ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 366 เสี่ยวหงผู้มีรสนิยมบิดเบี้ยว
สิ้นเสียงของอันหลิน ความเย็นเยือกก็กอบกุมหัวใจในทันที
“เพลิงสุริยะ ส่องสว่างความมืดมิด!”
เมื่อเผชิญกับความมืดไร้ที่สิ้นสุดเช่นนี้ อันหลินเลือกจะปล่อยไฟเทวะหมายส่องรอบข้างให้สว่างก่อน
ลำแสงเส้นหนึ่งกะพริบวาบ จากนั้นก็ถูกความมืดกลืนกินในพริบตา เงียบสงัดไร้สุ้มเสียง
อะไรกัน!
อันหลินตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าหน้าอกถูกชนอย่างแรง
มันกระแทกอย่างรุนแรงยิ่ง ต่อให้อันหลินจะมีพลังบงกชพสุธากับวิชาพฤกษธาตุอมตะ ร่างกายแข็งแกร่งว่านักพรตทั่วไปเยอะโข แต่ก็ถูกกระแทกจนร่างกายยุบ
ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง อันหลินกระอักเลือด กระเด็นออกไปปานขีปนาวุธ
“พี่อัน โฮ่ง!” ต้าไป๋ที่อยู่อีกมุมตะโกนเสียงเกรี้ยว กรงเล็บตะปบตำแหน่งเดิมที่อันหลินอยู่ กลับพบว่าตรงนั้นว่างเปล่า
ชั่ววินาทีต่อมา ร่างของมันก็ถูกแรงมหาศาลโจมตีเช่นกัน ลอยไปกระแทกกับผนังเหล็กภายในห้อง ทำเอาผนังเหล็กยุบเข้าไป ร่างกายแทบจะแหลกสลาย
“ต้าไป๋ เจ้าแยกตำแหน่งของมันจากกลิ่นได้ไหม!”
อันหลินตะโกนเสียงดังในความมืด
“ไม่ได้เลย มันไม่มีกลิ่น…โฮ่ง…”
ต้าไป๋พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง การกระแทกครั้งนี้แทบจะทำให้มันพิการเสียแล้ว
อันหลินกัดฟัน ปีกผุดออกจากแผ่นหลัง เหาะไปทางต้าไป๋
ต้าไป๋สัมผัสได้ว่ามีกระแสพลังงานเข้าใกล้ จึงยกอุ้งมือขึ้นมา
“อย่าโจมตี ข้าเอง!”
อันหลินแผดเสียงลั่น ขณะเดียวกันก็คว้าขนของต้าไป๋ไว้ แผ่เพลิงอนัตตาครอบคลุมทั่วร่าง
เมื่อต้าไป๋ได้ยินว่าอันหลินเข้ามาใกล้ ถึงได้โล่งอกไปเปราะหนึ่ง แต่สีหน้าของอันหลินกลับเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
ปีศาจเงาจู่โจมอย่างไร้เสียง ไม่อาจระบุตำแหน่งผ่านเสียงและกระแสพลังงานได้ ความมืดกลืนกินแสงทั้งปวง มันทำให้อันหลินไม่รู้ว่าจะเริ่มจู่โจมจากตรงไหน
สิ่งเดียวที่โชคดีก็คือ แม้ความมืดจะเขมือบแสงสว่าง แต่มันกลืนกินพลังงานของเวทมนตร์คาถาไม่ได้ อันหลินสัมผัสอุณหภูมิได้จากเพลิงสุริยะที่ปล่อยเมื่อครู่ นับว่ามีความหวังจะทลายมันได้เช่นกัน
ผ่านไปหลายอึดใจ จู่ๆ เพลิงสุริยะก็เกิดหลุมกลวง ประหนึ่งถูกอะไรบางอย่างแหวก
“ต้าไป๋ระวัง!”
อันหลินร้องเสียงหลง ขณะเดียวกันก็ตวัดกระบี่พิชิตมารปล่อยลำแสงเจิดจ้าออกไปข้างหน้า
เขาถึงขั้นได้ยินเสียงลำแสงแหวกอากาศไปตลอดทางจนชนกับผนังหุ้มเหล็กของห้อง
ไม่โดนงั้นเหรอ อันหลินกะพริบตาปริบๆ ในตอนนั้นเอง หน้าอกของเขาก็ถูกโจมตีอย่างน่ากลัวอีกครั้ง
พลั่ก เขาถูกแรงโจมตีกระแทกจนจะเป็นลมหมดสติ
ชั่ววินาทีที่กระบี่พิชิตมารในมือถูกโจมตี ก็มุ่งไปข้างหน้าสุดชีวิตเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะคว้าน้ำเหลวเช่นเดิม
ศัตรูรวดเร็วเหลือเกิน…
ท่ามกลางความมืดที่แม้แต่ลำแสงก็ถูกกลืนกิน อันหลินทำอะไรปีศาจเงาตนนั้นไม่ได้เลย
“เจ้าบีบคั้นข้าเองนะ เพลิงมารดารา เพลิงสุริยะ เพลิงจันทร์ภฤษฏ์ มา!”
“สี่ทะเลเพลิงเทวะ ไป!”
ตูม เปลวไฟที่น่ากลัวแผ่คลุมไปทั่วทั้งห้องในพริบตา!
ภายในห้องลับที่ไม่ถือว่ากว้างใหญ่ห้องนี้ อันหลินไม่ต้องอารัมภบทเลยด้วยซ้ำ ก็ปล่อยสี่ทะเลเพลิงเทวะได้ทันที แผ่ไปทั้งสามร้อยหกสิบองศาเพื่อลากปีศาจเงาเข้าสู่เปลวเพลิงที่ไร้ที่ขอบเขต
เขามองไม่เห็นตำแหน่งของปีศาจเงา แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะโจมตีปีศาจเงาไม่ได้
อย่างเช่นตอนนี้ ปาระเบิดที่มีพลังทำลายล้างสูงออกไป ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นให้มาก ก็ทำให้ปีศาจเงาละลายเป็นเถ้าธุลีท่ามกลางเตาหลอมเปลวเพลิงได้!
ครู่ใหญ่ อันหลินหายใจหอบหยุดปล่อยสี่ทะเลเพลิงเทวะ
“ชนะแล้วหรือ โฮ่ง!” ต้าไป๋หลบอยู่ข้างหลังอันหลิน เอ่ยถามอย่างหวั่นวิตก
อันหลินก็กำลังรอให้เสียง ‘ผ่านการทดสอบ’ ดังขึ้นในห้องเช่นกัน แต่น่าเสียดาย มันไม่เกิดขึ้น…
“เป็นไปได้อย่างไร เผาไม่ตายด้วยซ้ำงั้นหรือ”
สิ่งที่ตอบเขาเป็นการพุ่งชนที่รุนแรงอย่างมหันต์อีกครั้ง
เขาสัมผัสได้เลือนรางว่า มันมีหมัดที่กลมกลึงกระแทกหน้าอกของเขา แรงหนักอึ้งปานเขาไท่ซาน ทำให้เขาเกือบจะหมดสติ
เขาก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ศัตรูร้ายกาจเกินไปหน่อยมั้ง การทดสอบแบบนี้เป็นการทดสอบระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณจริงเหรอ ไม่สิ นี่มันสุสานระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณที่บีบคั้นให้ตายชัดๆ!
พลังโจมตีสูง ไม่มีร่องรอยให้เห็น พลังป้องกันไม่แน่ชัด…
ความสิ้นหวังผุดขึ้นในใจอันหลิน หรือเซียนกระบี่ที่เลิศล้ำอย่างเขาต้องมาตายชอกช้ำที่นี่
ไม่ นี่ไม่ใช่ทางออก
เขาร้องไห้อ้อนวอนไป๋หลิงได้ ขอร้องให้ไป๋หลิงปล่อยตนออกไปได้…
ศักดิ์ศรีกับชีวิตสิ่งไหนสำคัญ
ในความมืด ราวกับเขาเห็นปีศาจเงากำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายและเย้ยหยันให้ตนอยู่
เขาปล่อยเพลิงอนัตตาอีกครั้ง ปกคลุมเขากับต้าไป๋เป็นวงกลม
ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้ปีศาจเงาจะเข้ามา ก็ต้องทะลวงเพลิงอนัตตา สามารถเตือนภัยได้ในระดับหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง ก้นของอันหลินก็ถูกโจมตีอย่างแรง!
พลังมหาศาลที่น่ากลัวซัดสาดมา คล้ายว่าจะชนกระดูกสะโพกเขาให้แตก!
ครืน
ร่างของอันหลินลอยสูงขึ้นฟ้า ชนกับเพดานโลหะผสมด้านบน ทำให้ห้องลับสั่นสะเทือน
เลือดลมภายในร่างกายอันหลินเกลือกกลิ้ง กระอักเลือดออกมา ร่างหล่นกระแทกพื้น
อับอาย งุนงง โกรธแค้น อารมณ์ทั้งหลายแล่นริ้วไปทั่วร่างกาย
จบเห่แล้วจริงๆ เหรอ ด่านทดสอบนี่จนปัญญาเหลือเกิน จนปัญญาชนิดที่อันหลินจวนจะแพ้พ่าย แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมตนถึงถูกจัดการ ทั้งๆ ที่ปีศาจเงาไม่ได้ทะลวงเพลิงอนัตตา จู่โจมเขาได้อย่างไร นี่มันตัวประหลาดอะไรกันแน่
ร่างของอันหลินร่วงหล่นลงพื้น ความเย็นเยือกของความตายเริ่มเข้าประชิด
ขณะนั้นเอง กระเป๋าของเขาก็ขยับขึ้นมา
“มืดเกินไป ต้องมีแสง!”
เสียงหวานนุ่มและเจือความโมโหดังขึ้นทันใด
“ดวงตะวันสาดส่องกลางนภา ดอกไม้ส่งยิ้มให้ข้า…”
“นกน้อยพูดว่า มืดเกินไป…จะให้ข้าไปเป็นหลอดไฟ!”
เมื่อเสียงเพลงอันไพเราะดังขึ้น สายลมก็โชยผ่าน
จานกลมสีทองที่สว่างเจิดจ้าก็ปรากฏในห้องราวกับเป็นพระอาทิตย์ ดุจดั่งกระบี่สี่ทองฉีกทึ้งความมืด นำแสงสว่างมาสู่ห้องห้องนี้!
“อา…เจิดจ้านัก! โฮ่ง!” ต้าไป๋จวนตาบอดแล้ว
อันหลินถูกแสงสว่างที่สาดมากะทันหันเช่นนี้ทำเอาเวียนหัวไปชั่วขณะ ถึงขั้นว่าสว่างจนน้ำตาเล็ด
“หึ กล้าทำให้ข้ามืด ข้าส่องให้สว่างเลยคอยดู!” เสียงหวานละมุนดังขึ้นอีกครั้ง
อันหลินได้ยินชัดเจนแล้ว นี่มันเสียงของเสี่ยวหง!
เขาเบิกตาที่มีน้ำตาคลอ เห็นหญิงสาวรูปงามสวมชุดสีแดงดุจเพลิงยืนอยู่กลางนภา เหนือศีรษะมีดวงอาทิตย์ ในมือถือคทาสีแดง
อย่าถามเลยว่าทำไมถึงมีพระอาทิตย์เหนือหัวของเสี่ยวหง ในมือถึงถือคทา เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน!
เบื้องล่าง ในที่สุดร่างสีดำร่างหนึ่งเผยรูปร่างแล้ว กำลังสั่นระริกภายใต้แสงสว่าง
อันหลินนิ่งไปเมื่อเห็นร่างนั้น ศัตรูของเขา ปีศาจเงาที่โหดเหี้ยมน่ากลัวในตำนานเป็นจิงโจ้ตัวหนึ่งเนี่ยนะ! เป็นจิงโจ้ขนดำที่สูงขนาดครึ่งตัวคน สวมถุงมือสีดำ!
“ถึงเจ้าจะน่ารักมากก็ตาม แต่เจ้าทำร้ายเจ้านายของข้า ตายสถานเดียว!”
เสี่ยวหงตวาด คทาสีแดงในมือก็หมุนรอบกายอรชร
“ตัวแทนแห่งดวงตะวันจะลงทัณฑ์เจ้า ไปเลย ทูตแห่งทินกร!”
เมื่อคทาสีแดงส่องแสงสีทองอำไพ ร่างนักบวชสีทองเปลือยเปล่าก็เริ่มปรากฏให้เห็น จากนั้นก็รัวหมัดใส่จิงโจ้ไม่หยุด
อย่าถามว่าทำไมเสี่ยวหงถึงสร้างภาพของนักบวชที่พิลึกเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน!
จิงโจ้สีดำเห็นนักบวชเปลือยกายพุ่งเข้าไปก็สะดุ้งทันที มีรอยแยกสีดำปรากฏขึ้นข้างหลัง จากนั้นมันก็กระโดดมุดตัวเข้าไปในรอยแยก
รอยแยกเชื่อมสมาน ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบ...
ไม่ ในใจอันหลินไม่สงบเลยสักนิด!
จู่ๆ นักบวชที่เปลือยกาย กล้ามเนื้อกำยำก็ส่งยิ้มใจดีให้อันหลิน
อันหลินขนลุกชูชัน นี่มันตัวอะไรกันแน่!