารของหลินจวิ้นจวิ้นกำลังจะกดปิด
คำพูดที่ดังมาจากยันต์ส่งสารในคราวนี้ กลับทำให้อากัปกิริยาของนางชะงักงัน
“สหายอันหลินเองที่ไปโบราณสถาน” เจียงอันหลานกล่าว
“อะไรนะ อันหลินหรือ!”
มือของหลินจวิ้นจวิ้นนิ่งงัน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ขณะเดียวกัน ภายในสถาบันวิจัยจื่อซิง
ต้าไป๋ที่ทะลุผ่านม่านสีน้ำเงินตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นทัศนียภาพด้านใน
“คุณพระ! นี่น่ะหรือสภาพของโบราณสถาน!”
ภายในโถงอันกว้างใหญ่ พื้นเหล็กขาวสะอาดเรียบลื่น ปราศจากฝุ่น ประติมากรรมวิจิตรงดงามมากมายวางรอบกาย แสดงให้เห็นถึงความงามที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความเก่าแก่
“คุณพระช่วย นี่มันต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ไม่ใช่หรือ” ต้าไป๋ตะโกนลั่นอีกครั้ง
“ชู่ว…อย่าแตกตื่นสิ!” อันหลินตบหัวต้าไป๋ไปที เดินย่องเข้าไปตรงหน้าสิ่งประดิษฐ์จักรกลที่ลอยอยู่อย่างเงียบเชียบ
สิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีที่ผสานอารยธรรมจื่อซิงกับพลังแห่งสายเลือดของร้อยอสูร…
อันหลินหัวเราะอย่างชั่วร้าย ครั้งก่อนก่อนจะถูกตบกระเด็น ขโมยกันดั้มไปได้แค่สองตัว ตอนนี้เหลือกันดั้มสามตัวที่นี่ หลังได้เห็นประโยชน์ของกันดั้มประจักษ์แก่ตาแล้ว เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร!
เขาผิวปาก พลังปราณก่อตัวที่ปลายนิ้ว เริ่มวาดแผนผังค่ายกลที่สลับซับซ้อนตามข้อมูลในสมอง เพื่อเปิดม่านมิติ
“พี่อัน…” จู่ๆ เสียงของต้าไป๋ก็ดังขึ้นข้างหลังอันหลิน
“อย่ากวนน่า ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่งอยู่” อันหลินพูดอย่างเหลืออด
“แต่พี่อัน เจ้า…”
“จิ๊ มีอะไรค่อยคุยหลังข้าเสร็จธุระ อย่าเอาแต่กวนข้าสิ! เวลากระชั้นชิด ถ้าถูกแม่เสือที่นี่จับได้ พวกเราจบเห่แน่”
“แต่ว่านะพี่อัน เจ้าพูดเช่นนี้ ถ้าแม่เสือหมายถึงหญิงงามคนหนึ่งละก็ พวกเราก็จบเห่แล้วละ…”
“อะไรนะ เจ้าเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”
อันหลินหันไปถลึงตาใส่ต้าไป๋ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีขาวพลิ้วไหวกำลังมองตัวเองอย่างยิ้มแย้ม…